Byton สตาร์ทอัพรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนแผ่นดินใหญ่ เผยโฉมคอนเซ็ปคาร์คันแรกของค่ายเป็นเอสยูวีที่มาพร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติเลเวล 4 ที่งาน CES 2018 ใน ลาส เวกัส
Byton Concept เป็นเอสยูวีไฟฟ้าล้วนระดับพรีเมี่ยมที่มาพร้อมนิยาม Almost production ready หรือ “ใกล้ความเป็นจริง” บริษัทระบุว่ามันสามารถขับขี่ได้ไกลสุดถึง 520 กม. กำหนดเข้าสู่สายการผลิตในปี 2019 ราคาจะอยู่ที่ราว 33,200 ปอนด์ (1.66 ล้านบาท)
Byton Concept มี 2 ระบบขับเคลื่อน ได้แก่ ขับเคลื่อนล้อหลังด้วยมอเตอร์พละกำลัง 268 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร และ ขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยมอเตอร์ลูกเดียวกันทั้งล้อหน้าและล้อหลัง เวอร์ชันขับเคลื่อน 4 ล้อจะมีพละกำลังรวม 469 แรงม้า แรงบิด 710 นิวตันเมตร
กำลังของเครื่องยนต์จะถูกเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนซึ่งถูกออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งกับแชสซีรถ ทาง Byton ยังไม่เปิดเผยความจุแบตเตอรี่ออกมา โดยบอกแค่ว่ารถคันนี้วิ่งได้ไกล 400 กม. เมื่ออัพเกรดแบตเตอรี่แพ็คจะเพิ่มเป็น 520 กม.
คอนเซ็ปคาร์คันนี้มีจุดเด่นที่ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติเลเวล 4 ประกอบด้วยกล้องรอบคัน เซ็นเซอร์อัลตร้าโซนิก เรดาร์ และเลเซอร์สแกนเนอร์ ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบให้อัพเกรดและพัฒนาต่อยอดได้ สถาปัตยกรรมของตัวรถออกแบบมาให้รองรับการเชื่อมต่อข้อมูล 5G ความเร็วสูงสุด 10GB ต่อวินาที
Byton Concept ยาว 4850 มม. กว้าง 1940 มม. สูง 1650 มม. ติดตั้งล้อขนาด 22 นิ้ว ที่ด้านหน้ารถมาพร้อมไฟหน้า Slim LED และ Smart Surface จุดเด่นอีกอย่างคือมือจับประตูอัจฉริยะ โดยมันจะใช้กล้องตรวจจับข้อมูลกายภาพของใบหน้าของเจ้าของรถในการปลดล็อกประตู
ภายในโดดเด่นด้วยหน้าจอ Shared Experience Display ขนาด 1250 x 250 มม. ใหญ่เต็มพื้นที่บริเวณแดชบอร์ด ประกอบด้วย 3 ส่วนใช้งานที่สามารถปรับแต่งได้พร้อมแสดงภาพจากกล้องมองหลังและภาพมุมมองของกระจกมองข้าง ความสว่างของหน้าจอและสีของแบ็กกราวด์จะปรับให้เหมาะสมกับสภาพแสงโดยอัตโนมัติ Shard Experience Display ยังมีจุดเด่นที่รองรับเกสเจอร์คอนโทรลและคำสั่งเสียง สามารถควบคุมผ่านแอพบนสมาร์ทโฟนได้ นอกจากนี้ยังมีจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง 2 จอ ที่รองรับเกสเจอร์คอนโทรลและคำสั่งเสียงได้ด้วยเช่นกัน
ข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ขับขี่อย่างระบบนำทางจะแสดงผลบนหน้าจอขนาด 8 นิ้วบนพวงมาลัย ปุ่มรอบๆ หน้าจอดังกล่าวจะเป็นปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ เลือกการแสดงผลข้อมูลต่างๆ และปรับระดับเสียง นอกจากนี้เบาะนั่งยังมีระบบตรวจจับใบหน้าเพื่อยืนยันผู้ใช้และปรับตำแหน่งเบาะนั่งส่วนตัวให้โดยอัตโนมัติในทุกที่นั่ง เบาะหน้าปรับหมุนได้ 12 ระดับ
เอสยูวีคันนี้มีกำหนดเข้าสู่การผลิตในปี 2019 และจะมีเวอร์ชันซาลูนและเอ็มพีวีในแพล็ตฟอร์มเดียวกันตามออกมาไม่นานหลังจากนี้