Kia e-Niro 64kWh 2
ราคา 34,945 ปอนด์ (ราว 1,747,250 บาท) (ก่อนรับเงินช่วยอุดหนุน 2,500 ปอนด์ ราว 125,000 บาท จากรัฐบาล) ราคาที่น่าลงทุน 34,945 ปอนด์ (ราว 1,747,250 บาท) ราคาเป้าหมาย PCP 466 ปอนด์ (ราว 23,300 บาท) 0-100 กม./ชม. 7.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 167.3 กม./ชม. ระยะเวลาที่สั้นที่สุดในการชาร์จ (10-80%) 44 นาที
THE KIA E-NIRO ถือครองสิทธิ์ในการโอ้อวดเหนือรถยนต์อื่น ๆ ทั้งหมดที่ระบุไว้ในครั้งนี้ เพราะจนถึงตอนนี้ มันเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบเพียงคันเดียวที่เคยได้รับรางวัลชนะเลิศ Car of the Year ของเรา
ก่อนชัยชนะในปี 2019 หากคุณต้องการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีระยะวิ่งไกลพอที่จะพึ่งพาได้ คุณจะต้องจำนองบ้านใหม่และซื้อ Jaguar I-Pace หรือ Tesla Model S แต่รถ SUV สำหรับครอบครัวของ Kia แสดงให้เห็นว่าคุณสามารถเป็นเจ้าของรถ EV ที่มีระยะวิ่งที่ยอดเยี่ยมได้ด้วยเงินสดที่น้อยกว่ามาก
สองปีให้หลัง ภูมิทัศน์ของ EV เปลี่ยนไปค่อนข้างมากแต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเหมือนเดิมคือ e-Niro ยังคงครองรางวัล
การอัปเดตล่าช่วงสุดปรับปรุงให้รถยนต์ดีขึ้นกว่าเดิม โดยมีการสับเปลี่ยนระดับอุปกรณ์เพื่อให้ e-Niro สามารถรองรับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุด 64kWh และยังมีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยอุดหนุน 125,000 บาทจากรัฐบาล (สำหรับรถยนต์ที่มีราคาต่ำกว่า 1,750,000 บาท) ในรุ่นเริ่มต้น 2
GO LARGE |
ความจุแบตเตอรี่ที่ใช้ได้คือ 64kWh ซึ่ง e-Niro มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่าคู่แข่ง แม้ว่าราคาของ Volvo XC40 Recharge Pure Electric จะแพงกว่าอย่างมาก แต่ไม่สามารถแข่งเรื่องระยะทางกับ e-Niro ได้เลย |
และนั่นคือสเปกที่เราต้องการ โดยที่คุณยังคงได้รับความหรูหรา เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้และแผงหน้าปัดแบบดิจิทัล หรือรุ่นที่สูงขึ้นไปมาพร้อมอุปกรณ์และความหรูหรามากกว่า แต่ก็มีราคาสูงเกินไปที่จะมีสิทธิ์ได้เงินอุดหนุน
นอกจากนี้ยังมี e-Niro รุ่นที่ถูกกว่าด้วยแบตเตอรี่ขนาด 39kWh ที่เล็กกว่า มอเตอร์ไฟฟ้าที่มีพลังน้อยกว่า และระยะวิ่งอย่างเป็นทางการประมาณ 289.62 กิโลเมตร แต่เพื่อการประหยัด 100,000 บาท คุณจะต้องเสียระยะวิ่งไปจำนวนมากจากการชาร์จเต็ม ดังนั้นคุณสามารถซื้อความสบายใจในการเดินทางไกลด้วยการเลือกรุ่น 64kWh ซึ่งคุ้มค่ากว่าแน่นอน
และถ้าคุณได้เป็นเจ้าของ คุณจะได้รถยนต์ที่สะดวกสบายกว่าในหลาย ๆ ทาง เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดที่ไม่ใช่ระดับพรีเมียมอย่าง Citroën e-C4 และ Vauxhall Mokka-e ซึ่งเป็น SUV ไฟฟ้าที่ดี แต่ e-Niro กลับพ่ายแพ้ต่อทั้งสองรุ่นเมื่อเปรียบเทียบด้วยเสถียรภาพ (ซึ่งเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก) ความอเนกประสงค์ในการใช้งาน, สมรรถนะ (เพียงพอที่จะทำให้รถร้อนหลายคนต้องตกใจ) และระยะวิ่ง ซึ่งการรับประกันเจ็ดปีหรือ 100,000 กิโลเมตร ของ Kia ทำให้ข้อตกลงนี้ดูหอมหวานยิ่งขึ้น
คุณอาจมองว่า Kia Soul EV และ Hyundai Kona Electric ที่เกี่ยวข้องกันและราคาใกล้เคียงกันเป็นทางเลือกเช่นกัน แต่ e-Niro นั้นกว้างกว่าภายในของ Kona และมีการนั่งที่สบายและรองรับแรงกระแทกมากกว่าทั้งคู่
