All-New Honda Accord เจนเนอเรชั่นที่ 10 เปิดตัวสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการ รูปลักษณ์ใหม่สปอร์ตพรีเมี่ยม มาพร้อมขุมพลัง 2 ทางเลือก จัดเต็มความปลอดภัย Honda Sensing อัดออปชั่นเด็ดไว้อีกเพียบ
หลังจากพรีวิวให้ชมกันไปก่อนหน้านี้ที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป เมื่อปลายปีที่ผ่านมา วันนี้การรอคอยได้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อ All-New Honda Accord เปิดตัวอย่างเป็นทางการ นับเป็นการกลับมาทวงพื้นที่ตลาด D-Segment ที่ไม่ร้อนแรงแต่มีความสำคัญเป็นหน้าเป็นตาของแบรนด์ เปิดตัวทั้งหมด 3 รุ่นย่อย
- รุ่น HYBRID TECH ราคาไม่เกิน 1,800,000 บาท
- รุ่น HYBRID ราคาไม่เกิน 1,650,000 บาท
- รุ่น TURBO EL ราคาไม่เกิน 1,500,000 บาท
* ฮอนด้าจะประกาศราคาอย่างเป็นทางการพร้อมการวางจำหน่าย All-New Honda Accord ในเดือนพฤษภาคม 2562
ขุมพลังการขับเคลื่อน
All-New Accord มาพร้อมเครื่องยนต์ 2 ทางเลือก ได้แก่ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO 190 แรงม้า และเครื่องยนต์ Sport Hybrid
i-MMD 215 แรงม้า นี่คือขุมพลังบล็อกใหม่ที่สะท้อนถึงแนวทางการพัฒนารถของฮอนด้าที่มุ่งเน้นเครื่องยนต์ขนาดเล็กแต่มีประสิทธิภาพสูง
เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 243 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 5,000 รอบต่อนาที ใช้เทคโนโลยีไดเรคอินเจคชัน (Direct Injection) ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง และเทอร์โบชาร์จเจอร์ (Turbocharger) ที่ช่วยอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้เครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ประสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้สมรรถนะการขับขี่มากกว่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร และให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ 16.4 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งมากกว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรในรุ่นเดิม และรองรับน้ำมัน E85 ด้วย
อีกหนึ่งระบบขับเคลื่อนเป็นเครื่องยนต์ลูกผสมที่มีชื่อเท่ๆ ว่า Sport Hybrid Intelligent Multi Mode Drive (i-MMD) เป็นการทำงานของเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 145 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 175 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว รวมกำลังสูงสุดทั้งระบบ 215 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT)
ระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid i-MMD ใหม่ เป็นระบบ Full Hybrid ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 24.4 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งยังมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำเพียง 97 กรัม/กิโลเมตร ขณะที่ชุดแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนได้มีการย้ายตำแหน่งจากใต้ห้องเก็บสัมภาระท้ายมาไว้ที่ใต้เบาะนั่งด้านหลัง ทำให้พื้นที่ห้องเก็บสัมภาระไม่ถูกรบกวนแต่อย่างใด
ระบบไฮบริดสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) มอเตอร์จะขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่ และในขณะที่ยกคันเร่งเพื่อชะลอความเร็วหรือเบรก ระบบจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดขึ้นเป็นพลังไฟฟ้าชาร์จกลับไปยังแบตเตอรี่ โหมดนี้จึงมีความเงียบไม่ต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าล้วน
โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) รถจะใช้พลังงานไฟฟ้าจากทั้งเครื่องยนต์และแบตเตอรี่มาผสานกำลังในการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ได้แรงบิดสูงสุดอย่างรวดเร็ว อัตราเร่งทันใจ และในขณะยกคันเร่งชะลอความเร็วหรือเบรก เครื่องยนต์จะหยุดการทำงานและชาร์จไฟกลับอย่างมีประสิทธิภาพ
โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) พลังขับเคลื่อนทั้งหมดมาจากเครื่องยนต์ โดยชุดคลัทช์ที่อยู่ในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อกลับเครื่องยนต์และส่งกำลังไปที่ล้อโดยตรง
นอกจากนี้ยังมาพร้อมโหมดการขับขี่แบบสปอร์ต (Sport Drive Mode) ที่สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายเพียงกดปุ่ม Sport ที่อยู่บริเวณคันเกียร์ เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสอารมณ์การขับขี่ในสไตล์สปอร์ตที่สนุกสนานเร้าใจยิ่งขึ้น
ดีไซน์สปอร์ตพรีเมี่ยม
เมื่อก่อนเราอาจชินตากับภาพของรถ D-Segment ที่ดูหรูหราภูมิฐาน ดูเป็นผู้ใหญ่ แต่สำหรับฮอนด้านั่นคือภาพลักษณ์ในอดีต All-New Accord จึงถูกปรับลุคใหม่ให้ดูสปอร์ตทันสมัยแต่ยังแฝงความพรีเมี่ยมหรูหราไว้อย่างลงตัว เห็นได้ชัดจากรูปทรงตัวถังที่มีความสปอร์ตในแนวทางของคูเป้ 4 ประตู หลังคาลาดลงด้านท้าย
การออกแบบมีความเรียบหรูแต่ประณีตในทุกรายละเอียดด้วยเส้นสายที่ปราดเปรียวและเฉียบคม หน้ารถโดดเด่นด้วยกระจังหน้าโครเมียมพาดยาวตลอดความกว้าง เชื่อมต่อกับชุดไฟหน้าและไฟ Daytime Running Lights แบบ LED กันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตถูกประดับด้วยไฟตัดหมอก LED กึ่งกลางของช่องรับอากาศหน้าเป็นชุดเรดาร์ของระบบ Honda Sensing
โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยเส้นโครเมี่ยมที่กรอบหน้าต่างและที่ชายล่างตัวถัง ไฟท้าย LED รูปทรงเป็นเอกลัษณ์ พร้อมด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่สไตล์สปอร์ตขนาด 17 นิ้ว ในรุ่นเทอร์โบ และขนาด 18 นิ้ว ในรุ่นไฮบริด
ภายในห้องโดยสารที่ได้รับการออกแบบอย่างประณีต ผสมผสานความความสปอร์ตและความหรูหราพรีเมียมได้อย่างลงตัว ผ่านการใช้โครงสร้างเส้นสายในแนวนอน เพื่อทำให้บริเวณคอนโซลกลางโปร่งโล่ง และส่งผลให้มีพื้นที่ช่วงขามากขึ้น แดชบอร์ดและแผงประตูตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้เพิ่มความหรูหรา
สะดวกสบายด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานระดับพรีเมียม อาทิ ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-Up Display : HUD) มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI และอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) เป็นต้น
ระบบความปลอดภัยขั้นสูง
All-New Accord มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda Sensing ที่ผสานการทำงานของเรดาร์และกล้องด้านหน้า ในการตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนน ช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่และช่วยควบคุมรถในสถานการณ์การขับขี่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ขับขี่ และเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน ซึ่งมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น ประกอบด้วย
- ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นล้ำสมัยระดับพรีเมียม อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor: CTM) ด้วยเสียงและสัญลักษณ์เตือนบนหน้าจอ เมื่อมีรถยนต์คันอื่นขับสวนเข้ามาทางด้านซ้ายหรือขวาขณะรถถอย
ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-View Camera System: MVCS) จะทำงานผ่านกล้องที่ติดตั้ง 4 จุดรอบคัน (ด้านหน้า หลัง ซ้าย และขวา) สามารถแสดงภาพได้ครบทุกมุมมอง รวมถึงภาพจำลองจากมุมสูงเพื่อให้เห็นทุกทิศทางรอบคัน
และระบบช่วยจอดอัจฉริยะ พร้อมระบบช่วยเบรก (Honda Smart Parking Assist System) ระบบจะช่วยควบคุมพวงมาลัยอัตโนมัติ โดยเพียงแค่เดินหน้าหรือถอยหลังไปตามคำแนะนำ และตามตำแหน่งบนหน้าจอ ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ขับขี่ทั้งการจอดรถแนวขนานและการถอยหลังเข้าจอดได้อย่างง่ายดาย เป็นต้น
All-New Honda Accord มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีใหม่ สีขาวแพลทินัม (มุก), สีดำคริสตัล (มุก), สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) มาพร้อมสีภายในห้องโดยสาร 3 สี ได้แก่ สีไอวอรี่เบจ, สีดำ และ สีน้ำตาล (เฉพาะรุ่น HYBRID TECH) ซึ่งขึ้นอยู่กับสีตัวรถภายนอก
พบ All-New Honda Accord ตัวจริงได้ที่งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายน 2562 นี้ ณ บูธ A9 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของ All-New Honda Accord ก่อนใครได้ภายในงานหรือที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือ www.honda.co.th/accord
Gallery