อีโคแฮทช์แบ็กที่กำลังร้อนแรงที่สุด ณ ชั่วโมงนี้ การกลับมาในเจอเนอเรชันที่ 3 คือความยอดเยี่ยมในทุกด้านทั้งรูปลักษณ์ดีไซน์ที่สดใหม่น่าใช้ยิ่งขึ้น เทคโนโลยีใหม่อย่างแพล็ตฟอร์ม HEARTECT และเครื่องยนต์ DUALJET ที่มีแรงม้าน้อยลงแต่กลับตอบสนองดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ นี่คือความสุดยอดในราคา 629,000 บาท
หลายๆ คนที่ซื้อรถคันแรกมักจะเริ่มต้นจากรถขนาดเล็กราคาย่อมเยา ให้ฟังก์ชันอุปกรณ์มาครบถ้วนตามความจำเป็น และมีเครื่องยนต์ที่ประหยัดน้ำมัน ส่วนเรื่องสมรรถนะต่างๆ อาจเป็นประเด็นรอง ขอแค่ขับง่ายขับสบายก็เป็นอันใช้ได้ เพราะฉะนั้นอีโคคาร์คือตัวเลือกแรกๆ ของใครหลายๆ คน ในตลาดปัจจุบันทุกค่ายต่างเสิร์ฟอีโคคาร์ที่มีจุดเด่นตามที่กล่าวให้ผู้บริโภคได้เลือกสรรมาขับขี่ ซูซูกิก็คือค่ายหนึ่งที่เป็นเหมือนผู้บุกเบิกวงการอีโคคาร์เป็นรายแรกๆ ในบ้านเราโดยมี Swift เป็นตัวชูโรงซึ่งมันก็ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากจำนวนที่มากมายบนท้องถนนมองไปทางไหนก็เจอ เมื่อกาลเวลาผันเปลี่ยนรถยนต์ก็ย่อมเปลี่ยนผันตาม ดังนั้น Swift ใหม่เจเนอเรชันที่ 3 จึงได้เวลาจุติลงที่ตลาดเมืองไทยหลังจากเปิดตัวในต่างแดนไปเมื่อปีที่แล้ว
หลังจากการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย ก็พาเราบินลัดฟ้าสู่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อทำการทดสอบแฮทช์แบ็กหน้าตาน่ารัก ในทริปนี้จะมีให้ทดสอบ 2 รุ่น คือ GLX CVT และ GLX NAVI CVT ไม่ต้องสงสัยว่ามันจะแตกต่างกันมากน้อยอย่างไรเพราะทั้งสองรุ่นมีสเปคทางเทคนิคเหมือนกันทั้งหมดต่างเพียงอุปกรณ์ออปชันบางอย่างที่รุ่น NAVI ให้มามากกว่า ก็แน่ละสิเพราะราคาแพงกว่านั่นเอง
สำหรับเส้นทางการทดสอบในทริปนี้ค่อนข้างอิสระเพราะให้ขับแบบฟรีรันตามเส้นทางที่วิ่งเป็นวงกลมรอบเมืองเชียงใหม่ สภาพเส้นทางมีความหลากหลายทั้งทางขึ้น-ลงเขา ถนนนอกเมืองที่สามารถทำความเร็วได้ และถนนในเมืองที่การจราจรไม่ต่างจากกรุงเทพ เรียกได้ว่าครบถ้วนทุกสถานการณ์จริงๆ
ยกระดับงานดีไซน์
คุณคิดเหมือนเรามั้ยว่าหน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง ตัวอย่างเช่นเราเห็นคนหน้าตาสวยหล่อก็มักจะชอบมองแล้วก็คิดไปไกลเพราะหน้าตาเป็นซึ่งแรกที่ดึงดูดใจเราเสมอ รถยนต์ก็เช่นกัน Swift ใหม่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยและทันสมัยในสไตล์ยุโรป มิติรถสั้นและเตี้ยลงแต่กว้างและมีฐานล้อยาวขึ้นเล็กน้อย ผลที่ได้คือลุคที่ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวกว่าและได้พื้นที่ภายในห้องโดยสารเพิ่มขึ้น ตัวรถสร้างบนแพล็ตฟอร์มใหม่ชื่อว่า HEARTECT ที่มีความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อน จุดนี้ย่อมทำให้การขับขี่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นและประหยัดน้ำมันกว่าเดิม
