ยนตรกรรม Plug-in Hybrid คันแรกของเฟอร์รารี่เป็นเวอร์ชั่นเปิดประทุนของ SF90 Stradale สร้างขึ้นเพื่อมอบความเพลิดเพลินในการขับขี่ หลังคาพับได้ สเปคดี สมรรถนะทำลายสถิติ
SF90 Spider เผยโฉมผ่านงานเปิดตัวรูปแบบดิจิทัลเมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2020 ที่ผ่านมา ไม่เพียงแค่เป็นยนตรกรรม Plug-in Hybrid รุ่นแรกจากม้าลำพองเท่านั้น แต่ยังสร้างมาตรฐานใหม่ทั้งในส่วนของสมรรถนะ, นวัตกรรม และความเร้าใจในการขับขี่ให้กับแบรนด์เฟอร์รารี่ ตลอดจนบรรดารถสปอร์ตในกลุ่มเดียวกันอีกด้วย
ขุมพลังและการขับเคลื่อน
ระบบ Plug-in Hybrid ของ SF90 Spider ดึงสมรรถนะออกมาใช้ได้ดีในรถประเภทเปิดประทุนด้วยพละกำลัง 780 แรงม้า จากเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบชาร์จ เพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ใช้หนึ่งตัวที่ล้อคู่หลัง และอีกสองตัวสำหรับล้อหน้าจึงส่งกำลังได้สูงสุดถึง 1,000 แรงม้า ระบบจะคอยควบคุมและปรับการจ่ายพลังงานให้เหมาะกับสภาพการใช้งานโดยอัตโนมัติ โดยมีโหมดการขับขี่ (eDrive, Hybrid, Performance และ Qualify) ผ่านสวิตช์ eManettino แบบใหม่ล่าสุด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) เช่นเดียวกับ SF90 Stradale ซึ่งจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพขณะออกตัวขึ้นสู่ความเร็ว 0-100 กม./ชม. ใน 2.5 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ในเวลาเพียง 7.0 วินาที
ระบบ eSSC จะตรวจสอบสถานะของเสถียรภาพรถแบบเรียลไทม์ โดยระบบควบคุมจะนำข้อมูลเหล่านั้นมาควบคุมการทรงตัวของรถด้วยการส่งแรงบิดผ่านมอเตอร์ไฟฟ้าชุดหน้าไปยังล้อฝั่งในและนอกโค้งอย่างแยกอิสระจากกัน (Torque Vectoring) ช่วยเพิ่มแรงยึดเกาะถนน
การออกแบบและภายนอก
จุดเริ่มต้นของงานออกแบบ SF90 Spider ยังคงไว้ซึ่งสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของ SF90 Stradale เอาไว้มากที่สุดพื้นที่บริเวณฝาครอบเครื่องยนต์ของ Ferrari Styling Centre ถูกหลอมรวมอย่างแนบเนียนไปกับส่วนอื่น ๆ ของรถและสามารถมองเห็นขุมพลัง V8ผ่านฝาปิดห้องเครื่องแม้จะพับหลังคาลงเก็บก็ตาม
ในด้านของอากาศพลศาสตร์ด้วยดาวน์ฟอร์ซสูงสุดถึง 390 กก. ที่ความเร็ว 250 กม./ชม. สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับรถถนนทั้งในด้านของแรงกดและประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์มีการนำหลากหลายนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ได้รับการจดสิทธิบัตรมาใช้ Gurney ระบบแอคทีฟที่ติดตั้งไว้ด้านท้ายของรถ สามารถปรับตามลักษณะการขับขี่ได้อัตโนมัติ และล้อฟอร์จที่มีปีกยื่นออกมา ซึ่งนำรูปแบบมาจากรถแข่ง F1 ของเฟอร์รารี่
ภายใน
ปรัชญา “สายตาอยู่บนถนน, มืออยู่บนพวงมาลัย” ถูกนำมาใช้เพื่อสรีระศาสตร์และการออกแบบภายในห้องโดยสาร ก่อให้เกิดเป็นแนวคิด HMI (Human Machine Interface) พวงมาลัยแบบใหม่พร้อมด้วยทัชแพดที่ช่วยให้ผู้ขับสามารถควบคุมได้เกือบทุกฟังก์ชั่นของรถโดยไม่ต้องละมือทั้งสองออกจากพวงมาลัย จอแสดงผลส่วนกลางระบบดิจิทัล ขนาด 16 นิ้วแบบโค้ง คันเกียร์อัตโนมัติบริเวณคอนโซลกลางมาพร้อมกับร่องเกียร์แบบตะแกรง สไตล์เดียวกับเกียร์ธรรมดาของเหล่าเฟอร์รารี่ที่โด่งดังในอดีต
หลังคาแข็งแบบพับเก็บได้ขนาดกะทัดรัด โครงสร้างแบบอะลูมีเนียมจึงทำให้น้ำหนักเบา สามารถเปิดหรือปิด ได้ในเวลาเพียง 14 วินาทีจะส่งเสียงรบกวนน้อยที่สุด ปกป้องผู้โดยสารจากสภาพแวดล้อมภายนอกได้เป็นอย่างดีเมื่อปิดหลังคาและใช้พื้นที่เพียง 100 ลิตร กระจกหลังแบบควบคุมการ เปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้า
ชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ
สำหรับผู้ที่ต้องการให้เป็นการขับขี่แบบรถแข่งไม่เพียงแค่โช๊คอัพ Multimatic ที่พัฒนามาจากรถแข่ง GT ของม้าลำพองและได้รับการปรับปรุงให้เหมาะกับการใช้งานในสนามแข่งเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการใช้วัสดุระดับไฮเพอร์ฟอร์มานซ์ ช่วยตัดน้ำหนักของรถออกไปได้ถึง 21 กก. สปอยเลอร์หลังผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ และยาง Michelin Pilot Sport Cup 2 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ในสนามด้วยเนื้อยางที่นิ่มและมีร่องน้อยกว่ายางปกติ ปิดท้ายด้วยลวดลายทูโทนซึ่งเป็นออปชั่นเฉพาะของ Assetto Fiorano ที่จะช่วยเน้นย้ำให้เป็นแบบรถแข่งได้ชัดขึ้น
บริการดูแลรักษา 7 ปี
โปรแกรมการบำรุงรักษาที่เพิ่มขึ้นเป็น 7 ปี ครอบคลุมการบำรุงรักษาตามปกติทั้งหมดในช่วง 7 ปีแรกของรถยนต์เฟอร์รารี่ทุกรุ่นและผู้ที่มีเฟอร์รารี่มือสองครอบครองไว้เช่นกัน การบำรุงรักษาปกติอะไหล่แท้และการตรวจสอบอย่างพิถีพิถันโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรมโดยตรงที่ศูนย์ฝึกอบรมเฟอร์รารี่ในมาราเนลโล
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ: คุณฐิตารีย์ มหาวงศนันท์ โทร. 083 599 8992 ฝ่ายสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด