เอสยูวีรุ่นล่าสุดจากครอบครัว X Series ของ BMW พกพาความสปอร์ต หรูหรา สะดวกสบาย และความสมบุกสมบัน นำเสนอผ่านรูปลักษณ์ที่สวยงามและทันสมัยพร้อมกับสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมทั้งทางเรียบและทางฝุ่น นี่คือความคุ้มค่าที่น่าลิ้มลองราคา 3,699,000 บาท
BMW X3 เป็นเอสยูวี 5 ที่นั่งขนาดกลางที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากด้วยรูปลักษณ์ที่สปอร์ต ทันสมัย และสะท้อนเอกลักษณ์การออกแบบในแนวทางของ BMW เอาไว้อย่างชัดเจน เจเนอเรชันก่อนทำตลาดในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลาหลายปีและได้เสียงตอบรับจากผู้ขับขี่ที่ดี จากความสำเร็จดังกล่าวตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่ X3 รุ่นเก่าจะต้องมีทายาทสืบต่อ
BMW ประเทศไทยเปิดตัว BMW X3 รุ่นใหม่ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว นำร่องด้วยโมเดลเครื่องยนต์ดีเซลรหัส X3 xDrive20d XLine ที่มาในแนวทางของสปอร์ตเอสยูวี ตามธรรมเนียมหลังจากมีการเปิดตัวรถใหม่ก็จะมีการจัดกิจกรรมเชิญสื่อมวลชนด้านยานยนต์มาทดสอบประสิทธิภาพของรถยนต์ โดยครั้งนี้ BMW พาเรามาสัมผัสกับกิจกรรมทดสอบสไตล์ออฟโรดในเส้นทาง กรุงเทพฯ – สระบุรี เน้นการทดสอบสมรรถนะของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive กันอย่างเต็มที่ จะโหด มันส์ ควันฟุ้งขนาดไหน รัดเข็มขัด สตาร์ทเครื่อง แล้วเหยียบคันเร่งไปด้วยกัน
ไฮไลท์ของทริปนี้ก็คือการทดสอบขับขี่บนทางออฟโรด โดยสถานที่ที่เราต้องฟันฝ่าคือเหมืองแห่งหนึ่งท่ามกลางภูผาหินปูนที่สภาพไม่ต่างจากดาวอังคารในจังหวัดสระบุรี ทาง BMW จัดเตรียมสถานีทดสอบไว้ 4 สถานี ได้แก่ เนินภูเขาจำลอง, สถานีไต่เนินลาดเอียง 30 องศา, สถานีเนินลูกระนาด และสนามสลาลอมบนพื้นผิวที่เป็นหินกรวด
ออฟโรดคืออาหารโปรดของ xDrive
แค่มาถึงทางเข้าเราก็รู้สึกตื่นเต้นกับเส้นทางแล้วเพราะต้องขับฝ่าทางออฟโรดที่เป็นเนินสูง-ต่ำสลับกับโค้งซ้าย-ขวาบนพื้นผิวทางลูกรังที่มีความลื่นพอสมควร อุปสรรค์อีกอย่างคือฝุ่นและอากาศที่ร้อนระอุตรงข้ามกับที่กรมอุตุฯ พยากรณ์โดยสิ้นเชิง
แม้จะเจอสภาพเส้นทางที่โหดร้ายแต่ X3 ก็เอาอยู่ทุกสถานการณ์ ด้วยการออกแบบที่กระจายน้ำหนักระหว่างด้านหน้าและด้านหลังแบบ 50:50 ทำให้การควบคุมบนสภาพผิวทางลื่นๆ เป็นไปได้โดยง่าย เราใช้ความเร็วไม่มากนักขับตามไปกันเป็นขบวน X3 ก็มอบความสะดวกสบายอย่างเต็มที่ ช่วงล่างป้องกันการสั่นเทือนเข้าสู่ห้องโดยสารได้ดีมากอีกทั้งมีความนุ่มนวลนั่งสบาย ขณะเดียวกันเสียงรบกวนจากภายนอกก็เล็ดลอดเข้ามาน้อยมาก