ออปชันภายนอกก็ตามที่เห็น ในรุ่นท็อปไฟหน้าจะเป็นโคมโปรเจคเตอร์พร้อมไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์เป็นเส้น LED สวยงาม กระจังหน้ารังผึ้งคาดด้วยเส้นสีแดงสื่ออารมณ์สปอร์ตตั้งแต่แรกเห็น กันชนหน้ารูปทรงเหมือนกำลังยิ้มให้พร้อมกับไฟตัดหมอกสวยงามลงตัว เส้นสายหลังคาดูคล้ายๆ กับรุ่นก่อนหน้า เติมลูกเล่นเล็กน้อยด้วยเสา A สีดำและย้ายมือจับประตูหลังมาอยู่ด้านบนเป็นชิ้นเดียวกับเสา C ด้านท้ายก็มาพร้อมกับไฟท้าย LED เป็นเส้นเรียวรูปตัว C โดดเด่นมาแต่ไกล ใส่ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วมาให้แต่ลวดลายดูธรรมดาไปหน่อย
ภายในของ Swift ใหม่ยกระดับจากรุ่นก่อนหน้าขึ้นมาหลายเท่าตัว ในรุ่นท็อป GLX NAVI ที่เราได้ลองมาพร้อมกับระบบ Suzuki Smart Connect หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay จากที่ลองจิ้มๆ ปัดๆ พบว่าใช้งานได้ลื่นไหลดี กราฟิกสีสันสวยงามดูแล้วเข้าใจง่าย มาพร้อมกับระบบนำทาง วิทยุ โทรศัพท์ เครื่องเสียง และยังแสดงผลจากกล้องมองหลังด้วย
การออกแบบภายในเน้นให้อารมณ์ความสปอร์ตเต็มพิกัดด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านแบบฐานตัด และหน้าปัดแบบเข็มดีไซน์สปอร์ตสีแดงพร้อมจอแสดงข้อมูล MID บอกค่าต่างๆ ทั้งอุณหภูมิ นาฬิกา อัตราสิ้นเปลือง จับทริป ตำแหน่งเกียร์ และความเร็วเฉลี่ย อีกทั้งคอนโซลยังเยื้องเข้าหาผู้ขับขี่ทำให้กดปุ่มต่างๆ สะดวกมากขึ้น เสียดายที่ไม่มีแพดเดิลชิฟท์หลังพวงมาลัย
พื้นที่ภายในกวางขวางกว่าเดิมเล็กน้อย เพราะความโปร่งและแนวหลังคาที่สูงทำให้ผู้โดยสารตอนหลังนั่งสบายศีรษะไม่ชนเพดาน ที่ว่างช่วงขาก็มีพอสมควรไม่อึดอัดจนเกินไป ห้องเก็บสัมภาระมีขนาดเพิ่มขึ้นจาก Swift ตัวเก่าเป็น 265 ลิตร เบาะหลังปรับพับได้แบบ 60:40
ขุมพลังใหม่ดีงามยิ่งขึ้น
Swift ใหม่มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.2 ลิตร รหัส K12M มาพร้อมเทคโนโลยี DUALJET หัวฉีดคู่ให้ละออกน้ำมันเป็นฝอยละเอียดมากขึ้น พร้อมระบบวาล์ว แปรผัน Dual VVT ติดตั้งระบบ EGR นำไอเสียบางส่วนหมุนวนกลับเข้าสู่ห้องเผาไหม้ ให้กำลังสูงสุด 88 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ผ่านข้อกำหนดของ Eco Car Phase 2 ที่ค่ามลพิษในไอเสียต้องผ่าน EURO 5 รองรับน้ำมัน E20
ในตลาดโลก Swift จะมีเครื่องยนต์ 1.4 ลืตร เทอร์โบ 140 แรงม้า และ 1.0 ลิตร เทอร์โบ 109 แรงม้า แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถนำเข้ามาขายในบ้านเราได้เพราะติดเรื่องสัญญากับ BOI และราคาน่าจะพุ่งสูงเกินเพดานรถอีโคคาร์ในตลาด
ขับดีกว่าเดิม
เมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้วปรับเบาะให้เข้าที่เข้าทาง เรารูสึกว่าภายในโปร่งเหมือนกับ Swift ตัวเก่า ทัศนะวิสัยรอบคันดี มุมมองผ่านไหล่เห็นชัดไม่อึดอัด พื้นที่ด้านหน้ากว้างขวางไม่รู้สึกว่าเข่าติดหรืออึดอัดอะไร เบานั่งออกแบบให้โอบกระชับดี ข้อดีอีกอย่างคือพวงมาลัยสามารถปรับได้ 4 ทิศทาง (ขึ้น-ลง-เข้า-ออก)
