หลังจากที่ Hyundai ประกาศออกสื่อเมื่อหลายเดือนก่อนถึงการมาของ Kona เพื่อจะสู้กับยอดเอสยูวีไซส์เล็กที่ขายดีที่สุดอย่าง Nissan Juke แบรนด์ลูกพี่ลูกน้องกันอย่าง Kia ก็กำลังดำเนินรอยตามเช่นกัน ทั้ง 2 แบรนด์จากเกาหลีทำการพัฒนารถยนต์ของพวกเขาอยู่บ่อยๆ และตอนนี้ก็มาถึงคิวของ Kia Stonic
Stonic เป็นเอสยูวีรุ่นเล็กสุดของ Kia วางตำแหน่งอยู่ใต้ Niro, Sportage และ Sorento ตามลำดับความใหญ่ มันพร้อมวางขายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ ดีไซน์ของน้องเล็กคันนี้ มีความสปอร์ตโดนใจวัยรุ่นคล้ายกับ Rio ซึ่ง Kia บอกว่าผู้ซื้อสามารถเลือกผสมสีทูโทนของตัวรถได้มากกว่า 20 สี สีของหลังคารถก็มีให้เลือก 5 สี
เครื่องยนต์ของ Stonic แชร์มาจาก Rio เช่นกัน หมายความว่ามันจะเริ่มที่เครื่องเบนซิน 1.0 ลิตร เทอร์โบ 118 แรงม้า แรงขึ้นมาหน่อยก็เป็นเครื่องเบนซิน 1.25 และ 1.4 ลิตร ไม่มีเทอร์โบ ส่วนเครื่องดีเซล 1.6 ลิตร คาดว่าจะหยิบยืมมาจาก Sportage
Stonic จะเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้าเท่านั้น มาพร้อมกับตัวเลือกระหว่างเกียร์ธรรมดา 6 สปีดหรือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ในตอนนี้ยังไม่มีแผนจะทำเป็นเวอร์ชันไฮบริดออกมาแต่มีความเป็นไปได้ว่า Kia จะหยิบยืมเทคโนโลยีไฮบริดจาก Niro มาใช้กับรถคันนี้ในอนาคต
ภายในของ Stonic เกือบจะเหมือนกับ Rio ทั้งรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ให้มาและการออกแบบโดยรวม แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายเพราะ Rio มีตำแหน่งนั่งขับที่ดีและคุณภาพภายในก็โอเค ผู้ซื้อสามารถควบคุมสมาร์ทโฟนได้ผ่าน Apple CarPlay และ Android Auto ซึ่งมีมาให้เป็นมาตรฐานติดรถ ส่วนฟีเจอร์เด่นอื่นๆ ก็มีทั้งเบาะหน้าปรับความร้อน ครูสคอนโทรล และกุณแจ Keyless
Kia รู้ว่ารถในรุ่นต่ำต้องมีอะไรบ้างถึงจะโดนใจผู้ซื้อที่เบี้ยน้อยหอยน้อย ดังนั้นจึงให้วิทยุดิจิตอล เครื่องปรับอากาศ และบลูทูธ มาเป็นมาตรฐาน
ในส่วนของห้องเก็บสัมภาระ Stonic ให้มา 352 ลิตรน้อยกว่าคู่แข่งสำคัญเล็กน้อย แต่ Kia มีจุดขายที่พื้นห้องแบบ 2 ชั้นซึ่งช่วยในการบรรทุกของได้ดีกว่า ในบางกรณีเช่นจะใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 2 ใบหรือถุงชอปปิ้งขนาดใหญ่ก็จะไม่เป็นปัญหาในรถคันนี้
Kia ยังไม่ได้ระบุว่าจะให้อุปกรณ์ความปลอดภัยอะไรบ้างมาเป็นมาตรฐานในรถเวอร์ชัน UK แต่ผู้ซื้อสามารถเลือกได้ว่าจะเอาอะไรระหว่างเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินเท้า ระบบเตือนจุดอับสายตา และระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน
คู่แข่งรายใหญ่ของ Kia ในตลาดคือ Juke ที่ตอนนี้ราคา 14,880 ปอนด์ (744,000 บาท) ส่วน Kona คาดว่าราคาอยู่ที่ 15,000 ปอนด์ (750,000 บาท) และ Stonic รุ่นเริ่มต้นน่าจะมีราคา 14,500 ปอนด์ (725,000) ถ้าราคาจริงเป็นดังนี้ Stonic จะถูกกว่าคู่แข่งสำคัญดังกล่าว ด้วยค่า PCP ต่อเดือนที่ต่ำ ดังนั้นผู้ซื้อที่มองการณ์ไกลจะประหยัดเงินในส่วนนี้ และแน่นอนว่าประกัน 7 ปี 160,000 กิโลเมตร ทำให้น้องเล็กคันนี้น่าสนใจไม่น้อย