เมื่อถึงสถานีแรกที่เป็นภูเขาจำลอง เราขับ X3 ขึ้นไปช้าๆ อย่างนุ่มนวล ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา xDrive ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพโดยมันจะคำนวณสภาพเส้นทางที่เราขับขี่รวมถึงกำลังขับของแต่ละล้อ และกระจายกำลังไปที่เพลาหลังเพิ่มขึ้นเพื่อไต่ขึ้นทางชัน ระบบทำงานได้อย่างชาญฉลาดและน่าประทับใจมาก ทำให้การขับขี่ออฟโรดไม่ใช้เรื่องยากอีกต่อไป ขณะเดียวกันในช่วงขาลงเนินระบบ Hill Descent Control (HDC) ก็จะคอยช่วยเบรกชะลอความเร็วไม่ให้รถไหลลงเนินเร็วเกินไป เราแทบไม่ต้องแตะเบรกเลยแค่ประคองพวงมาลัยไว้ก็พอ ระบบจะทำงานที่ความเร็ว 7-25 กม./ชม. สามารถแตะคันเร่งเพิ่มความเร็วได้แต่ถ้าเกิน 60 กม./ชม. ระบบจะตัดการทำงานโดยอัตโนมัติ
ลงจากภูเขาก็มาเจอกับสถานีไต่เนินความลาดเอียง 30 องศา ซึ่งเกือบจะถึงขีดกำจัดของรถแต่ X3 ก็ตะลุยผ่านไปได้โดยไม่มีปัญหา เมื่อมาเจอกับสถานีลูกระนาด X3 แสดงให้เราเห็นว่ามันสามารถขับผ่านไปอย่างง่ายดาย ระบบ xDrive คอยทำหน้าที่กระจายแรงบิดผสานกับระบบช่วงทรงตัว Dynamic Stability Control หรือ DSC ส่งผลให้รถปีนป่ายไปได้แบบชิลๆ ประกอบกับความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องที่มากกว่ารถทั่วไปทำให้สภาพเส้นทางแบบนี้ทำอะไร X3 ไม่ดี ขณะเดียวกันห้องโดยสารก็ได้รับการปกป้องให้เหมือนกับวิ่งทางราบปกติจากชุดช่วงล่างที่ทำหน้าที่กันอย่างขยันขันแข็ง เรารู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลที่รถมอบให้และตัวของเราโยกเยกไปมาน้อยมาก
สถานีสุดท้ายเน้นความเมามันส์เป็นพิเศษเพราะนี่คือการขับสลาลอมบนหินกรวดที่ลื่นประดุจลานไอซ์สเกต เจ้าหน้าที่ BMW บอกว่าสถานีนี้เป็นการการลองพื้นผิวที่มีความลื่นเสมือนวิ่งบนหิมะซึ่งก็ถือว่าเจ๋งดี ความรู้สึกที่เราสัมผัสได้คือ X3 มีความหนึบและยังอยู่ในการควบคุม อาการหน้าดื้อท้ายปัดแทบจะไม่มี เข้าไพล่อนได้รวดเร็วเหมือนกับสลาลอมในสนามปกติ พวงมาลัยตอบสนองได้รวดเร็ว แม่นยำ และมีความหนืดกำลังดี การทรงตัวของรถจัดว่ายอดเยี่ยม ส่วนระบบเบรกก็ตอบสนองได้ดีมีความหนึบที่ไว้ใจได้ สถานีนี้แต่ละคันหวดกันฝุ่นตลบไม่กลัวรถเป็นรอยกันเลยทีเดียว โดยรวมแล้ว X3 มอบประสบการณ์การขับขี่ที่สนุกสนานได้อย่างเต็มอารมณ์ การขับขี่ออฟโรดคือเรื่องสนุกที่น่าสัมผัสเป็นอย่างยิ่ง
การขับขี่ทั่วไป
บนถนนปกติจากกรุงเทพสู่สระบุรี X3 ก็มอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม มีทั้งความนุ่มนวล ความสบาย และสมรรถนะที่ไม่เป็นสองรองใคร ด้วยความที่เป็นเอสยูวีตัวสูงตำแหน่งนั่งขับจึงอยู่สูงทำให้มองเห็นข้างหน้าได้ไกล โหมดการขับขี่มีให้เลือก 4 โหมด ได้แก่ Eco / Comfort / Sport / Adaptive Mode ช่วยให้ผู้ขับเลือกโหมดได้ตามสไตล์หรือรูปแบบถนน
เครื่องยนต์ดีเซล TwinPower Turbo 4 สูบ 190 แรงม้า พร้อมกับแรงบิด 400 นิวตันเมตร แผลงฤทธิ์ให้เราได้สัมผัสทันทีที่กดคันแรง มีแรงดึงที่ดีตั้งแต่ช่วงรอบต่ำ อีกทั้งยังเงียบและไม่สั่นสะเทือนมากมาย เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic ทำงานได้อย่างชาญฉลาด นุ่มนวลในทุกจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ กดคันเร่งเพื่อคิ๊กดาวน์รอบเครื่องจะเด้งขึ้นไปค้างรอที่รอบสูงพร้อมที่จะระเบิดพลังสำหรับเร่งแซง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีแป้นแพดเดิลชิฟท์หลังพวงมาลัยมาให้