การทดสอบเริ่มต้นที่โรงแรม Flora Creek ตั้งอยู่ในแถบทิศตะวันตกของตัวเมืองเชียงใหม่แวดล้อมด้วยขุนเขาบรรยากาศสวยงาม เส้นทางในช่วงแรกก็เป็นทางคนเคี้ยวสลับกันขึ้น-ลงเนินเป็นระยะๆ เราใส่เต็มตั้งแต่หลักกิโลเมตรแรก แม้ว่าพละกำลังของเครื่องยนต์ DUALJET 1.2 ลิตรจะมีแรงม้าน้อยลงแต่พอขับจริงกลับตอบสนองได้ดีกว่า Swift ตัวเก่า ทำให้การขับลัดเลาะขึ้น-ลงเขาไปอย่างกระฉับกระเฉงและให้อัตราเร่งที่ดี เกียร์ CVT ส่งต่อกำลังอย่างลื่นไหลฉับไวไม่มีสะดุด ตำแหน่งเกียร์ L ช่วยหน่วงความเร็วเมื่อขับไหลลงจากเนินเขาและโค้งได้ดี มีปุ่ม S หรือโหมดสปอร์ตให้ใช้งานเพื่อเพิ่มอัตราเร่งให้ดีขึ้นเล็กน้อยสำหรับการเร่งแซงและยังช่วยหน่วงในจะหวะยกคันเร่ง ต้องบอกเลยว่าซูซูกิปรุงแต่งเครื่องยนต์และเกียร์ชุดนี้ให้เข้ากันได้กลมกล่อม
หลังจากลงเขามาก็เข้าสู่ถนนราบที่การจราจรค่อนข้างโล่งให้เราเค้นศักยภาพสูงสุดของรถออกมา ทดลองกดเต็มๆ พบว่าเครื่องยนต์และเกียร์ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่องทำให้ค่อยๆ ไต่ความเร็วขึ้นอย่างนุ่มนวล จังหวะคิ๊กดาวน์ต้องกดลึกหน่อย หากอยากสนุกก็กดปุ่ม S รถจะพุ่งขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับรอบเครื่องที่ดีดขึ้นสูงเพื่อเรียกพลังออกมา ความเร็วสูงสุดของเจ้าจิ๋วคันนี้ทางวิศวกรแจ้งมาว่าสามารถไหลไปได้ถึง 170 กม./ชม. อัตราเร่ง 0-100 ทำได้ราว 13 วิต้นๆ
เมื่อเข้าสู้เขตตัวเมืองเชียงใหม่การจราจรเริ่มหนาแน่นขึ้น Swift ใหม่ก็ยังคงตอบสนองได้ดี ด้วยขนาดตัวรถที่กะทัดรัดและเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังเหมาะสมทำให้การลัดเลาะเปลี่ยนเลนมุดไปมุดมาทำได้อย่างคล่องแคล่ว เครื่องยนต์เดินเรียบขับง่ายขับสบาย เกียร์ D อย่างเดียวเท่านั้นเมื่อเข้าเมือง
Swift ใหม่ป้องกันเสียงรบกวนได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า เงียบขึ้นเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. เสียงลมและเสียงยางบดถนนเล็ดลอดเข้ามาน้อยกว่ารุ่นก่อน
ช่วงล่างเชื่อถือได้
ระบบช่วงล่างของ Swift ใหม่ปรับเซตมากลางๆ ไม่แข็งหรืออ่อนเกินไป การขับขี่บนเขาที่ต้องเข้าโค้งไปมารถยังคงมีการทรงตัวที่ดี เกาะถนน อาการโยนมีบ้างแต่ไม่น่าเกลียด ขณะเดียวกันเมื่อขับความเร็วสูงรถก็ยังนิ่งและมั่นคง ระบบกันสะเทือนดูดซับแรงกระแทกจากพื้นถนน รอยปะ คอสะพาน และหลุมบ่อได้ดีพร้อมกับมอบความนุ่มนวลยามขับขี่ได้น่าพอใจ เราแนะนำว่าถ้าคุณอยากเพิ่มความหนึบให้กับรถอาจต้องเพิ่มขนาดหน้ายางเพราะของเดิมติดรถเป็นไซส์ 185/55R16 หากเพิ่มเป็น 195 หรือ 205 มันส่งผลต่อการยึดเกาะที่ดีกว่าแน่นอนและยังเพิ่มความสวยงามให้กับตัวรถด้วยแต่ก็ต้องแลกกับความประหยัดที่ลดลงเล็กน้อย
พวงมาลัยมีน้ำหนักกำลังดีทำให้ควบคุมง่ายคุณผู้หญิงขับสบายมือ มีความเฉียบคมและแม่นยำ แต่เราคิดว่าพวงมาลัยน่าจะหนืดขึ้นอีกนิดที่ช่วงความเร็วสูงเพื่อความมั่นใจ
