กระบะพันธุ์เข้มจากโรงงานรุ่นใหม่ล่าสุด โดดเด่นด้วยชุดแต่งเพิ่มความดุรอบคันกว่า 19 รายการ ภายในตกแต่งสไตล์สปอร์ต พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD II ที่สามารถเลือกใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ เครื่องยนต์ MIVEC Clean Diesel 181 แรงม้า ทำให้รถคันนี้มีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมน่าประทับใจ ราคา 1,111,000 บาท
ปัจจุบันตลาดกระบะตกแต่งพิเศษจากโรงงานมีความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกค่ายจำเป็นต้องมีรุ่นพิเศษหรือรุ่นท็อปเวอร์ชันแต่งเต็มเพื่อมาเป็นหัวหอกในการเพิ่มความน่าสนใจให้กับรถรุ่นนั้นๆ ล่าสุดมิตซูบิชิได้ทำการเปิดตัว Triton Athlete กระบะพันธุ์เข้มสุดหล่อไปที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โปที่ผ่านมา นับเป็นเรื่องดีที่ผู้บริโภคจะได้มีตัวเลือกให้ตัดสินใจเพิ่มขึ้น และเป็นการตอกย้ำถึงกระแสนิยมกระบะดีไซน์สปอร์ตดุดันที่ผู้คนส่วนใหญ่ชื่นชอบ
Triton Athlete เป็นกระบะสปอร์ตพันธุ์เข้มรุ่นท็อปสุดของไลน์อัพ มีให้เลือก 3 รุ่นย่อยแบ่งเป็นรุ่น PLUS ขับเคลื่อนสองล้อยกสูง 2 รุ่น (เกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ) และรุ่น 4WD ขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อมกับสีตัวถัง 3 สีได้แก่ ขาว ดำ และเทา พร้อมกับชุดแต่งรอบคันกว่า 19 รายการ อาทิ กระจังหน้ารังผึ้งสีดำ ชุดแต่งกันชนหน้า-หลัง สปอร์ตบาร์ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วสีดำ กระจกมองข้างสีดำ มือจับเปิดประตูสีดำ คิ้วล้อสีดำ รวมถึงลายเส้นสติ๊กเกอร์สีส้มที่พาดผ่านตั้งแต่ไฟหน้าไปจรดกันชนท้ายที่ให้อารมณ์สปอร์ตเต็มขั้น
การทดสอบในครั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เชิญเราเข้าร่วมกิจกรรมทดสอบในเส้นทาง กรุงเทพ-เขาใหญ่ เพื่อท้าพิสูจน์สมรรถนะและประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD II บนเส้นทางออฟโรด จะเมามันส์แค่ไหนนั่งประจำที่ คาดเข็มขัด สตาร์ทเครื่อง แล้วเหยียบคันเร่งไปกันเลย
ขับดีไม่มีบกพร่อง
เราเริ่มออกสตาร์ทจากใจกลางเมืองย่านสุขุมวิทมุ่งหน้าสู่โชว์รูมมิตซูบิชิที่อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี การขับขี่ในช่วงนี้แน่นอนว่าต้องเจอกับปัญหาการจราจรที่หนาแน่นในเขตเมือง Athlete ไม่ทำให้เราผิดหวังเพราะขับขี่ง่าย สบาย และป้องกันเสียงรบกวนภายนอกได้ดี การขับขี่ความเร็วในเมืองเป็นไปอย่างราบรื่น การส่งต่อกำลังของเกียร์อัตโนมัติในรอบต่ำทำได้ค่อนข้างนุ่มนวล
ออกจากโชว์รูมก็มุ่งหน้าสู่เขาใหญ่ เส้นทางในช่วงนี้เริ่มออกนอกเมือง มีช่วงให้ลองเหยียบเป็นระยะๆ เครื่องยนต์ MIVEC Clean Diesel 2.4 ลิตร 181 แรงม้า ของ Athlete ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างสนุกสนาน เครื่องยนต์มีพละกำลังและอัตราเร่งที่เพียงพอต่อการใช้งาน ในช่วงต้นอาจจะมีอาการรอรอบบ้างแต่เมื่อผ่าน 100 กม./ชม. ไปแล้วคือไหลไปได้เรื่อยๆ กดครูสคอนโทรลขับยาวๆ ไปได้เลยไม่มีปัญหา
ช่วงล่างของ Athlete ให้ความมันใจในระดับสูง เรารู้สึกว่ามันมีความนุ่มและเกาะถนนดี เข้าโค้งความเร็วสูงมีโยนบ้างเล็กน้อยแต่ไม่น่าเกลียด การรองรับแรงสะเทือนทำได้ดีพอสมควร พวงมาลัยมีน้ำหนักกำลังดีและมีความแม่นยำ ระบบเบรกก็ถือว่ามั่นใจได้ เอาอยู่ทุกสถานการณ์
