เอสยูวีระดับพรีเมียมสายเลือดสวีดิชที่ได้รับคำชื่นชมมากมายจากทั่วทุกมุมโลก ชูจุดเด่นด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ดีไซน์ที่สวยงาม ระบบความปลอดภัยชั้นยอด และพลังเครื่องยนต์ดีเซล D4 และเบนซิน Twin Engine Plug-in Hybrid ที่หาตัวจับยาก สุดยอดเอสยูวีคันนี้จะมอบประสบการณ์การขับขี่อย่างไร เชิญหาคำตอบได้ที่นี่
ทุกคนรู้ว่า Volvo คือผู้นำด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย ปรัชญาการคิดค้นนวัตกรรมใหม่โดยให้ความสำคัญกับผู้คนเป็นอันดับแรกคือหัวใจหลักของค่ายที่ถ่ายทอดมาสู่ All New Volvo XC60 เอสยูวีขนาดกลางระดับพรีเมียมคันนี้เจิดจร้สด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงามดุจงานศิลป์ชั้นสูงจากสวีเดน ประกอบกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จัดเต็มมาให้เพื่อช่วยยกระดับประสบการณ์การขับขี่ขึ้นไปอีกขั้น
การทดสอบสมรรถนะของ XC60 ในครั้งนี้เป็นกิจกรรมการทดสอบรอบพิเศษในเส้นทางกรุงเทพ-พัทยา เราได้ลองทั้ง XC60 T8 Twin Engine ที่มาพร้อมกับขุมพลังไฮบริดกำลังรวม 407 แรงม้า และ XC60 D4 Momentum ขุมพลังดเซล 190 แรงม้า แน่นอนว่าเป็นใครก็ต้องอยากลองของแรงก่อนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นนั่งประจำที่ คาดเข็มขัด สตาร์ทเครื่อง แล้วเหยียบคันเร่งไปพร้อมกัน
สุดยอดแห่งขุมพลัง
เราอยู่กับเจ้า XC60 T8 Twin Engine AWD R-Design ตัวท็อปสุดของไลน์อัพที่ขายในไทย แค่สเปกเครื่องยนต์ที่เห็นก็ทำให้เราตื่นเต้นไม่ต่างจากกำลังขับสปอร์ตคาร์ตัวแรงเพราะเครื่องยนต์ของรถคันนี้เป็นเบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร พ่วงเทอร์โบ+ซุปเปอร์ชาร์จ ให้กำลัง 320 แรงม้า พร้อมกับแรงบิด 400 นิวตันเมตร ผสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลัง 87 แรงม้า แรงบิด 240 นิวตันเมตร เมื่อรวมกำลังทั้งสองระบบจะได้ฝูงม้าจำนวน 407 ตัว ที่ 5,700 รอบต่อนาที พร้อมกับแรงบิด 640 นิวตันเมตร ที่ 2200-5400 รอบ/นาที นี่คือขุมพลังที่ประกำการอยู่ในสปอร์ตตัวท็อปชัดๆ
เครื่องยนต์ชุดนี้จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Geartronic ขับเคลื่อนทุกล้ออัตโนมัติ AWD โดยที่เครื่องเบนซินส่งกำลังให้ล้อหน้า มอเตอร์ไฟฟ้าส่งกำลังให้ล้อหลัง เราไม่ได้ลองท็อปสปีดแต่ในสเปกระบุว่าเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 5.3 วินาที! ความเร็วสูงสุดแตะที่ 230 กม.ชม. นี่หรือเอสยูวีหรูความแรงระดับนี้จี้ตูดซุปเปอร์คาร์ได้สบาย
พูดถึงเครื่องปลั๊กอินไฮบริดซะเยอะสาวกดีเซลอย่าเพิ่งน้อยใจไปเพราะ XC60 D4 AWD Momentum ก็มีทีเด็ดไม้แพ้กัน เดิมทีเครื่องดีเซลเทอร์โบคู่บล็อกนี้ของวอลโว่ก็ยอดเยี่ยมอยู่แล้วเพราะมันมาพร้อมฝูงม้าถึง 190 ตัว และแรงบิด 400 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Geartronic ขับเคลื่อนทุกล้ออัตโนมัติ AWD แค่นี้ก็เพียงพอที่จะกระชากเรือนร่างอันใหญ่โตของ XC60 ให้ทะยานไปข้างหน้าได้อย่างรวกเร็ว ตามสเปกสามารถเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 8.4 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 205 กม./ชม. ถ้าแลกการประหยัดเงินในกระเป๋าแค่นี้ก็ถือว่าใช้ได้แถมยังกินน้ำมัน 17.9 กม./ลิตร และปล่อย CO2 เพียง 146 กรัม/กม.