ระบบเบรกของ Swift ใหม่คือสิ่งที่ควรปรบมือให้เพราะเป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ ขณะที่คู่แข่งบางค่ายยังเป็นดิสก์แค่ล้อหน้า เพราะฉะนั้นมันจึงให้ความมั่นใจได้มากกว่าเมื่อขับลงเขาหรือเบรกหนักๆ จากความเร็วสูง อีกทั้งยังมี ABS และ EBD เป็นตัวช่วยอีกแรง เบรกมีความนุ่มนวลแต่ก็หนึบไว้ใจได้ไม่มีอาการเฟด
ประหยัดเอาเรื่อง
ช่วงขับขี่บนเขาเราไม่สามารถควบคุมให้รถกินน้ำมันน้อยที่สุดได้เพราะต้องใช้รอบใช้กำลังมากกว่าการขับบนทางราบปกติ แต่อัตราสิ้นเปลืองที่ขึ้นโชว์บนหน้าจอ MID อยู่ที่ราว 10-11 กม./ลิตร ความเร็วที่ใช้ก็เป็นไปตามจังหวะเส้นทางไม่ได้เน้นอีโครันเต็มรูปแบบ ตัวเลขที่ได้ถือว่าน่าพอใจสำหรับรถเล็กแบบนี้
การขับขี่บนทางราบทั่วไปด้วยความเร็วเดินทาง 100-110 กม./ชม. ประกอบกับเจอรถติดในเมืองและขับคลานตามสภาพการจราจรอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ราว 15 กม./ลิตร เราคาดว่าถ้าขับแบบอีโครันวิ่งด้วยความเร็วสม่ำเสมอใช้รอบเครื่องให้พอดีน่าจะทำได้สูงสุดกว่า 19 กม./ลิตร นอกจากนี้ซูซูกิยังใส่ฟังก์ชัน IDLING STOP มาด้วยกะให้ลืมเข้าปั๊มน้ำมันกันเลยทีเดียว
สรุปความน่าใช้
อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่ารถคันแรกของใครหลายๆ คนอาจเป็นอีโคคาร์ที่เน้นการใช้งานที่เรียบง่าย อุปกรณ์ที่จำเป็นมีครบ คุ้มค่ากับราคา และประหยัดน้ำมัน แน่นอนว่า All New Suzuki Swift ให้คุณได้ตามต้องการ แต่สิ่งที่รถคันนี้จะมอบให้เพิ่มเติมคือความสนุกสนานในการขับขี่ สมรรถนะที่เร้าใจ พร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เหนือกว่าคู๋แข่งหนึ่งก้าว เครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง พวงมาลัย เบรก ทุกสิ่งอย่างถูกพัฒนาให้ดีกว่ารุ่นก่อนมาก ความประหยัดก็ยังเป็นหัวใจสำคัญ อีกทั้งดีไซน์ภายนอกและภายในก็น่าดึงดูดใจเป็นไหนๆ มีสีสันให้เลือกหลากหลาย ขายความสปอร์ตเอาใจวัยรุ่นโดยตรง
เรามองว่ารุ่นคุ้มสุดน่าจะเป็น GLX ตัวรองท็อป แต่ถ้าใครงบถึงจะจัดตัวท็อปก็ไม่ว่ากัน หรือใครชอบดิบๆ ก็ต้องรุ่นเริ่มต้น GA ที่มาพร้อมค่าตัว 4.99 แสนบาทเท่านั้น ตอนนี้แว่วมาว่ากระแสของเจ้าจิ๋วรุ่นนี้กำลังแรงมาก เปิดตัวมาไม่ถึงเดือนยอดจองพุ่งขึ้นเรื่อยๆ ท่านใดสนใจไปลองเลยครับ ลองให้คุ้ม แล้วจะรู้ว่า Suzuki Swift จะทำให้คุณยิ้มไม่หุบไปหลายวัน
ราคารถยนต์
- Suzuki Swift 2L GA CVT 499,000 บาท
- Suzuki Swift 2L GL CVT 536,000 บาท
- Suzuki Swift 2L GLX CVT 609,000 บาท
- Suzuki Swift 2L GLX NAVI CVT 629,000
ขอขอบคุณ ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย สำหรับกิจกรรมทดสอบในครั้งนี้
ดูรายละเอียดสเปครถยนต์ที่ https://goo.gl/epbxwG
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.suzuki.co.th หรือเฟสบุ๊กแฟนเพจ Suzuki Motor Thailand