นายกฤษณะกร เศวตนันทน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาวดี้ ประเทศไทย เผยกลยุทธ์การตลาดของอาวดี้ ตลอดปี 2565 ที่ส่งผลให้อาวดี้ก้าวขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ทางเลือกของลูกค้าในกลุ่มแบรนด์รถหรู จากแนวคิด “Customer Centric” ลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญในการบริหารแบรนด์ Audi ในประเทศไทย ผสมผสานกับการปรับ กลยุทธ์เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ใหม่ การปรับตัวขององค์กร พลิกสถานการณ์ 360 องศา และรุกนำหน้าตลาดเสมอ ที่สำคัญยังได้แรงสนับสนุน ความร่วมมืออย่างเต็มที่จากบริษัทแม่ AUDI AG พร้อมก้าวเข้าสู่ปีที่ 7 กับการเติบโตอย่างยั่งยืนในปี 2566
“ส่งท้ายปี 2565 กับงาน Thailand International Motor Expo ครั้งที่ 39 ทั้งนี้อาวดี้ เราได้คัดสรรรถยนต์ต้นแบบ รุ่นยอดฮิตหลากหลายรุ่นมาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ลูกค้าแต่ละเซกเมนต์ โดยนำมาจัดแสดงในงาน Motor Expo และที่สำคัญที่จะขาดไม่ได้ คือ แคมเปญพิเศษที่อาวดี้จัดมาเพียบ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าให้ตรงความต้องการมากที่สุด ภายใต้พื้นที่บูธขนาด 800 ตารางเมตร ในงาน Motor Expo และแนวคิด “Brand Integration” ของ Audi และ Ducati เรายังคงตอกย้ำที่จะส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษที่ไม่เหมือนใครให้กับลูกค้า ด้วยการรวมสุดยอดเทคโนโลยีแห่งโลกยนตรกรรม จัดแสดงรถยนต์และรถจักรยานยนต์ภายในพื้นที่เดียวกัน เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความสนใจของลูกค้าทั้งสองแบรนด์ ตอกย้ำภาพลักษณ์พรีเมียมแบรนด์คุณภาพระดับโลก ที่ Audi ต่างมุ่งมั่นพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้พื้นที่บูธของอาวดี้ ยังเต็มไปด้วยความคึกคักสุดๆ โดยมีการนำยนตรกรรมมาจัดแสดงทั้งหมด 16 รุ่น“
สำหรับไฮไลท์เด่นของบูธอาวดี้ ที่ห้ามพลาดในปีนี้ คือ
ครั้งแรกในเอเชียกับ TukTuk ต้นแบบ “e-Rickshaw” โดยเป็นการดัดแปลงการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ของรถไฟฟ้า 100% อย่าง Audi e-tron ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว นำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ ภายใต้แนวคิด “Second – life Batteries” ซึ่งตัวรถจะเป็นรถตุ๊กตุ๊กที่มาจากประเทศไทย มีอายุถึง 30 ปี ผ่านการปรับโฉมให้ดูทันสมัยขึ้น ที่โรงงานในเมือง Neckarsulm ประเทศเยอรมนี โดยแบตเตอรี่ไฟฟ้าของ Audi e-tron นั้น เป็นแบบ high-energy density ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง ถึงแม้ว่าแบตเตอรี่ดังกล่าวจะเคยถูกใช้มาแล้วในรถทดสอบ Audi e-tron ก็ตาม แต่ยังมีกำลังไฟที่เพียงพอ สำหรับการนำไปปรับใช้ในรถตุ๊กตุ๊กที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าที่กำลังน้อยกว่าได้เป็นอย่างดี ถือเป็นการพิสูจน์ในคุณภาพของแบตเตอรี่ใช้แล้วของ Audi e-tron ว่ายังสามารถนำไปใช้ต่อได้ สะท้อนวิสัยทัศน์ “The mobility of the future” การขับเคลื่อนแห่งอนาคตของอาวดี้ ที่มุ่งมั่นจะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการสร้างโลกแห่งอนาคตที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า มีความคิดสร้างสรรค์ และความกระตือรือร้นที่จะสร้างสังคมที่น่าอยู่ ตัวรถสามารถผลิตกำลังได้สูงสุด 8.6 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 34.6 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 2 จังหวะ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 48 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ถ้าพูดถึงความหรูหราพรีเมียม ต้องยกให้รถผู้บริหารระดับสูง แฟลกชิปโมเดลแห่งปี ของ Audi ที่ใหญ่ที่สุด The new Audi A8 L โอ่อ่ากว้างขวางมากยิ่งขึ้น ด้วยมิติตัวรถที่เปลี่ยนแปลงจากเดิม ที่สุดแห่งเทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาป Mild Hybrid แห่งอนาคต ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ quattro ทำงานควบคู่กับช่วงล่างระบบถุงลม ช่วยให้ทุกการเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและนุ่มนวล ความโดดเด่นที่นอกเหนือจากดีไซน์ที่ถูกปรับปรุงใหม่ ยังคงไว้ซึ่งความหรูหราสง่างาม