Toyota Hilux Revo GR Sport 2021 กระบะสายพันธุ์ใหม่ที่ได้รับการแปลงโฉมช่วงล่างจาก Toyota

Overview Of Car

T oyota Hilux Revo GR sport 2021 กระบะสายพันธุ์ใหม่ที่ได้รับการแปลงโฉมช่วงล่างจาก Toyota ปรับปรุงพัฒนาใหม่เกือบทั้งหมดและมาพร้อมกับชุดแต่ง GR Sport ซึ่งเราจะมาดูกันว่าเมื่อมาอยู่บนกระบะแล้วจะเป็นยังไง ทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน

 ใน GR sport เปรียบเหมือนการรวมกันของรถซีดานและกระบะเอาไว้ เพราะช่วงล่างในความรู้สึกเหมือนซีดาน แต่ทัศนวิสัยการมอง หรือฟิลลิ่งการใช้งานมาในรูปแบบรถกระบะ มาพร้อมกับทัพเทคโนโลยีความปลอดภัยที่จัดเต็มแบบคุ้มค่าในราคาล้านต้นๆ Hilux Revo GR Sport ไม่ใช่แค่กระบะที่ต้องลุยงานหนักเท่านั้นแต่เป็นกระบะที่ขับในเมืองได้อย่างสบาย คล่องตัว จนสามารถตอบโจทย์ชาวเมืองที่ต้องขับกระบะได้เป็นอย่างดี

        กระบะพันธุ์แกร่งแบบนี้แน่นอนว่าเราพลาดไม่ได้  ทีม What Car? Thailand ก็ต้องไปทดลองความแรง และแกร่งนี้กันสักหน่อย โดยรุ่นที่เราได้ทดสอบคือรุ่น D Cab 4×4 2.8GR Sport

        ภายนอกในด้านหน้า กระจังหน้าไม่ได้เป็นรูป 3 ห่วงโตโยต้าแต่เป็นแบบตัวส่งออกเลยคือเป็นฟอนต์ของโตโยต้านั้นเอง เป็นกระจังหน้าสีดำเงาเห็นโลโก้ GR อย่างเด่นชัด กรอบกระจังหน้าจะเป็นสีเดียวกับตัวรถดูมีความดุดัน ความสปอร์ตเพิ่มขึ้น มาพร้อมกับกันชนหน้าที่มีสีดำเงาเช่นกัน ไฟด้านหน้าเป็นไฟ LED แบบ Day time running ตัวของไฟหลักและไฟเลี้ยวก็เป็น LED เช่นกัน ข้างในเป็นโคมแบบลงดำเงาแบบเปียโนแบล็ค ตรงส่วนของครอบไฟสปอร์ตไลท์ด้านหน้าก็จะมีเซ็นเซอร์ด้านหน้ามาให้ด้วย ในตัวนี้มีการออกแบบดีไซน์จากทีมพัฒนาจากโรงงานทำให้การออกแบบเนียนเรียบไปรถทำให้กันชนหน้าจึงดูมีลูกเล่นมีมิติ นอกจากนี้ยังมีกล้องด้านหน้ารถพร้อมเรดาห์ที่ติดอยู่ตรงฟอนต์ ซึ่งจะทำงานประสานกับเรดาห์ที่อยู่ที่ตรงกระจกหน้า ซึ่งจะดูแลในเรื่องของความปลอดภัย

