บีเอ็มดับเบิลยู ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมซีดานหรูระดับผู้บริหารจากซีรีส์ 5 โดยมีการขยับปรับโฉม 3 รุ่นย่อยในเจเนอเรชั่นที่ 7 กับ BMW 520d M Sport , BMW 530e Elite และ BMW 530e M Sport
เอาใจแฟน ๆ อย่างต่อเนื่องต้อนรับศักราชใหม่ปี 2021 ด้วยการเผยโฉมบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 รันวงการตลาดรถยนต์ไทยประเภทซีดานหรูระดับผู้บริหารผสานความเรียบง่ายและสปอร์ตเข้าไว้ด้วยกัน
คอนเซ็ปต์เปิดตัวล่าสุดนี้มีความแตกต่างไปจากทุกครั้งภายใต้ ‘Change the way you lead. Lead the way you change.’ เน้นย้ำความเปลี่ยนแปลงที่เหนือกว่าเพียงแค่ด้านยนตรกรรมเพื่อให้ผู้ขับขี่บีเอ็มดับเบิลยูได้สัมผัสโลกที่มีความสมดุลของการใช้ชีวิตในหลากหลายด้าน ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงมากมายในโลกปัจจุบัน
ซีรีส์ 5 ในเจเนอเรชั่นที่ 7 นี้ ดึงความโดดเด่นออกมาด้วยเส้นสายที่ชัดและคมขึ้น การตกแต่งตัวถังภายนอก ความสะดวกสบายหรือสุนทรียภาพขณะขับขี่ภายในรวมถึงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยตอบโจทย์ยุคสมัยไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชั่นช่วยขับขี่หรือเทคโนโลยี NFC (Near Field Communication) ปลดล็อก-ล็อกรถด้วยการเชื่อมต่อกับ Iphone โดยการสื่อสารระยะสั้น ส่วนทางด้านเครื่องยนต์บีเอ็มดับเบิลยู บ่งเพาะออกมานำเสนอทั้งสองรูปแบบกับดีเซลและปลั๊กอินไฮบริด
โฉมใหม่จากภายนอก
ไฮไลท์อันโดดเด่นของบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 เจเนอเรชั่นที่ 7 นี้ สร้างความแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าด้วยดีไซน์ภายนอกที่สะดุดตา ปรับเส้นสายให้คมชัดทรงพลังไล่มาตั้งแต่ด้านหน้าไปจนถึงท้ายรถ เสริมขนาดกระจังหน้าทรงไตคู่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นถึง 20% มาเป็นรูปทรงแปดเหลี่ยมแบบใหม่ยาวลงมาบรรจบกับกันชนหน้าล้อมรอบด้วยกรอบที่เชื่อมต่อกันเป็นชิ้นเดียว ส่วนบนของซี่ในกระจังหน้ายื่นออกมาเล็กน้อยเพิ่มมิติสอดรับกับไฟหน้า เน้นย้ำความสง่างามด้วยช่องดักอากาศแนวตั้งทั้งสองข้างบนกันชนหน้า
ไฟด้านหน้าและท้ายรถได้รับการออกแบบใหม่ให้สอดรับกันด้วย Adaptive LED รูปตัว L ไฟท้ายก็เช่นกันเพิ่มความดุดันตัดกรอบด้วยสีดำ เสริมลุคสปอร์ตด้วยท่อไอเสียทรงสี่เหลี่ยมคางหมูที่ท้ายรถทั้งสองด้านซึ่งรวมเป็นส่วนหนึ่งของกันชนท้ายไว้ได้อย่างลงตัว
มิติถังปัจจุบันมีความยาวอยู่ที่ 4,963 มิลลิเมตรยาวขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า 27 มิลลิเมตร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าประสิทธิภาพของอากาศพลศาสตร์จะหายไปด้วยค่าสัมประสิทธิ์แรงต้าน (Cd) เพียง 0.23 มาพร้อมชุดแต่ง M Aerodynamics
ด้านล่างของตัวรถติดตั้งล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาลาย Double-spoke ขนาด 18 นิ้ว สำหรับรุ่น 520d M Sport ส่วนรุ่น 530e M Sport ใส่ล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาลาย Y-spoke แบบสลับสี ขนาด 19 นิ้ว และ 530e Elite มาพร้อมล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว ลาย Double-spoke
ใต้ฝากระโปรง
ซีรีส์ 5 ใหม่ มอบประสิทธิภาพเต็มพิกัดจากทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในและระบบปลั๊กอินไฮบริด พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ใหม่ล่าสุด
โดยบีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport นั้นจะฝังเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ส่งพละกำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที ให้ความแรงจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.5 วินาที สู่ความเร็วสูงสุด 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู 530e Elite และ 530e M Sport มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบที่มอบพละกำลัง 135 กิโลวัตต์ 184 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ที่ 1,350 – 4,000 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริด ส่งกำลังรวมสูงสุดถึง 215 กิโลวัตต์ 292 แรงม้า และแรงบิดรวมสูงสุด 420 นิวตันเมตร และสามารถเพิ่มกำลังส่งในการเร่งความเร็วได้มากยิ่งขึ้นด้วยระบบ XtraBoost ให้กำลังเพิ่มอีก 40 แรงม้า ภายในเวลาเพียง 10 วินาที หากขับอยู่ในโหมด SPORT โลดแล่นจาก 0-100 กิโลเมตรได้ภายใน 5.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุดที่ 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยสามารถขับขี่แบบไร้มลพิษได้เป็นระยะทาง 52 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่แรงดันสูงความจุ 12.0 กิโลวัตต์ชั่วโมงที่ติดตั้งอยู่ใต้เบาะหลัง
นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ใหม่ในระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดทั้งสองรุ่น ยังมีระดับการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยต่ำเพียง 41 กรัมต่อกิโลเมตรตามการอ้างอิงผล ECO Sticker ซึ่งนับว่าต่ำที่สุดในกลุ่มรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดขนาดใหญ่ในประเทศไทย
ระบบช่วงล่าง
รุ่นไมเนอร์เชนจ์ของเจเนอเรชั่นที่ 7 นี้ มาพร้อมกับการควบคุมที่เฉียบคมฐานล้อที่ยาวและกว้าง รวมทั้งการออกแบบที่เน้นน้ำหนักเบา และการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ช่วงล่างมาพร้อมเพลาหน้าแบบปีกนกคู่และเพลาหลังแบบ five-link ส่งให้การขับขี่มีความนุ่มนวลขึ้นทั้งในชีวิตประจำวันและขณะเดินทางไกล
นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport ยังพกพาระบบปรับองศาของล้อหลังเพื่่อการเข้าโค้งหรือเลี้ยว (Integral Active Steering) ที่มีระยะกว้างกว่ารุ่นก่อนหน้า ส่งล้อหลังมาช่วยเสริมสมรรถนะการเข้าโค้งเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วมากกว่า 3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และยังช่วยเสริมความคล่องตัวขณะเข้าจอด โดยบีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport มาพร้อมช่วงล่างแบบ Adaptive ขณะที่รุ่น 520d M Sport มาพร้อมช่วงล่างแบบ M Sport
เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่
บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ใหม่ ได้รับการยกระดับให้ล้ำสมัยยิ่งกว่าที่เคย เพื่อช่วยเหลือการขับขี่ในสภาวะที่หลากหลายพร้อมปูทางสู่เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ
- บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport และ 530e M Sport มาพร้อมระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant) และฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในสภาวะต่าง ๆ เช่น ระบบควบคุุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่น Stop & Go (Active cruise control with Stop & Go function) ในบีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport และระบบควบคุุมความเร็วคงที่่
- บีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport และ 530e Elite มาพร้อมฟังก์ชันช่วยลดความเร็ว (Cruise Control with braking function) รวมถึงระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่่ (Attentiveness Assistant) ในทั้งสามรุ่น
และมีความปลอดภัยอีกมากมาย อาทิ
- เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor)
- ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection)
- ระบบ Active Protection และเซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง (Park Distance Control)
- และสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 530e M Sport ยังมาพร้อมกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround View Camera) และระบบช่วยนำรถเข้าที่่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus) เพื่อยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกสบายโดยเฉพาะขณะถอยจอดและจอดขนาน
สุนทรียภาพภายใน
การออกแบบภายในห้องโดยสารยังคงเน้นการผสานทั้งความสง่างามและความล้ำสมัยเข้าไว้ด้วยกัน โดยคำนึงถึงผู้ขับขี่เป็นสำคัญแม้การเดินทางไกลยังคงความเป็นส่วนตัวไว้พร้อมปรับปรุงด้านความบันเทิงเพื่อสุนทรียภาพ
ด้านในตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมียมและงานฝีมือสุดประณีตจากช่างผู้เชี่ยวชาญ ปุ่มบริเวณคอนโซลกลางมาในสีดำเงาเพื่อความหรูหรา ตัดกับพวงมาลัยหุ้มหนังมัลติฟังก์ชั่น M Sport พร้อมคอนโซลด้านบนบุด้วยหนัง Sensatec ในรุ่น 520d M Sport และ 530e M Sport ทั้งสามรุ่นมาพร้อมเบาะหนังแท้ Dakota
สำหรับภายในของรุ่น 520d M Sport และ 530e M Sport ตกแต่งด้วยอลูมิเนียมลาย Rhombicle Smoke Grey พร้อมแถบโครเมี่่ยม ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู 530e Elite ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงาพร้อมแถบโครเมียม
ระบบสาระบันเทิงและการสื่อสารถูกปรับพัฒนาให้ทันสมัยมากขึ้น520d M Sport และ 530e M Sport มาพร้อมจอ BMW Head-up Display และระบบ BMW Live Cockpit Professional แสดงผลบนจอ Control Display ขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานบนระบบปฎิบัติการใหม่ล่าสุด BMW Operating System 7 ที่ปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งไฮไลท์คือ ระบบปลดล็อกประตููอัจฉริยะ (Comfort Access System) ที่รองรับ BMW Digital Key ซึ่งเปลี่ยนให้ iPhone กลายเป็นเหมือนกุญแจรถ สามารถล็อกและปลดล็อกรถได้โดยใช้เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายระยะสั้นแบบ NFC (Near Field Communication) โดยรองรับผู้ใช้ได้สูงสุดถึง 5 คน
นอกจากนี้ ผู้ขับขี่สามารถเลือกควบคุมระบบการทำงานของรถยนต์ ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร ระบบการเชื่อมต่อ และระบบนำทางได้ผ่านทางจอ Control Display ระบบสัมผัส ระบบ iDrive ปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชั่นบนพวงมาลัย ระบบสั่งงานด้วยเสียงผ่าน BMW Intelligent Personal Assistant และ BMW gesture control
หากสนใจเป็นเจ้าของบีเอ็มดับเบิลยู รุ่นต่าง ๆ สามารถครอบครองด้วยค่าตัวของแต่ละรุ่นดังนี้
- BMW 520d M Sport ราคา 3,539,000 บาท
- BMW 530e Elite ราคา 2,999,000 บาท
- BMW 530e M Sport ราคา 3,739,000 บาท
ทั้งสามรุ่นมีให้เลือกใน 5 สี ได้แก่ Alpine White, Black Sapphire metallic, Bluestone metallic และ Phytonic Blue รวมทั้งสี Bernina Grey Amber effect สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู 520d M Sport และ 530e M Sport
และทั้งหมดนี้อยู่ในครอบคลุมการบำรุงรักษา 3 ปี / 60,000 กิโลเมตร และการรับประกัน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
BMW 520d
BMW 530e M Sport