และความสปอร์ต อันเป็นเอกลักษณ์ของ Audi ไฟหน้าแบบ HD matrix LED และไฟเลี้ยวแบบ dynamic ที่เป็นจุดเด่นของการออกแบบของ Audi การดีไซน์ของไฟแบบใหม่นี้ สวยสะดุดตาไม่ว่าจะพบเห็นในช่วงกลางวันหรือกลางคืน ซึ่งไฟแบบ HD matrix LED ให้ความคมชัดมากขึ้นและสามารถส่องสว่างได้อย่างเที่ยงตรงมากขึ้นกว่าไฟแบบ matrix LED แบบธรรมดา มาพร้อมดีไซน์ภายในสุดหรู ระดับ First Class Lounge ให้ความสะดวกสบายที่สุด โดยเฉพาะผู้โดยสารตอนหลังและยังคงให้ความสำคัญต่อสมรรถนะการขับขี่ ตำนานความสำเร็จของ Audi A8 เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1994 โดย A8 ถูกพัฒนาต่อมาจาก Audi รุ่น V8 ซึ่งเป็นรถรุ่นที่มีความก้าวหน้าทางนวัตกรรมมากที่สุดในตลาดรถยนต์กลุ่มลักซ์ชัวรี่ซีดานในขณะนั้น และต่อมา Audi A8 ก็ยังคงเป็นผู้บุกเบิกทางด้านนวัตกรรมใหม่ให้กับแบรนด์มาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้เจเนอเรชั่นที่ 4 นับเป็นเจเนอเรชั่นล่าสุด และเป็นที่ยอมรับในอุสาหกรรมรถยนต์ ความสะดวกสบายโดยเฉพาะพื้นที่เบาะนั่งด้านหลังที่เรียบหรูนั่งสบายดั่ง First class lounge ทำให้ Audi A8 L มีความสะดวกสบายที่เป็นเอกลักษณ์ตามคอนเซ็ปความ พรีเมียมของรถยนต์ Audi และยังคงให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เร้าใจเมื่อต้องการขับขี่แบบสปอร์ตอีกด้วย
ตอกย้ำความเป็นผู้นำเทคโนโลยีด้านพลังงานไฟฟ้าด้วยการนำทัพด้วย Audi e-tron GT และขบวนรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดเจเนอเรชั่นล่าสุด ครบ 3 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition, Audi Q7 60 TFSI e quattro Plug-in Hybrid พร้อมโชว์โฉม The New Audi Q5 Sportback 55 TFSI e และ Audi Q5 55 TFSI e ทางเลือกที่ลงตัวตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ด้วยระยะการวิ่งด้วยไฟฟ้าที่เหมาะกับการใช้งานในเมือง สอดคล้องกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย ที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่รถไฟฟ้า 100% อย่างเต็มรูปแบบ
แฟนอาวดี้ สาย Performance ห้ามพลาด กระหึ่มวงการทุกรอบกับ DNA แห่ง Racing Sport ยกขบวน TT RS Coupé, RS Q3 Sportback และ RS 3 Sportback มาให้ชมที่งานนี้ด้วยเช่นกัน
สำหรับรุ่นฮิตของอาวดี้ ไม่ว่าจะเป็น A5 40 TFSI, A6 40 TFSI, Q3 ทุกรุ่น และ TT Coupé มาพร้อมแคมเปญพิเศษ Motor Expo ที่เรียกว่าเป็นดีลร้อนแรงที่สุดส่งท้ายปี 2565 นั่นคือ โปรโมชั่น ดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปี* ไม่มีบอลลูน ไม่ต้องรอลดต้นลดดอก พร้อมยืนราคาเก่าถึงสิ้นปี 2565 เท่านั้น (เฉพาะลูกค้าที่จองและส่งมอบภายใน 30 ธันวาคม 2565 เท่านั้น)
ข้อเสนอรายรุ่นสำหรับแคมเปญดอกเบี้ย 0% นาน 5 ปี* สำหรับรถที่จองและส่งมอบภายใน 30 ธันวาคมนี้
- A5 Coupé และ A5 Sportback 40 TFSI S line ดาวน์ 999,900 บาท ผ่อน 29,900 บาท/เดือน
- Q3 35 TFSI S line ดาวน์ 765,000 บาท ผ่อน 29,750 บาท/เดือน
- Q3 40 TFSI quattro S line Black Edition ดาวน์ 999,900 บาท ผ่อน 29,900 บาท/เดือน
- Q3 SB 40 TFSI quattro S line Black Edition ดาวน์ 1,499,500 บาท ผ่อน 24,990 บาท/เดือน
- TT Coupé 45 TFSI quattro S line ดาวน์ 1,164,992 บาท ผ่อน 38,900 บาท/เดือน
- A6 40 TFSI S line ดาวน์ 1,158,974 บาท ผ่อน 39,000 บาท/เดือน
พร้อมแคมเปญพิเศษมากมายสำหรับลูกค้าบัตรเครดิตให้เลือกได้ตามความต้องการ อาทิเช่น บัตรกสิกรไทย สามารถผ่อนดาวน์ 0% นาน 6 เดือน (ยอดสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท) เมื่อจัดไฟแนนซ์กับ K-Leasing
ปัจจุบันอาวดี้มีรถยนต์ให้เลือกสรรครอบคลุมทุกเซกเมนต์ มากถึง 38 variants 20 bodytype ตอบโจทย์ลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ โดยทุกรุ่นมาพร้อมสมรรถนะอันทรงพลัง ดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนใคร และออฟชั่นจัดเต็มคุ้มค่ากับราคา
รถยนต์อาวดี้ ทุกคันเป็นรถยนต์ประกอบนอกและนำเข้าทั้งคันมาตรฐานเยอรมัน ลูกค้าอาวดี้ที่จองรถใหม่จะได้รับการดูแลจาก Audi Protection ด้วยการรับประกันรถใหม่ 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร และการให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี