อาวดี้ ประเทศไทย เปิดตัว Audi e-tron 55 quattro ยนตกรรมเอสยูวีพรีเมียมพลังงานไฟฟ้า 100 % ครั้งแรกในประเทศไทย มาในราคา 5,099,000 บาท ขนเทคโนโลยีก้าวล้ำและสมรรถนะทรงพลัง ขับขี่ได้ไกลกว่า 400 กม. ชาร์จ 0-80% ใน 30 นาที
เป้าหมายในการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ของ อาวดี้ ไม่เพียงแค่เน้นความประหยัด การไม่ก่อให้เกิดมลพิษ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่ทุกวงการทั่วโลกรวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ให้ความสำคัญ แต่แนวคิดในการพัฒนารถพลังงานไฟฟ้ามีสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากันคือ จะต้องเป็นรถที่มี DNA ของอาวดี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสะดวกสบาย สมรรถนะทรงพลัง อารมณ์สปอร์ต ที่สำคัญความสามารถในการใช้งานไม่ว่าจะเป็นรถที่ใช้พลังงานชนิดใดก็ตาม
Audi e-tron รถพรีเมียมเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของอาวดี้ มีความสมบูรณ์และพร้อมที่จะตอบสนองในทุกการใช้งาน สามารถเดินทางได้ถึง 417 กม. ต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP ระยะทางขับขี่ที่ไกลมากขนาดนี้มาจากประสิทธิภาพในการชาร์จไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี ทั้งในช่วงการชะลอความเร็ว การเบรก รวมไปถึงเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วลอยตัว (coasting)
สมรรถนะการขับขี่ดีเยี่ยม
Audi e-tron ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ควบคุมการทำงานทั้งเพลาหน้าและเพลาหลัง ให้กำลังรวมกันสูงสุด 408 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 664 นิวตันเมตร ส่งกำลังโดยตรงไปยังล้อทั้ง 4 ผ่านเกียร์อัตโนมัติอัตราทดเดียว ส่งผลให้รถออกตัวได้รวดเร็วไม่ต่างจากรถสปอร์ต โดยมีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 5.7 วินาที (บูสต์โหมด) และทำความเร็วสูงสุดได้ 200 กม./ชม.
ไดชาร์จและไดสตาร์ทแต่ละหน่วยจะถูกควบคุมด้วยวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในการแปลงพลังงานไฟฟ้า พร้อมทั้งผสมผสานการทำงานร่วมกับระบบควบคุมการขับขี่ มอเตอร์ไฟฟ้าจะถ่ายทอดกำลังโดยตรงไปยังล้อ ควบคู่ไปกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบไฟฟ้า (electric quattro) ที่จะเสริมสร้างให้การออกตัวในลักษณะเร่งแซงมีประสิทธิภาพและสร้างความสนุกสนานในการขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แบตเตอรีลิเธียม ไอออน ของ e-tron มีขนาดความจุ 95 กิโลวัตต์ชั่วโมง 396 โวลต์ มีน้ำหนักรวม 700 กก. แต่มีขนาดกะทัดรัด โดยใช้พื้นที่ในการจัดวางขนาด 2.28 x 1.63 x 0.34 เมตร เท่านั้น การชาร์จไฟทำได้ทั้งการชาร์จด้วยไฟบ้านสูงสุด 11 กิโลวัตต์ และมีออปชั่นเพิ่มเป็น 22 กิโลวัตต์ โดยระยะเวลาในการชาร์จ 16 แอมป์ – 3 เฟส ใช้เวลา 9 ชั่วโมง ประจุไฟฟ้าได้จาก 0 – 100 % และในการชาร์จกระแสไฟตรง 150 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จประจุไฟฟ้าได้ จาก 0 – 80 % ภายในเวลา 30 นาที
ขับสนุก มั่นใจได้ทุกการเดินทาง