ภายใน e-Niro อาจไม่มีรูปลักษณ์ของ Peugeot e-2008 แต่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ใช้งานได้ยาวนานและมาพร้อมกับระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 8.0 นิ้ว ที่สมบูรณ์แบบ สำหรับรถเอสยูวี ‘เล็ก’ ก็มีพื้นที่กว้างขวางเช่นกัน บูทจะจัดการกระเป๋าเดินทางสำหรับวันหยุดของครอบครัวได้อย่างง่ายดาย และคุณจะต้องลำบากในการหาสิ่งใดในราคานี้ที่มีเบาะหลังที่รองรับได้มากกว่านี้
นับตั้งแต่เปิดตัว ไม่มี EV รายอื่นขยับเสาประตูในแบบที่ e-Niro ทำ อาจเป็นหนึ่งในโมเดลที่เก่าแก่ที่สุดที่นี่ แต่ก็ยังเป็นรุ่นที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่ง
MG ZS EV 45kWh
ระยะเวลาผลิต 2019 – ปัจจุบัน ราคาเริ่มต้นที่ 17,500 ปอนด์ (ราว 875,000 บาท) 0-100 กม./ชม. 8.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 140 กม./ชม. ระยะเวลาที่สั้นที่สุดในการชาร์จ (10-80%) 40 นาที
SUV ไฟฟ้าหลายรุ่นมีป้ายราคาระดับพรีเมียมทั้งใหม่และมือสองแต่ไม่ใช่กับ MG ZS EV รถยนต์คันนี้อยู่ในระดับของตัวเองอย่างแท้จริง โดยขึ้นชื่อว่าเป็นรถ SUV ขนาดเล็กที่มีอุปกรณ์ครบครันและปลอดมลภาวะที่มาพร้อมราคามือสองที่น่าดึงดูดใจ
ในราคาประมาณ 900,000 บาท จะทำให้คุณได้เป็นเจ้าของรถยนต์อายุ 2 ปี ที่ยอดเยี่ยมด้วยไมล์สะสมที่ต่ำและคุณจะไม่ต้องจ่ายมากไปกว่านี้สำหรับรถที่เพิ่งมีอายุหนึ่งปี
ยิ่งไปกว่านั้น รุ่น Excite ที่เป็นระดับเริ่มต้นยังมาพร้อมชุดอุปกรณ์มากมาย เช่น หน้าจอสาระบันเทิงขนาด 8.0 นิ้ว พร้อมระบบ Android Auto และ Apple CarPlay อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่สำคัญ เช่น ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติและระบบช่วยในการรักษาเลน รถยนต์เอ็กซ์คลูซีฟที่มีสเปกสูงกว่า ได้แก่ หลังคากระจกแบบพาโนรามาและเบาะหนังปรับอุณหภูมิได้ที่ด้านหน้า
มีตัวเลือกพลังงานแบบเดียวเท่านั้น คือ มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 141bhp ช่วยให้ ZS EV สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ใน 8.5 วินาที ทำให้เร็วกว่า ZS ที่ใช้น้ำมันเบนซินและแบตเตอรี่ขนาด 45kWh มาพร้อมระยะวิ่งอย่างเป็นทางการที่ 260.8 กิโลเมตร ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานประจำวัน แม้ว่า ZS EV จะไม่เหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกลเช่นเดียวกับคู่แข่งที่มีราคาแพงกว่า เช่น Kia e-Niro
ภายในมีการใช้พลาสติกแบบสัมผัสที่อ่อนนุ่มบนแผงหน้าปัด รวมถึงปุ่มและสวิตช์ที่ให้ความรู้สึกมั่นคง นอกจากนี้ ZS EV ยังมีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับผู้โดยสารและกระเป๋าเดินทาง ด้วยพื้นที่ท้ายรถขนาดใหญ่กว่าที่คุณจะพบในคู่แข่งบางราย รวมไปถึงความสามารถในการปรับความสูงของพื้น (พร้อมพื้นที่จัดเก็บสายเคเบิลด้านล่าง) ก็เพิ่มความสะดวกเช่นกัน
คุณภาพภายในไม่ได้น่าผิดหวังสำหรับราคานี้ แถมยังได้ชุดอุปกรณ์มากมาย
รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่น ๆ ที่คุณสามารถซื้อได้ด้วยจำนวนเงินที่ใกล้เคียงกับ ZS EV คือรถยนต์แฮทช์แบค เช่น Nissan Leaf และ Renault Zoe ซึ่งทั้งสองคันอาจไม่มีความอเนกประสงค์หรือภายในกว้างขวางเท่าแต่ในแง่ของความคุ้มค่าในราคานี้ ZS EV จึงเป็นรถยนต์ที่ยากที่จะเอาชนะ