Bentley เผยโฉมอัครยนตรกรรมสปอร์ตซีดานรุ่นล่าสุด All-New Bentley Flying Spur นำเสนอความลงตัวของรถลีมูซีนและอารมณ์สปอร์ตซีดาน ตอกย้ำความเป็นผู้นำระดับโลกในความปราณีตบรรจงของงานฝีมีระดับปรมาจารย์ทั้งคุณภาพภายในตัวรถและดีไซน์
Flying Spur เจนเนอเรชั่นที่ 3 ออกแบบที่เมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ มาพร้อมพลังฝีมือทางด้านเทคโนโลยีที่ไม่เป็นสองรองใคร โดยได้ถูกกำหนดให้เป็นรถแกรนด์ทั่วริ่งซีดานที่มีความหรูหราที่สุดในตลาดปัจจุบัน นำเสนอทั้งเทคโนโลยีที่ผสานโครงรถยนต์อะลูมิเนียมและระบบการควบคุมไฟฟ้า 48 โวลต์เข้าด้วยกัน
ดีไซน์ของตัวรถยังคงไว้ซึ่งความสวยงามเลอค่า รูปทรงทันสมัย มีสัดส่วนโครงสร้างที่แข็งแรง โครงสร้างไฟหน้า LED ได้รับแรงบันดาลใจจากแก้วคริสตัล ล้อมด้วยแผ่นโลหะเคลือบโครเมียม พร้อมไฟท้ายแบบใหม่ถูกออกแบบมาเป็นรูปตัวอักษร B ล้อมด้วยลวดลาย diamond knurling โลโก้ Flying B ที่กระจังหน้าถูกปรับให้มีความทันสมัยขึ้น เส้นสายตัวถังออกแบบตามเส้น power line ของ Continental GT รุ่นล่าสุด ฐานล้อยาวขึ้น 130 มม. เมื่อเทียบกับเจนฯ 2 ออฟชั่นมาตรฐานเป็นล้อขนาด 21 นิ้ว ล้อ 22 นิ้วจาก Mulliner มีเป็นออปชั่นเสริม
ตัวถังของ Flying Spur ใหม่ใช้เทคโนโลยีล่าสุดในการอัดอะลูมิเนียมและหล่อพร้อมกับเหล็กที่มีความแข็งแรงสูง ตัวถังจึงมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น หรูหราด้วยหลังคากระจกพาโนรามิครูฟ โดยแผงด้านหน้าสามารถสไลด์ไปคลุมเหนือ แผงด้านหลังได้อีกด้วย ซึ่งในรุ่นนี้ยังเพิ่มในส่วนหนังแผงกัน Alcantara ที่เคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า มีสีตัวถังมาตรฐาน 17 สี พร้อมกับสีวัสดุบุหลังคาอีก 15 สี
ภายในของ Flying Spur ใหม่ พร้อมกับเบาะนั่งที่ให้ความนุ่มสบาย แหวกแนวด้วยการปักที่มีสีด้ายให้เลือกกว่า 15 เฉดสี อีกทั้งคอนเซปต์ Bentley’s ‘Wing’ ที่สองข้างของปีกอันทรงพลังพาดผ่านคอนโซลหน้าและแผงหน้าปัดด้านหน้าของรถ นอกจากนั้นยังมีไม้วีเนียร์ประดับบริเวณแผงหน้าปัดรถยนต์และบริเวณประตู ให้รถดูกว้างยิ่งขึ้น
กลางแดชบอร์ดเป็นจอดิจิทัลอเนกประสงค์สุดล้ำ Bentley Rotating Display ที่ประกอบด้วยจอทัชสกรีน 12.3 นิ้ว ติดตั้งบนพาแนลสามด้านแบบหมุนได้ ผู้ขับจึงสามารถสลับผลัดเปลี่ยนระหว่างลายไม้วีเนียร์, จอทัชสกรีนอเนกประสงค์ หรือมาตรวัดแบบอนาล็อก 3 ช่องสุดคลาสสิคที่แสดงผลอุณหภูมิ เข็มทิศ และนาฬิกา มีที่ชาร์จไร้สาย และพอร์ต USB อีก 2 จุดสำหรับอุปกรณ์สื่อสาร อีกทั้งยัง
เบาะนั่งและแผงประตูปักลาย Three-dimensional diamond ช่องแอร์กลางเป็นลาย Diamond knurling ประดับด้วยนาฬิกา รวมถึงปุ่มควบคุมคำสั่งของชุดซอฟแวร์ใหม่ที่ถูกรังสรรค์อย่างประณีต นอกจากนี้ยังมีออฟชั่นใหม่ล่าสุด Mood Lighting ที่สามารถเลือกสีไฟภายในสร้างบรรยากาศได้ถึง 7 สี
เบาะของ Flying Spur ใหม่ มีระบบฟังก์ชั่นต่างๆ อาทิ ระบบทำความร้อน, ระบบระบายอากาศ, ระบบเก้าอี้นวด, ระบบปรับเบาะเอียงด้านบน ซึ่งมาพร้อมกับตัวเลือกของ Mulliner Driving Specification ที่สวยงามด้วยการปักและถักทอของปรมาจารย์ชั้นครูจากเบนท์ลีย์ เบาะหลังให้ความรู้สึกกว้าง มีที่พักแขนในส่วนกลาง และที่พักคอที่สามารถพับเก็บได้
Flying Spur ใหม่ ติดตั้งแผงหน้าปัดดิจิตอลเต็มรูปแบบ และ Bentley Rotating Dispaly หน้าจอแสดงผลสำหรับการสื่อสารข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ขับขี่ ความคมชัดจากหน้าจอระบบสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้ว ในระบบ HD ที่มีเซนเซอร์โดยหน้าจออัจฉริยะสามารถนำเสนอทั้งหน้าจอเดียวและ หน้าจอในอัตราสวน 2:1 หรือ สามารถโชว์ ผลได้ถึง 3 ฟังก์ชั่นใน Home screen