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ quattro ที่ประกอบด้วยโหมด Auto, Dynamic และ Off-road พร้อมปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับในทุกสถานการณ์ ในสภาพการขับขี่ปกติระบบจะประมวลผลการใช้พลังงานในระดับต่ำที่เพียงพอสำหรับการขับเคลื่อนเพื่อประหยัดพลังงาน พร้อมทั้งประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า จากข้อมูลการขับขี่ในขณะนั้นและเตรียมพร้อมสำหรับปรับเปลี่ยนการถ่ายทอดกำลังระหว่างเพลาหน้าและหลังได้อย่างอิสระเพียงเสี้ยววินาทีให้เหมาะสมในแต่ละสภาพการขับขี่โดยสูญเสียพลังงานน้อยที่สุด เร้าใจกับจังหวะการขับขี่ที่มากขึ้นด้วยโหมด ESC Sport และ ESC Off
นำพลังงานกลับมาใช้ใหม่อย่างชาญฉลาด
ด้วยการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนและผลิตพลังงาน Audi e-tron ได้พัฒนาวิธีการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ (recuperation) จากพฤติกรรมการขับขี่ 2 รูปแบบที่จะก่อกำเนิดให้มีพลังงานในระบบเพิ่มขึ้นเพื่อที่ผู้ขับขี่จะสามารถเดินทางได้ระยะทางมากกว่าเดิม
รูปแบบแรกคือพลังงานจากการปล่อยให้รถวิ่งในลักษณะลอยตัว (coasting) เมื่อผู้ขับขี่ถอนเท้าออกจาก คันเร่ง กำลังของการชะลอความเร็วรถจะลดลงสูงสุดที่ 0.1 g โดยมีการนำพลังงานส่วนเกิน กลับมาใช้ใหม่ 3 ระดับ ผ่านการตั้งค่าจากแป้น paddle shifts ที่ติดตั้งหลังพวงมาลัย ได้แก่ ระดับที่ 1 การปล่อยให้รถวิ่งในลักษณะลอยตัว ระดับที่ 2 การชะลอความเร็วในระดับปานกลาง และระดับที่ 3 การชะลอความเร็วในระดับสูง
นอกจากนั้นแล้ว ผู้ขับขี่สามารถเลือกที่จะตั้งระดับการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่โดยอัตโนมัติ ผ่านฟังก์ชั่น Predictive efficiency assist (PEA) ในระบบ MMI ได้อีกด้วย จากการประมวลผล และควบคุมการเคลื่อนที่เชิงฟิสิกส์ ส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมความเร็วของรถได้จากการถอนเท้าออกจากคันเร่ง โดยที่ไม่ต้องเหยียบเบรกได้
รูปแบบที่สองคือพลังงานจากการเบรก เมื่อผู้ขับขี่เหยียบเบรก กำลังของการชะลอความเร็วรถจะลดลงถึง 0.3 g ระบบควบคุมการเบรกจะให้การตอบสนองเสมือนการเหยียบแป้นเบรกปกติ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่กำลังของการชะลอความเร็วรถลดลงมากกว่า 0.3 g จะทำให้แรงเสียดทานของเบรกไฮดรอลิกทำงานโดยอัตโนมัติ
ดุดัน โดดเด่นด้วยแอโร่ ไดนามิค
Audi e-tron มีขนาดตัวถังยาว 4.9 เมตร กว้าง 1.94 เมตร สูง 1.62 เมตร มีฐานล้อยาว 2.93 เมตร และมีรูปลักษณ์ของเอสยูวีเต็มรูปแบบทั้งความดุดันของรูปทรงตัวถัง หลังคาแบบแฟลทรูฟ, เสา D-pillar ที่มีความแข็งแรง, มีแผ่นป้องกันการกระแทกใต้ท้องรถ, กระจังหน้าแบบชิ้นเดียวสีเทาอ่อน, ไฟหน้าเรียว ดุดัน, ไฟท้ายแนวกว้างเชื่อมต่อกันจากซ้าย-ขวา และแน่นอนว่าไม่มีท่อไอเสียให้เห็นแต่อย่างใด
แบตเตอรีแรงดันสูงถูกออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของเฟรมรถเพื่อไม่ให้รบกวนพื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสาร และเพื่อเสริมความแข็งแรงและความปลอดภัย แบตเตอรีติดตั้งไว้บริเวณกลางตัวรถทำให้รถมีการจ่ายน้ำหนักที่สมดุล ส่งผลต่อการขับขี่และการควบคุมรถที่ทำได้ง่าย ทั้งนี้โครงสร้างตัวถัง มีส่วนประกอบจาก อลูมิเนียมจำนวนมาก ร่วมกับเหล็กแรงดึงสูง ซึ่งทำให้น้ำหนักของรถอยู่ที่ 2,490 กก. นอกจากนี้การออกแบบยังคำนึงหลักอากาศพลศาสตร์ ซึ่งมีผลต่อสมรรถนะการขับขี่ และประหยัดพลังงาน โดยค่า cd เมื่อรวมกระจกมองข้างอยู่ที่ 0.28 หากไม่มีกระจกเหลือ 0.27 ซึ่งเป็นค่า cd ที่ดีที่สุดในกลุ่มรถเอสยูวี และยังมีผลให้ e-tron มีความเงียบในห้องโดยสารที่โดดเด่น
ห้องโดยสารสุดไฮเทค
ห้องโดยสารของ Audi e-tron มีดีไซน์ที่ล้ำยุคเช่นเดียวกับรถอาวดี้รุ่นใหม่อื่นๆ แฝงด้วยความสปอร์ต วัสดุที่ใช้เป็นหนังบุนุ่ม ตกแต่งด้วยชิ้นส่วนสีเงินอะลูมิเนียม หน้าจอระบบสาระบันเทิงเอียงทำมุมเข้าหาผู้ขับ หน้าปัดเป็นระบบดิจิตอลทั้งหมด พวงมาลัยดีไซน์ล้ำพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง คันเกียร์รูปทรงแปลกตา นอกจากนี้ยังมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน นวมถึงระบบเสียง Bang & Olufsen
ระบบควบคุมและจอแสดงผลล้ำสมัย
Audi e-tron เป็นรถ 5 ที่นั่งและมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้าย 600 ลิตร สามารถเพิ่มขึ้นเป็น 1,725 ลิตร เมื่อพับเบาะด้านหลังลง และยังมีที่เก็บสัมภาระด้านหน้าอีก 60 ลิตร ระบบ
กลางแดชบอร์ดเป็น MMI Touch Response หน้าจอดิสเพลย์ MMI แบบทัชสกรีน ขนาด 8.6 และ 10.1 นิ้ว มีฟังก์ชั่นสั่งงานด้วยเสียง เพิ่มความสะดวกและเพลิดเพลินในการใช้งาน
กล้องแสดงภาพด้านข้าง (Virtual exterior mirrors)* นวัตกรรมแห่งเทคโนโลยีด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัย สัมผัสประสบการณ์ใหม่จากกล้องแสดงภาพด้านข้าง ที่จะแสดงผลบนหน้าจอ OLED ความละเอียดสูงขนาด 7 นิ้ว พร้อมฟังก์ชั่นควบคุมแบบสัมผัส ที่ติดตั้งบริเวณแผงประตูซ้าย-ขวา เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้มองเห็นภาพด้านข้างตัวรถที่ชัดเจนยิ่งขึ้น แม้อยู่ในสภาวะการเดินทางที่ไม่เอื้ออำนวย (*อุปกรณ์สั่งพิเศษ กรุณาสอบถามข้อมูลรายละเอียดผู้จำหน่าย Audi อย่างเป็นทางการ) ระบบนำทางแสดงภาพคมชัด ติดตั้งระบบอาวดี้ คอนเนคท์ และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ทั้งระบบช่วยการขับขี่ในเมือง ระบบช่วยจอด ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
ผลิตจากโรงงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
Audi e-tron เปิดตัวครั้งแรกในโลกเมื่อเดือนกันยายน 2018 ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา และเปิดตัวในยุโรป เมื่อต้นปี 2019 ที่ผ่านมา เป็นรถยนต์นำเข้าและผลิตจากโรงงานของอาวดี้ในเมือง บรัสเซลล์ ประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัย เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปัจจุบัน Audi e-tron มียอดจองกว่า 20,000 คันทั่วโลก
สำหรับประเทศไทย Audi e-tron 55 quattro มีราคา 5,099,000บาท มีให้เลือก 6 สี คือ สีดำ, สีขาวกลาเซีย, สีเทา, สีน้ำเงินกาแล็คซี่ และสี Siam beige
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.audi.co.th หรือ www.facebook.com/AudiThailand/
Gallery