All-New Honda City เจนเนอเรชั่นที่ 5 เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย ครั้งแรกกับรุ่น RS สปอร์ตเร้าใจทุกมุมมอง เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ ใหม่ ตัวถังใหญ่ขึ้น พร้อมกับเพิ่มอุปกรณ์มาตรฐานในราคาที่ถูกลง
ราคาและรุ่นย่อย
- รุ่น RS ราคา 739,000 บาท
- รุ่น SV ราคา 665,000 บาท
- รุ่น V ราคา 609,000 บาท
- รุ่น S ราคา 579,500 บาท
Honda City นับเป็นหนึ่งในยนตรกรรมที่สำคัญของฮอนด้า เปิดตัวเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียเมื่อปี พ.ศ. 2539 และได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เจเนอเรชัน 1 ถึง เจเนอเรชัน 4 ยอดขายสะสมใน 60 ประเทศทั่วโลกกว่า 4 ล้านคัน ประเทศไทยถือเป็นตลาดหลักของ City ทั้งในแง่ของการเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง อีกทั้งเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของฮอนด้าในภูมิภาค ด้วยเหตุนี้ฮอนด้าญี่ปุ่นจึงได้เลือกเปิดตัว All-New Honda City ที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกของโลก
City เจเนอเรชันใหม่ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมและเหนือกว่ารถในระดับเดียวกันในทุกด้าน และยังเพิ่มความคุ้มค่าด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ซึ่งมาพร้อมราคาที่ปรับลดลงในทุกเกรด การตัดสินใจเปลี่ยนเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร มาเป็น 1.0 ลิตร เทอร์โบ ทำให้ City ใหม่เข้าเกณฑ์อีโค่คาร์ เฟส 2 ทำให้สามารถทำราคาได้ถูกลง และยังเป็นเครื่องยืนยันด้วยว่ารถนั้นประหยัดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
รูปลักษณ์ใหม่
City ใหม่มาพร้อมดีไซน์ภายนอกที่สปอร์ตและสง่างาม เส้นสายตัวถังมีความเฉียบคมยิ่งขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์ในทุกรุ่นย่อย ขั้นกลางระหว่างไฟหน้าด้วยกระจังหน้าโครเมี่ยม ไฟท้ายแบบ LED รูปทรงใหม่โฉบเฉี่ยวสวยงาม ทุกรุ่นย่อยมาพร้อมเสาอากาศแบบครีบฉลาม รุ่น V และ SV ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว หุ้มยาง 185/60 R15 รุ่นเริ่มต้น S เป็นล้อเหล็กพร้อมฝาครอบ 15 นิ้ว
เป็นครั้งแรกที่ City มีรุ่น RS ให้เลือก โดยรุ่นนี้มีการอัพเกรดอุปกรณ์หลายอย่างให้สปอร์ตหรูหรามากกว่าที่เคย ตกแต่งภายนอกด้วยชุดแต่งสไตล์สปอร์ตแบบ RS รอบคัน กระจังหน้าแบบ Gloss Black และสัญลักษณ์ RS มาพร้อมกันชนหน้าและกระจังหน้าสไตล์สปอร์ต ไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ LED แนวเดียวกับ Civic และ Accord รุ่นพี่พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟตัดหมอกแบบ LED กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ลิปสปอยเลอร์หลังแบบ Gloss Black พร้อมสัญลักษณ์ RS ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว หุ้มยาง 185/55 R16 และสีภายนอกใหม่ สีแดงอิกไนต์ (Ignite Red) เฉพาะรุ่น RS
มิติตัวถังยาว 4,553 มิลลิเมตร กว้าง 1,748 มิลลิเมตร สูง 1,467 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,589 มิลลิเมตร ระยะต่ำสุดถึงพื้น 135 มิลลิเมตร ความจุถังน้ำมัน 40 ลิตร น้ำหนัก 1150 – 1165 กิโลกรัม
ห้องโดยสารกว้างขึ้น
ห้องโดยสารของ City ใหม่กว้างขวางกว่าที่เคยด้วยการออกแบบพื้นที่ให้สอดคล้องกับสรีระ เพื่อความสะดวกสบายในทุกที่นั่งทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร มาพร้อมความหรูหราและสวยงามยิ่งขึ้นในโทนสีดำ หรือเบาะหนังและภายในสีทูโทน ไอเวอรี่/ดำ (เฉพาะรุ่น SV) แดชบอร์ดหน้าดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยชิ้นส่วนสีดำ Piano Black มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียม ตอบสนองทุกการขับขี่ด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม อาทิ มาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์, ปุ่ม ECON, ระบบควบคุมประตู Honda Smart Key รวมถึงระบบ Idle Stop พร้อมสวิตช์เปิด-ปิด พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง เบาะนั่งปรับสูง-ต่ำได้
รุ่น RS สะท้อนอารมณ์ความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง จอแสดงข้อมูลการขับขี่พร้อมมาตรวัดเรืองแสงสีแดง มีแพดเดิลชิฟท์และครูสคอนโทรลเพิ่มเข้ามา