เป็นที่ทราบกันดีว่าทางขึ้นเขาใหญ่นั้นอุดมไปด้วยโค้งมากมายสลับกับเนินชัน Athlete ให้การควบคุมที่ดีในทุกโค้งและพละกำลังของเครื่องยนต์ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง เราสามารถขับขึ้งลงทางชันได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าเกียร์อัตโนมัติจะมีแค่ 5 สปีด แต่ก็มาพร้อมกับโหมดสปอร์ตแถมยังมีแพดเดิลชิฟท์หลังพวงมาลัยมาให้เล่นเกียร์ด้วย เพราะฉะนั้นการขับขี่ผ่านเส้นทางในช่วงนี้เป็นอะไรที่ฟินและสนุกสุดๆ เราซึมซับกับบรรยากาศสองข้างทางได้เต็มอรรถรสโดยไม่ต้องกังวลว่ารถจะขึ้นไม่ไหว
Super Select 4WD II คู่ขาชาวออฟโรด
Triton Athlete ที่เราได้ทดลองขับมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD II เป็นสวิตช์ไฟฟ้าอยู่บริเวณคอนโซลกลาง ระบบนี้ประกอบด้วยโหมดการขับขี่ 4 โหมดคือ 2H เป็นการขับเคลื่อนล้อหลัง 100% สำหรับขับบนถนนปกติทั่วไป, 4H เป็นการขับเคลื่อนสี่ล้อด้านหน้า 40% ด้านหลัง 60% โหมดนี้เหมาะสำหรับขับขี่บนสภาพถนนเปียกลื่นที่ใช้ความเร็ว, 4HLc ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบหน้า 50% หลัง 50% สำหรับทางทุรกันดารที่มีพื้นผิวลื่นไถลแต่ยังใช้ความเร็วได้ และ 4LLc ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบหน้า 50% หลัง 50% พร้อมระบบล็อกเฟืองท้ายสำหรับลุยเส้นทางที่เป็นอุปสรรค์มากๆ เช่นหิน โคลน ทางลาดชันมาก หรือพื้นผิวที่รถทั่วไปไม่สามารถไปได้
เรามาถึงสถานีทดสอบการขับขี่ออฟโรดช่วงบ่ายแล้วก็ลงสนามทดสอบอย่างตั้งใจโดยมีอินสตรักเตอร์นั่งข้างๆ คอยให้คำแนะนำในการใช้โหมดต่างๆ เราได้ลองใช้โหมดขับขี่ไล่ไปจาก 4H, 4HLc และ 4LLc ขับผ่านพื้นผิวที่เป็นอุปสรรค หลุมบ่อ และก้อนหิน ระบบของ Athlete ช่วยให้การขับขี่ออฟโรดเป็นเรื่องง่าย ระบบล็อกเฟืองท้ายในโหมด 4LLc ช่วยให้สามารถขับผ่านพื้นผิวที่ล้อใดล้อหนึ่งไม่ติดพื้นได้ จะปีนป่ายก้อนหินหรือทางลื่นทางชันก็ทำได้ไม่มีปัญหา อีกทั้งระยะความสูงจากพื้น 205 มม. ก็ช่วยให้สามารถควบรถคันนี้ลุยไปได้ในทุกที
จริงอยู่ที่ระบบพวกนี้อาจฟังดูซับซ้อนและผู้คนทั่วไปอาจไม่ค่อยได้งานเท่าไร แต่ถ้าลองเล่นลองทำความเข้าใจกับมันก็จะรู้ว่ามันเป็นตัวช่วยที่ดีมากสำหรับคนรักการขับขี่ออฟโรดหรือรักการท่องเที่ยวผจญภัย
เติมความสปอร์ตให้ภายใน
สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของ Triton Athlete ก็คือภายในห้องโดยสาร เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็จะสะดุดตากับเบาะนั่งสีดำ-ส้มปักโลโก้ ‘Athlete’ เดินตะเข็บด้วยด้ายสีส้มให้อารมณ์สปอร์ตสุดๆ ตลอดจนหัวเกียร์ หนังหุ้มพวงมาลัย พรมปูพื้น และแผงประตูข้างที่ตกแต่งด้วยด้ายสีส้มเช่นกัน โดยรวมให้ความรู้สึกที่พิเศษกว่ารุ่นปกติ คนที่ชอบก็น่าจะชอบไปเลยส่วนคนที่รู้สึกว่าเยอะก็อาจจะรำคาญตาไปหน่อยอันนี้นานาจิตตัง
ภายในกว้างขวางนั่งได้สูงสุด 5 คน ออปชันต่างๆ เหมือนกับ Triton ปกติไม่มีอะไรเพิ่มเติม โดดเด่นด้วยเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสที่รองรับการการเชื่อมต่อครบครันพร้อมกับ Apple CarPlay และระบบนำทาง เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงครบครัน แพดเดิลชิฟท์ และครูสคอนโทรล ปรับได้ 4 ทิศทาง เราคิดว่าถ้าพวงมาลัยเป็นแบบ 3 ก้านจะให้อารมณ์สปอร์ตได้มากขึ้นไปอีก แต่ 4 ก้านก็โอเค
เมื่อนั่งประจำตำแหน่งคนขับทัศนะวิสัยรอบคันจัดว่าดีเยี่ยม เบาะเป็นแบบปรับไฟฟ้าทำให้สามารถหาตำแหน่งที่เหมาะสมได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังนุ่มและโอบกระชับดี มุมมองผ่านไหล่ด้านหลังก็ไม่ได้ถูกบดบังมากเกินไป ลองนั่งที่เบาะหลังดูพบว่านั่งสบาย กว้างขวาง โปร่ง และขึ้นลงไม่ยากลำบากมากนัก แอร์ตอนหลังไม่มีแต่พนักพิงเบาะกลางดึงลงมาเป็นที่วางขวดน้ำได้ พนักพิงเอนไปด้านหลังเล็กน้อยช่วยให้นั่งนานๆ แล้วไม่ทรมาน มาพร้อมจุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX สำหรับครอบครัวที่มีลูกน้อย
