ดูเหมือนว่าเชฟโรเลตจะปรับกลยุทธิ์ใหม่จากการประกาศว่ารถอเนกประสงค์ All-New Chevrolet Captiva จะมีราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 1 ล้านบาท รวมถึงรูปโฉมภายนอกที่ปรากฏตัวในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมาดูจะออกแนวกึ่งๆ เอ็มพีวีและครอสโอเวอร์ แถมยังมีให้เลือกทั้งแบบ 5 และ 7 ที่นั่ง ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า
การปรับขนาดเครื่องยนต์ให้มีขนาดเล็กลงน่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ Captiva ใหม่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงและมาพร้อมราคาค่าตัวที่ถูกลง จากเดิมที่เคยขับเคี่ยวกับ Honda CR-V และ Mazda CX-5 ในกลุ่มครอสโอเวอร์ขนาดกลางพิกัดเครื่องยนต์เกิน 2.0 ลิตร ตอนนี้ตลาดที่เชฟโรเลตต้องการจะลงมามีเอี่ยวด้วยก็คือกลุ่มอเนกประสงค์ 7 ที่นั่งราคาต่ำกว่า 1 ล้านอย่าง Mitsubishi Xpander และ Suzuki Ertiga จึงคาดการณ์ได้ว่า Captiva ใหม่คือการออกมาขายควบถึง 2 กลุ่มเซกเมนต์ ซึ่งจะเกิดหรือดับต้องรอดูกันเมื่อมันเปิดตัวพร้อมประกาศรายละเอียดและราคา
เชฟโรเลตได้เปิดเผยรายละเอียดบางส่วนของ Captiva ใหม่ออกมาแล้วโดยเลือกติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติแปรผันอัจฉริยะรุ่นใหม่ (CVT) ที่พัฒนาร่วมกับ Bosch ระบบเกียร์แปรผันอัจฉริยะใหม่ใช้เซ็นเซอร์ในการประมวลสภาพถนนเพื่อเพิ่มหรือลดอัตราการเร่งที่มี 8 ระดับ อย่างนุ่มนวลผ่านโปรแกรมคำนวนอัจฉริยะ มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบให้กับผู้ขับขี่ และยังสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นโหมดประหยัดพลังงานที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ (Eco) หรือโหมดสปอร์ต (Sport)
เครื่องยนต์ของ Captiva ใหม่ มอบพลังขับเคลื่อน 143 แรงม้า ด้วยเทอร์โบชาร์จเจอร์ใหม่ล่าสุดจากฮันนี่เวล (Honeywell) เริ่มทำงานที่ 1,000 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุดถึง 250 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 3,600 รอบต่อนาที ทำให้ Captiva ใหม่เป็นหนึ่งในรถอเนกประสงค์ที่ให้แรงบิดสูงสุดในบรรดาเซกเมนต์ C-SUV เครื่องยนต์รุ่นนี้มาพร้อมระบบการเผาไหม้ประสิทธิภาพสูงให้แรงบิดได้อย่างรวดเร็วพร้อมระบบเผาไหม้ที่สมบูรณ์ รวมถึงระบบไอเสียที่ปรับความดันอย่างเหมาะสมเพื่อประสิทธิภาพในการใช้พลังงานที่ดียิ่งขึ้น
เครื่องยนต์ของ Captiva ใหม่ ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูงระดับเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบิน อาทิ เหล็กที่มีความแข็งแกร่งพิเศษ ทนความร้อนสูง และน้ำหนักเบา มั่นใจด้วยการทดสอบเครื่องยนต์มากกว่า 10,000 ชั่วโมง ผ่านการทดสอบในสภาวะที่ร้อนจัดและเย็นจัด ไปจนถึงการทดสอบการขับขี่ในสภาวะจำลองกว่า 300,000 กิโลเมตร
การปรับขนาดเครื่องยนต์ให้มีขนาดเล็กลงพร้อมเพิ่มเทอร์โบเข้ามาช่วยในการทำงานทำให้ Captiva ใหม่ มีขนาดและน้ำหนักลดลง โดยมีน้ำหนักน้อยกว่ารุ่นก่อนหน้าที่ใช้เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ถึง 200 กิโลกรัม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นรุ่น 5 หรือ 7 ที่นั่ง ผลลัพธ์ คือ รถยนต์ที่มีน้ำหนักลดลงจะใช้พละกำลังน้อยลงในการคงสมรรถนะเดิมไว้
เทอร์โบชาร์จจื้ง เป็นเทคโนโลยีที่จีเอ็มนำมาใช้เพิ่มพละกำลังและสมรรถนะให้กับเครื่องยนต์ขนาดเล็ก ประสิทธิภาพของเทอร์โบชาร์จเจอร์เปรียบได้กับการที่รถยนต์หนึ่งคันมีเครื่องยนต์สองเครื่อง เครื่องหนึ่งช่วยในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน ขณะที่อีกเครื่องหนึ่งนั้นเป็นขุมพลังให้กับรถยนต์ ในสภาวะการขับขี่ทั่วไปรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จเจอร์ในขนาดที่เหมาะสมจะประหยัดน้ำมันมากกว่ารถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่แต่ไม่มีเทอร์โบชาร์จเจอร์ Captiva ใหม่ คือตัวอย่างที่ทำให้เราเห็นว่าเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จเจอร์ ทำให้รถรุ่นนี้เป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ให้แรงบิดสูงสุดเมื่อเทียบกับรถยนต์ประเภทเดียวกัน
พละกำลังของเทอร์โบชาร์จเจอร์เกิดจากการไหลเวียนของอากาศภายในเครื่องยนต์ ส่งผลให้มีการอัดอากาศเข้ากระบอกสูบมากขึ้น ทำให้การทำงานของเครื่องยนต์โดยเฉพาะอัตราเร่งเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ เทคโนโลยีนี้ใช้การดึงไอเสียจากรถยนต์ไปหมุนใบพัดเพื่อช่วยในการอัดมวลอากาศเข้าไปในเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มพละกำลังให้กับเครื่องยนต์
All-New Chevrolet Captiva จ่อเปิดตัวภายในครึ่งปีหลังนี้ รายละเอียด สเปก ออปชั่น ราคา จะเป็นอย่างไร อีกไม่นานเกินรอได้รู้กัน