การขับขี่ความเร็วสูงมีความมั่นคง ขับผ่านคอสะพานหรือรอยปะถนนก็มีสะเทือนเบาๆ พอน่ารัก ขณะที่การเข้าโค้งด้วยความเร็วก็เนียนกริบ มีความหนึบคม ไม่มีเสียสมดุล เกาะถนนดีเยี่ยม และยังควบคุมง่าย เสียงรบกวนจากลมและยางมีน้อยแต่จะดังขึ้นเมื่อผ่าน 100 กม./ชม. ขึ้นไป เสียงเครื่องยนต์ในรอบสูงคำรามได้เร้าใจดี แม้จะไม่เท่ารถสปอร์ตแรงม้าสูงแต่ก็มีความหนักแน่นตามสไตล์เครื่องดีเซลคอมมอนเรล
อัตราเร่งตอนออกตัวก็ดึงดีตามสไตล์รถดีเซลแรงบิดสูง ทะยานสู่ 100 กม./ชม. ได้ราวๆ 8 วินาทีเท่านั้น พวงมาลัยมีน้ำหนักที่เหมาะสม ความเร็วต่ำจะเบา ความเร็วสูงก็จะหนืดขึ้นตามลำดับ เบรกไม่ลึกแต่นุ่มนวลตามเท้าเหยียบ ข้อดีขอรถดีเซลก็คือความประหยัดที่ X3 สามารถทำได้ราว 17 กม./ลิตร ซึ่งรถระดับนี้ถือว่าน่าพอใจ ตัวเลขปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 150 กรัม/กม.
นวัตกรรมแห่งความสปอร์ต
ภาพลักษณ์ของ X3 xDrive20d xLine มีความโดดเด่นและสวยงามทั้งยังทันสมัย การออกแบบผสมผสานรูปลักษณ์แข็งแกร่งแบบออฟโรดเข้ากับความสปอร์ตในสัดส่วนอันคุ้นตาที่สื่อถึงความปราดเปรียวและทรงพลังของรถยนต์ ดีไซน์ด้านหน้าถูกเสริมให้ดุดันยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าไตคู่แบบหนา ไฟหน้า LED พร้อมวงแหวนไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ และไฟตัดหมอกแบบหกเหลี่ยมที่นำมาใช้เป็นครั้งแรกในรถยนต์ตระกูล X ด้านท้ายมาพร้อมไป LED เต็มรูปแบบ เสริมหล่อด้วยชุดแต่ง BMW Individual และ xLine โดยมาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วลาย Y-spoke
BMW X3 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี BMW EfficientDynamics ซึ่งรวมถึงระบบส่งกำลังที่ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการออกแบบทุกสัดส่วนเน้นน้ำหนักเบา เช่น การนำอลูมิเนียมมาใช้เป็นส่วนประกอบมากขึ้นในเครื่องยนต์และช่วงล่างที่ช่วยลดน้ำหนักของตัวรถได้มากขึ้น
ภายในรถเฉียบคมด้วยความแม่นยำในการประกอบอย่างสมบูรณ์แบบและวัสดุคุณภาพเยี่ยมเช่นหนังแท้ พลาสติกเนื้อดี และแถบสีเงิน ส่งให้ X3 ใหม่ดูคลาสสิคหรูหราขึ้นจากรุ่นก่อน พร้อมยกระดับความสะดวกสบายขึ้นอีกขั้นกับระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน ชุดไฟเพิ่มบรรยากาศในห้องโดยสาร 6 สี ม่านบังแดดด้านข้างผู้โดยสารตอนหลังแบบอัตโนมัติ ฟังก์ชั่นมาตรฐานในส่วนเก็บสัมภาระด้วยพนักพิงเบาะหลังแบ่งพับแบบ 40:20:40 ประตูท้ายไฟฟ้า หลังคากระจกแบบพาโนรามาให้ความโปร่งสบายในห้องโดยสาร พร้อมอีกอุปกรณ์ใหม่อย่าง BMW Display Key ที่ไม่เพียงล็อคและปลดล็อคด้วยสัญญาณวิทยุทางไกล แต่ยังแสดงสถานะและข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงควบคุมฟังก์ชั่นการทำงานอื่น ๆ ของรถได้อีกด้วย โดยรวมแล้วภายในให้ความรู้สึกหรูหราพรีเมี่ยมขึ้นจากรุ่นก่อนหน้ามาก
พื้นที่ด้านหน้ากว้างขวางคนตัวสูงนั่งแล้วสบายไม่อึดอัด ส่วนพื้นที่ตอนหลังก็มีมากเช่นกัน นั่งแล้วหัวเขาไม่ติด รู้สึกโปร่งสบาย ขึ้นลงรถสะดวก เบาะนั่งให้ความรู้สึกนุ่มและโอบกระชับกำลังดี
X3 ใหม่มาพร้อมกับปุ่มควบคุม iDrive เวอร์ชันล่าสุดจาก 5 Series สำหรับควบคุมระบบสาระบันเทิงหน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงขนาด 10.25 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อความบันเทิงเต็มรูปแบบ รวมทั้งระบบนำทาง และอินเตอร์เน็ต นอกจากนี้ยังมีระบบการสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือ (BMW gesture control) ช่วยควบคุมระบบนำทางและฟังก์ชั่นสาระบันเทิงต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย ในขณะเดียวกันยังมาพร้อมระบบการสั่งงานด้วยเสียง (Intelligent Voice Control Assistance) ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ขับขี่
ระบบมีความลื่นไหล ใช้งานง่าย กราฟิกสีสันสวยงามและมีความคมชัดสูง สามารถสั่งการปุ่มบนจากพวงมาลัยหรือแป้นหมุนที่คอนโซลกลางได้อย่างสะดวก ตำแหน่งจออยู่สูงทำให้ไม่ต้องก้มหน้าไปมองมากนัก
สรุปความคุ้มค่า
BMW สรรสร้างยนตรกรรมเอสยูวีที่เพียบพร้อมในทุกๆ ด้านออกมาแล้ว X3 xDrive20d มีความโดดเด่นทั้งการขับขี่ทั่วไปไม่ว่าจะเป็นถนนในเมือง มอเตอร์เวย์ หรือถนนนอกเมืองที่คดเคี้ยวไปตามป่าเขา แต่ในขณะเดียวกันความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดก็จัดว่ายอดเยี่ยมไม่แพ้คู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา xDrive ที่ปรับปรุงใหม่ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น และยังประสานการทำงานด้วยระบบช่วยควบคุมการทรงตัวกับระบบควบคุมการขับลงทางลาดชันที่ชาญฉลาด ทั้งหมดช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีในการร่วมทางไปกับเอสยูวีคันนี้
ความสปอร์ตและลุคแบบออฟโรดที่สมบุกสมบันคือจุดที่ BMW พยายามนำเสนอในเอสยูวีคันนี้ เรามองว่ามันผสมผสานความเท่ ความดุ และความดิบ เอาไว้ด้วยกันอย่างกลมกล่อม เอาง่ายๆ คือขับไปไหนต้องมีคนเหลียวมอง ส่วนภายในก็มาพร้อมกับความประณีตสวยงาม อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน รับรองว่าการเดินในทุกทริปของคุณะต้องสำราญใจอย่างแน่นอน
ผู้ซื้อส่วนใหญ่คงไม่เอารถราคา 3.699 ล้านบาทมาใช่งานในสถานการณ์แบบที่เราได้ทดสอบ คงไม่มีใครจะขับสลาลอมบนพื้นหินเป็นแน่แท้เพราะแผลเดียวก็สะท้านกระเป๋าเงินเหมือนกัน แต่เราอยากจะบอกว่ารถคันนี้มีความสามารถหลากหลายกว่าที่คุณคิด และความสามารถดังกล่าวก็คือความสมบูรณ์แบบที่ไม่ควรพลาด
ขอขอบคุณ บีเอ็มดีบเบิลยู ประเทศไทย สำหรับกิจกรรมทดสอบที่จัดขึ้น