ขุมพลังเร้าใจ
Triton Athlete ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง MIVEC Clean Diesel 4 สูบ 2.4 ลิตร พ่วงเทอร์โบแปรผันและอินเตอร์คูลเลอร์ จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดคอมมอนเรล 200 Mpa ให้พละกำลังสูงสุด 181 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 สปีดหรือเกียร์อัตโนมัติทอร์คคอนเวอร์เตอร์ 5 สปีด ในด้านสเปคก็อยู่ในระดับเทียบเท่ากับแบรนด์คู่แข่งที่ยุคนี้ม้าต้องเยอะแรงบิดต้องมากแต่ความจุเครื่องยนต์น้อยลง พละกำลังระดับนี้เหลือเฟือสำหรับการใช้งานทั่วไป ขณะเดียวกันก็ตอบสนองต่อการขับขี่ทางไกลหรือขึ้นลงเขาได้เป็นอย่างดี
ช่วงล่างหน้าเป็นแบบอิสระปีกนกสองชั้น คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นแหนบแผ่นซ้อนพร้อมโช๊คอัพแบบไขว้ ระบบเบรกด้านหน้าเป็นดิสก์ด้านหลังเป็นดรัมเบรก ระบบพวงมาลัยเป็นแบบพาวเวอร์ผ่อนแรง รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.9 เมตร
สเปคที่ได้ถือว่าเป็นไปตามมาตรฐานของกระบะสมัยใหม่ แต่จุดขายของมิตซูบิชิคือสมรรถนะที่โดดเด่นและความสปอร์ตที่ผสานกันอย่างลงตัวในกระบะรุ่นใหม่นี้ เรามองว่ามันเป็นความน่าสนใจที่ต้องได้ลองก่อนจะตัดสินใจซื้อ
ระบบความปลอดภัย
Triton Athlete สร้างบนโครงสร้างนิรภัย RISE BODY ที่ขึ้นชื่อมานานของมิตซูบิขิ โดยมาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐาน อาทิ คานเหล็กกันกระแทกด้านข้าง ระบบเบรก ABS และกระจายแรงเบรก EBD, กล้องมองหลัง, ระบบไฟกระพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ ในรุ่น 4WD จะมีระบบควบคุมประสิทธิภาพการทรงตัวพร้อมป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล ATSC, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบเสริมแรงเบรก ตลอดจนถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้างคู่หน้า ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่าของคนขับ จัดเต็มให้กันไปเลย
Triton Athlete เป็นความพยายามของมิตซูบิชิในการแตกลายผลิตภัณฑ์เพื่อมาตอบสนองต่อความต้องการข้องผู้บริโภคที่ชื่นชอบกระบะที่มีความสปอร์ตโดดเด่นเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งตอนนี้คู่แข่งทุกค่ายต่างก็มีผู้เล่นในตลาดกลุ่มนี้อยู่เช่นกัน เรามองว่า Triton Athlete ทำออกมาได้น่าประทับใจ ด้วยสเปคและราคาค่าตัวของรุ่นท็อปขับเคลื่อน 4 ล้ออยู่ที่ 1.111 ล้านบาทถือว่าคุ้มค่ามากๆ เพราะคุณได้ทั้งรูปลักษณ์ดีไซน์ที่สปอร์ตดุดันแถมยังโดดเด่นและโฉบเฉี่ยวกว่ารถรุ่นธรรมดาทั่วไปแบบที่ขับออกจากโชว์รูมแล้วไม่ต้องไปตกแต่งเพิ่มเติมเลย ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD II ที่ใช้งานได้ครอบคลุมทุกสถานการณ์ อีกทั้งการขับขี่ทั่วไปก็จัดว่าดีเยี่ยม ตลอดจนภายในที่กว้างขวางและสะดวกสบายครบครัน ลองพิจารณารถกระบะจากค่ายตราเพชรดูแล้วคุณจะรู้ว่า Triton Athlete ก็มีดีไม่แพ้แบรนด์เจ้าตลาดเหมือนกัน
ราคา
- รุ่น Double Cab PLUS ATHLETE 6MT ราคา 879,000 บาท
- รุ่น Double Cab PLUS ATHLETE 5AT ราคา 924,000 บาท
- รุ่น Double Cab 4WD ATHLETE 5AT ราคา 1,111,000 บาท
ขอขอบคุณ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด สำหรับกิจกรรมทดสอบในครั้งนี้