ด้านหลังของผู้โดยสารมีหน้าจอที่มาพร้อมกับรีโมตคอนโทรล สามารถกดปุ่มเพื่อดึงออกมาหากต้องการใช้เป็นรีโมต นอกจากนี้รีโมตยังสามารถควบคุมระบบอื่นๆ ของรถได้ อาทิ ฉากกั้น เก้าอี้นวดด้านหลัง ระบบควบคุมอุณหภูมิของผู้โดยสาร และ ควบคุมไฟ Mood Lighting
ระบบเสียงใน Flying Spur ใหม่ มี 3 แบบ เริ่มต้นด้วยระบบเสียงมาตรฐาน 650 วัตต์ ลำโพง 10 ตัว ขยับขึ้นมาเป็นระบบเสียง Bang & Olufsen 1,500 วัตต์ ที่มาพร้อมกับลำโพง 16 ตัว กับแผงประดับที่ให้ความสวยงาม และระบบเสียงที่ดีที่สุดคือ Naim 2,2000 วัตต์ ลำโพง 19 ตัว พร้อมเครื่องแปลงความถี่เสียงติดตั้งไว้หน้าที่นั่งทั้ง 2 ข้าง ให้ความคมชัดของเสียงและสามารถปรับเสียงได้ถึง 8 โหมดด้วยกัน
All-New Flying Spur เปิดตัวด้วยเครื่องยนต์เบนซิน W12 TSI 6.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ ซึ่งคิดค้น พัฒนา และประกอบด้วยมือที่เมืองครูว์ ให้กำลังสูงสุด 626 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 สปีด ของ ZF อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 333 กม./ชม.
Flying Spur ใหม่ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราส่วนการส่งกำลังหน้า-หลังแบบ 60:40 มีการปรับปรุงระบบคลัชให้ตอบสนองการขับขี่ในล้อหลังให้สัมพันธ์กับสภาพถนนโดยตรงอย่างอัตโนมัติ แรงบิดของรถนั้นผันแปรโดยตรงกับ Drive Dynamics Mode โหมด Comfort จะส่งกำลัง 480 นิวตันเมตร ไปที่ล้อหน้าเพื่อการยึดเกาะที่ดีเยี่ยม ในโหมด Sport ส่งแรงบิดไปล้อหน้า 280 นิวตันเมตร และเพิ่มแรงบิดไปที่ล้อหลังให้มากขึ้น โดยกำลังแรงบิดนี้ได้รับผลโดยตรงจาก ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง ช่วยให้เบรกได้อย่างสมดุลย์แม้ในการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง
Flying Spur ใหม่ยังมีระบบเลี้ยว 4 ล้อซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกติดตั้งเป็นครั้งแรก มีการปรับปรุงระบบ Air spring แบบสามห้องที่ประกอบไปด้วยลมกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า และเพิ่มฟีเจอร์ CDC (Continuous Damping Control) ลดการสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ลง นอกจากนี้ Flying Spur ยังมาพร้อม ระบบเซ็นเซอร์รอบคันที่สามารถวัดระยะระหว่างแกนกลางกับตัวรถ ในกรณีที่ระบบจับความแตกต่างในระดับความสูงปรกติ ระบบอากาศ ในสปริงจะถูกฟื้นฟูให้เหมาะกับระดับปรกติอย่างสมบูรณ์
ระบบ Bentley Dynamic Ride System ได้ถูกออกแบบและพัฒนาระบบการทรงตัว และ ความนุ่มสบายมากขึ้น ระบบนี้มาพร้อมกับการควบคุมของกระแสไฟ 48 โวลต์ โดยจัดการความหนึบแน่น ของเหล็กกันโคลงเพิ่มการเกาะตัวของรถ ตามคำสั่งของการเข้าโค้ง และปรับให้ฟลายอิ้ง สเปอร์นั้นมีความเสถียรเช่นเดิม
จานเบรกมีขนาด 420 มิลลิเมตร ประกบกับคาลิปเปอร์มาตรฐานสีดำเงา และมีออฟชั่นในสีแดงเงาให้เลือก ท่อไอเสียเป็นแบบแบบ adaptive ที่ควบคุมระบบลิ้นลูกสูบ และการเคลื่อนตัวของทางเดินลมและแก๊ส ให้คนขับได้ทราบถึงสภาวะต่างๆ ของรถ
ด้านระบบช่วยขับขี่มีครบครันทั้ง Traffic Assist, City Assist, Blind Spot Warning, Head-Up Display รวมถึง Top View Camera กล้องติดรถคุณภาพสูงที่ช่วยทำให้ผู้ขับขี่บันทึกเหตุการณ์บนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นขณะขับขี่โดยรอบหรือจอดรถ และระบบถอยจอดรถอัตโนมัติอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี LED Matrix ให้ความสว่างและการตัดแสงโดยหลีกเลี่ยงแสงแยงตาจากรถฝั่งตรงข้าม
Gallery