ขับขี่ยอดเยี่ยมสมราคา
เส้นทางในทริปนี้วิ่งเส้นมอเตอร์เวย์เป็นส่วนใหญ่ ในช่วงแรกเราได้ลองเจ้า XC60 T8 Twin Engine บอกเลยว่าเรื่องสมรรถนะเครื่องยนต์และอัตราเร่งต่างๆ ไม่มีข้อกังขา ขับขี่ความเร็วต่ำในเขตเมืองก็นุ่มนวล เงียบ และขับสบาย แม้จะเป็นรถคันใหญ่แต่ตำแหน่งนั่งขับอยู่สูงทำให้มองเห็นด้านหน้าได้ดีกว่ารถเล็ก พอออกจากเขตเมืองสู่ถนนมอเตอร์เวย์กรุงเทพ-ชลบุรี เราก็ได้ยืดเส้นยืดสายเจ้าเอสยูวีคันนี้ อัตราเร่งต่างๆ ไม่ต้องห่วงเพราะมาเต็ม กดเป็นมา รถทะยานสู่ความเร็วสูงได้อย่างนุ่มนวลและมั่นคง เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมูธเป็นธรรมชาติ ตัดต่อกำลังได้อย่างรวดเร็วและเรียบเนียนจนแทบไม่รู้สึก ลองคิ๊กดาวน์ดูพบว่ากดปุ๊ปมาปั๊ปแบบไม่ต้องลุ้น เร่งแซงได้ทันใจ โดยรวมไม่มีที่ติจริงๆ แต่ด้วยความแรงระดับนี้คุณจะไม่ได้ยินเสียงคำรามของเครื่องยนต์มากนัก ถ้าใครเป็นนักขับฮาร์ดคอร์อาจรู้สึกตะงิดๆ ใจในความเงียบสบายหูบ้างเล็กน้อย
เครื่องยนต์ว่ายอดเยี่ยมแล้วระบบช่วงล่างก็ดีงามเช่นกัน ขับรถคันแล้วคุณจะรู้สึกถึงความนุ่มสบายถึงขีดสูงจากระบบกันสะเทือนอิสระ 4 ล้อ รอยต่อรอยปะถนนหรือหลุมบ่อคอสะพานไม่สามารถสร้างความหงุดหงิดให้กับเราได้เลย ขณะเดียวกันที่ความเร็วสูงก็ยังให้ความมั่นคงและมีการทรงตัวที่ยอดเยี่ยมไม่ต่างจากรถซีดานระดับหรู อีกทั้งยังเกาะถนนเหนียวหนึบ สาดโค้งได้อย่างมั่นใจเพราะอากาศโยนมีน้อยมาก
พวงมาลัยเป็นแบบพาวเวอร์ไฟฟ้าให้การตอบสนองที่เฉียบคมและแม่นยำ น้ำหนักมีความเหมาะสมกำลังดีตามช่วงความเร็ว ขับช้าก็ควงง่ายเบาสบาย เมื่อขับเร็วก็จะหนืดขึ้น ช่วยเพิ่มความมันใจในการขับได้เป็นอย่างดี ระบบเบรกแบบดิสก์ 4 ล้อ ขนาดจานเบรก 345 มม. ให้ความอุ่นใจทุกการเดินทาง มีความนุ่มนวล ไม่ต้องเหยียบลึกมากก็เริ่มจับและมีแรงต้านการเหยียบที่เหมาะสม
เสียงรบกวนในรถระดับนี้จะไม่ทำให้คุณรำคาญหูแน่นอน เราขับที่ความเร็ว 120 กม./ชม. เสียงรบกวนมีพอๆ กับขับขี่รถทั่วไปที่ความเร็วประมาณ 60 กม./ชม. ถ้าหวดเกินกว่านั้นเสียงลมและเสียงยางก็จะดังขึ้นอีกเล็กน้อย
ร่ายมายืดยาวแล้ว XC60 D4 ล่ะเป็นอย่างไรบ้าง? แม้จะเป็นเครื่องดีเซล 2.0 ลิตร 190 แรงม้า แต่มันก็ยังให้การตอบสนองที่ดีมากๆ ตามสไตล์เครื่องดีเซลแรงบิดสูง อัตราเร่งรุ่นแรงดีตังแต่รอบต่ำ สามารถดึงให้หลังติดเบาะได้ในเวลาเพียงอึดใจแต่อาจไม่เท่าตัว T8 มาพร้อมเสียงคำรามที่ฟังดูแล้วเป็นสุภาพบุรุษมาดเนี๊ยบ ชุดเกียร์เป็นลูกเดียวกับตัว T8 ดังนั้นการส่งต่อกำลังต่างๆ จึงสมูธนุ่มนวลแทบไม่ต่างกัน ในเมืองก็ขับง่ายขับสบาย ขับบนมอเตอร์เวย์หรือต่างจังหวัดก็ดีงาม
การควบคุม ช่วงล่าง ระบบเบรก และเสียงรบกวน เรามองว่าไม่ต่างกันมากนักเพราะเป็นสเปกเดียวกันกับตัว T8 ทั้งหมด ดังนั้นหมดห่วงเรื่องความนุ่มสบายได้ หนึ่งสิ่งที่เป็นจุดแข็งของรุ่น D4 คือราคาที่ต่ำกว่าและการบำรุงรักษาที่เรียบง่าย ไม่ต้องมีระบบไฟฟ้าอะไรมากมายให้ปวดหัว
รวยล้นเทคโนโลยี
XC60 ใหม่ นำเสนอสุดยอดเทคโนโลยีระดับหัวแถวของวงการไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีช่วยขับขี่หรือเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยที่ขึ้นชื่อ ทั้งรุ่น T8 และ D4 มาพร้อมระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ Pilot Assist ทำงานที่ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 130 กม./ชม. ระบบจะคอยอำนวยความสะดวกและช่วยลดความเหนื่อยล้าเมื่อขับขี่ทางไกลโดยมันจะใช้เรดาร์ตรวจจับรถยนต์คันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างพร้อมกับใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับเส้นจราจรและบังคับพวงมาลัยให้เลี้ยวไปตามเส้น จากการลองใช้งานจริงพบว่ามันให้ความสะดวกสบายมากๆ แม้รถจะเลี้ยวให้เองแต่มือก็ต้องประคองพวงมาลัยไว้ไม่เช่นนั้นระบบจะดังเตือน
เท่านั้นยังไม่พอเพราะในรุ่น T8 Twin Engine ยังมาพร้อมกับระบบช่วยในการจอดทั้งแบบเข้าซองและขนานขอบทางพร้อมกับกล้อง 360 องศา ต่อไปนี้คุณจะไม่ต้องปวดหัวกับการโยกเข้าซองอีกต่อไป Head-up Display แสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้าคนขับก็มีมาให้ด้วยเช่นกัน
เพื่อความสมบูรณ์แบบในการขับขี่สไตล์ต่างๆ รถทั้ง 2 รุ่นจึงมาพร้อมโหมดการขับขี่ 5 รูปแบบ ได้แก่ Eco, Comfort, Offroad, Dynamic และ Individual เป็นปุ่มเพชรให้กดเลือกที่คอนโซลกลาง เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง พวงมาลัย แป้นเบรก และการทำงานของระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ จะมีการตอบสนองที่ต่างกันไป เน้นประหยัดก็ Eco เน้นเร้าใจก็ Dynamic
ระบบ City Safety ของ XC60 มีการอัพเกรดเพิ่มฟังก์ชันความปลอดภัยใหม่มา 3 ฟังก์ชัน ประกอบด้วย ระบบควบคุมการเลี้ยวเพื่อช่วยหลีกเลี่ยงการชน (Steering Support) โดยระบบรถจะช่วยปรับองศาการเลี้ยวเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางตรงหน้า ช่วยหลีกเลี่ยงการปะทะกับยานพาหนะคันอื่น คนเดินถนน และสัตว์ขนาดใหญ่ได้ ระบบจะทำงานที่ความเร็ว 50-100 กม./ชม.
ระบบ Oncoming Lane Mitigation ช่วยหลีกเลี่ยงการปะทะกับยานพาหนะอื่นๆ ในช่องทางที่รถวิ่งสวนมา โดยระบบจะทำการเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ และเริ่มทำการควบคุมพวงมาลัยเพื่อนำรถกลับเข้าสู่ช่องทางที่ถูกต้อง ซึ่งระบบจะเริ่มทำงานที่ความเร็ว 60-140 กม./ชม.