ระบบเครื่องเสียงของ City ใหม่เป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันพร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ รุ่น RS มีลำโพง 8 ตัว พร้อมรองรับระบบ Honda Connect เชื่อมต่อรถยนต์ผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ประกอบด้วยฟังก์ชั่นหลัก 8 อย่าง อาทิ ตรวจสอบการเข้ารับบริการ พฤติกรรมการขับขี่ เชื่อมต่อไวไฟจากรถยนต์ สั่งล็อกและปลดล็อกรถ และแสดงพิกัดรถยนต์ เป็นต้น
หัวใจดวงใหม่
All-New Honda City ถูกพูดถึงอย่างมากกับเครื่องยนต์ตัวใหม่ เบนซิน 3 สูบ ความจุ 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบต่อนาที ฮอนด้าบอกว่าเครื่องยนต์ใหม่นี้ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร (เมื่อเทียบกับรุ่นเดิม) และแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 23.8 กิโลเมตร/ลิตร ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 5 ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 99 กรัม/กิโลเมตร เท่านั้น และสามารถรองรับน้ำมัน E20 ได้อีกด้วย
ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พิเนียน รัศมีวงเลี้ยว 5.0 เมตร เบรกหน้าเป็นดิสก์เบรกพร้อมครีบระบายความร้อน เบรกหลังเป็ยแบบดรัมเบรก กันสะเทือนหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง กันสะเทือนหลังแบบทอร์ชั่นบีม
เพิ่มความมั่นใจในทุกการขับขี่ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัย ประกอบด้วย ด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON, ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง, ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS), พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD), ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA), ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA), สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS), กุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมสัญญาณกันขโมย, และกล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera)
All-New Honda City มีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่
- สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น RS
- สีขาวแพลทินัม (มุก) เฉพาะรุ่น RS และรุ่น SV (เพิ่ม 10,000 บาท)
- สีดำคริสตัล (มุก) (เพิ่ม 6,000 บาท)
- สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)
- สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก)
- สีขาวทาฟเฟต้า เฉพาะรุ่น V และรุ่น S
เสริมความสปอร์ตไปอีกขั้นด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล (Modulo) รอบคัน โดยมีไอเท็มให้เลือก เช่น สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก ราคา 8,150 บาท แป้นคันเร่งและเบรกดีไซน์สปอร์ต ราคา 1,300 บาท คิ้วบันได LED ราคา 4,400 บาท ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วลายสปอร์ต ราคา 3,600 บาท (ราคาต่อ 1 วง ไม่รวมยาง) ไฟตัดหมอกแบบ LED ราคา 5,500 บาท และกล้องหน้ารถ ราคา 3,850 บาท
นอกจากนี้ยังมีให้เลือกในรูปแบบแพ็กเกจ ทั้งหมด 3 แพ็กเกจ ได้แก่
- Modulo Aero Package ราคา 15,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง และสเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น
- Modulo Aero RS Package ราคา 17,900 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง และ สเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น
- Modulo Aero Sport Package ราคา 23,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง สเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น และ สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก
ข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่จอง City ใหม่ ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 – 31 ธันวาคม 2562 และรับรถภายในวันที่ 31 มกราคม 2563 รับนาฬิกา Fitbit Smart Tracker รุ่น Charge 3 สี Graphite/Black มูลค่า 6,490 บาท
สัมผัส All-New Honda City ได้ที่บูทฮอนด้า (A14) ในงาน Motor Expo 2019 ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2562 ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี และพบกับ Honda City ใหม่ได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป
สอบถามข้อมูลจากที่ปรึกษาการขายได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.honda.co.th/city โดยสามารถลงทะเบียนเพื่อทดลองขับผ่าน www.honda.co.th/testdrive