Steer Assist ในระบบการแจ้งเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Information System) ซึ่งคอยทำหน้าที่เตือนถึงตำแหน่งของรถยนต์ในจุดอับสายตา ซึ่งระบบได้ผ่านการอัพเดทโดยได้ผสานฟังก์ชั่นควบคุมพวงมาลัยเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อช่วยหักเลี้ยวรถยนต์ให้กลับเข้าสู่ช่องทางของตนเองและออกห่างจากจุดอันตราย
โดดเด่นด้วยดีไซน์
XC60 ใหม่ แสดงตัวตนของตัวเองอย่างชัดเจนผ่านดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์เก่าๆ ที่คนมักมองว่าเป็นรถของผู้ใหญ่หรือรถครอบครัวดีไซน์เรียบหรูเป็นความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวและโมเดิร์นกระชากวัยขึ้น โดดเด่นด้วยไฟหน้ารูปค้อนของเทพเจ้าธอร์เหมือนกับ XC90 รุ่นพี่ กระจังหน้าขนาดใหญ่คาดด้วยโลโก้ Volvo เด่นเป็นสง่า เส่นสายที่ดูสปอร์ตทันสมัย และไฟท้ายทรงยาวที่มองก็รู้ว่าเป็นวอลโว่
รุ่น T8 R-Design จะให้ความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากกว่าด้วยล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว และชุดแต่งเสริมหล่อรอบกัน ส่วนรุ่น D4 Momentum เป็นล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารส่งมอบกลิ่นอายความเป็นสแกนดิเนเวียนเข้าเต็มๆ การออกแบบตกแต่งทุกอย่างมีความประณีตสวยงามในทุกรายละเอียด ใช้วัสดุคุณภาพสูง ผสานความสปอร์ตและความหรูหราเข้าด้วยกันอย่างลงตัว มาพร้อมเบาะทรงสปอร์ตที่โอบกระชับกับสรีระช่วยล็อกตัวไม่ให้โยนไปมาขณะเข้าโค้ง ทั้งยังปรับด้วยไฟฟ้าได้อย่างละเอียดและบักทึกความจำตำแหน่งคนขับ
เบาะหลังกว้างขวางนั่งสบาย พื้นที่เหนือศีรษะและพื้นที่ช่วงขามีมาก คนตัวสูงนั่งได้ไม่อึดอัด ห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายมีขนาดใหญ่สามารถพับพนักพิงเบาะหลังได้แบบ 60/40 เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของ
XC60 ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Sensus Connect หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รุ่นล่าสุด รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบนี้ยังมีฟังก์ชั่นการควบคุมด้วยเสียง บลูทูธ ไวไฟฮอตสปอต รวมถึงระบบนำทาง ควบคุมการทำงานที่ปุ่มบนพวงมาลัย
จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างของ XC60 T8 R-Design คือ ระบบเครื่องเสียงระดับโลก “Premium Sound by Bowers & Wilkins” ลำโพง 15 ตัวรอบห้องโดยสาร กำลังขับ 1,100 วัตต์ พร้อมรูปแบบเสียง 3 โหมดคือ Studio, Individual Stage, และ Gothenburg Concert Hall ต้องยอมรับเลยว่าระบบเสียงนี้สุดยอด ไพเราะเสนาะหูทุกรายละเอียดตัวโน๊ต
สรุปความน่าใช้
Volvo XC60 เป็นพรีเมียมเอสยูวีขนาดกลางที่ครบเครื่องในทุกด้าน การขับขี่ทั้งตัวปลั๊กอินไฮบริดและตัวดีเซลดีงามไม่แพ้กันอยู่ที่ว่าคุณจะชอบแบบไหน ด้วยราคาค่าตัวที่ต่างกัน 5 แสนบาท (D4 ราคา 3.09 ล้าน ส่วน T8 ราคา 3.59 ล้าน) อุปกรณ์ที่ได้รับหากมองดีๆ ก็คือความคุ้มค่า หากคุณต้องการเอสยูวีที่มีความสปอร์ต โฉบเฉี่ยว มีความวัยรุ่นมากกว่าเก่า มาพร้อมขุมพลังที่แรงเอาเรื่อง และเพียบพร้อมไปด้วยเทคโนโลยีช่วยขับและระบบความปลอดภัยที่ให้มาเหนือกว่าแบรนด์อื่น XC60 T8 Twin Engine คือคำตอบสุดท้าย ถ้าต้องการความเรียบง่าย ไม่เน้นสปอร์ตหรือยึดติดออปชันเสริมเติมแต่งมากมายอะไร XC60 D4 Momentum ก็คือหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ
แน่นอนว่าคู่แข่งในกลุ่มเอสยูวีหรูมีหลากหลายรุ่นทั้ง BMW X3, Mercedes-Benz GLC และ Audi Q5 เรามองว่าจุดเด่นที่ XC60 มีสร้างความได้เปรียบอยู่เล็กน้อย อย่างไรก็ตามการซื้อรถหรูระดับพรีเมียมสักหนึ่งคันถ้าคนมีเงินอาจไม่คิดอะไรมาก แต่ถ้าเป็นรถหรูคันแรกของคุณก็ต้องพิจารณามากหน่อย การทดลองขับจึงตอบโจทย์ที่ตัวคุณตั้งขึ้นมาได้ดีที่สุด เราบอกได้เลยว่า XC60 จะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวัง
ราคารถยนต์
- Volvo XC60 D4 AWD Momentum ราคา 3,090,000 บาท
- Volvo XC60 T8 Twin Engine AWD Momentum ราคา 3,290,000 บาท
- Volvo XC60 T8 Twin Engine AWD R-Design ราคา 3,590,000 บาท
ขอขอบคุณ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย สำหรับกิจกรรมทดสอบในครั้งนี้
ดูรายละเอียดสเปกรถยนต์ที่ https://goo.gl/NjGvR1
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.volvocars.com/th หรือ www.facebook.com/volvoTH/