     ถัดมาที่บังโคลนล้อจะเป็นสีเดียวกับตัวรถ สลับกับสีดำทำให้ดูมีมิติมีความแตกต่าง ล้อแม็กเป็นลายใหม่สีดำทำให้ดูสปอร์ตพร้อมดิสก์เบรกหน้าด้าน มาพร้อมกับกับคาลิเปอร์สีแดงที่มีโลโก้ GR ชัดเจน ยางที่ใช้เป็นยางไฮเวย์เทอร์เรน ซึ่งดอกยางจะมีความถี่มากกว่าตัว Rocco ซึ่ง Rocco จะเป็นยางออลเทอรร์เรนเหมาะสำหรับลุยทางลูกรังมากกว่า ขนาดยางของ GT Sport คือ 265/60 R18 ถัดมาคือกระจกด้านข้าง ส่วนนี้จะเป็นสีดำเงาซึ่งจะเป็นสีเดียวกับตัวกระจังหน้าและมีไฟเลี้ยว LED ใส่มาให้ด้วย รวมถึงกล้องสำหรับมองรอบคัน นอกจากนี้มีไฟ Welcome Light บริเวณกระจกข้างเมื่อเปิดรถไฟส่วนนี้จะสว่างขึ้น ทำให้เมื่อเวลาไปจอดรถในที่มืดจะมีความปลอดภัยและสะดวกมากขึ้น มาพร้อมกับสวิตซ์เปิด-ปิดรถ เพียงแค่มีกุญแจรถอยู่ใกล้ตัวก็กดสวิตซ์นี้ได้ทันทีไม่ต้องใช้กุญแจรถ บริเวณตัวรถมาพร้อมกับเอกลักษณ์ของ GR Sport คือสติ๊กเกอร์สีดำ-แดง ที่ตัดกับตัวรถสีขาว สติ๊กเกอร์นั้นทำมาให้เข้ากับโลโก้ GR ซึ่งมีสีดำและแดงเช่นกัน ซึ่งส่วนตัวของทางเรามองว่าดูสวยดี แต่หากใครไม่ชอบสามารถเอาออกได้

       มาดูด้านท้ายของกระบะกันบ้าง ด้านบนรถมีเสาอากาศแบบครีบฉลามซึ่งจะทำให้ดูเป็นรถสปอร์ต มีสปอร์ตบาร์ซึ่งเป็นสีดำ แน่นอนเลยว่ามันไปเข้าคู่กับด้านหน้าที่มีสีดำอยู่หลายตำแหน่ง ทั้งกระจังหน้ารถ หรือกระจกข้าง และยังตัดกับตัวรถสีขาวอีกด้วยทำให้ดูสวยงามและเข้ากัน ตัวสปอร์ตบาร์เป็นไฟเบอร์จากโรงงานมีการออกแบบมาลงตัว ไปต่อกันที่ซุ้มล้อซึ่งเป็นสีเดียวกับท้ายกระบะ ยางด้านหลังแม็ก 18 แต่ทางเรารู้สึกว่าราคาขนาดนี้น่าจะให้เป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ นอกจากนี้ยังมีกันชนท้ายเป็นสีดำ ออกแบบเป็นสีเดียวกันกับสปอร์ตบาร์และกระจังหน้า ซึ่งปกติแล้วจะเป็นสีโครเมียมเงาแต่พอเป็นสีดำกลับให้ความรู้สึกกลมกลืนกัน ไฟท้ายและไฟถอยหลังเป็น LED แต่ไฟเลี้ยวยังเป็นหลอดไส้ให้ความรู้สึกว่ายังไม่เต็มระบบ มาถึงมือจับซึ่งที่มือจับมีสีดำด้าน จับแล้วไม่ลื่นมือ มีกล้องมองหลังมาให้และมีไฟดวงที่สามให้ด้วย รวมไปถึงให้เซ็นเซอร์ด้านท้ายมา 4 จุด นอกจากนี้ GR Sport ทำฝาเปิดที่ผ่อนแรงมีตัวระบบคานงัด ทำให้มีน้ำหนักเบาสามารถเปิดได้ด้วยมือเดียวได้ง่าย ๆ หากใครที่ใช้กระบะแล้วมีปัญหากับการเปิดท้ายก็จะสามารถใช้คันนี้ได้อย่างสะดวกและง่ายขึ้น

      ในส่วนของรายละเอียดด้านท้ายกระบะ เราจะเห็นเลยว่ามีการใส่พื้นปูกระบะไลน์เนอร์มาให้ ตัวนี้จะช่วยรองรับของต่างๆที่ขนขึ้นรถ ลดพวกรอยต่าง ๆ ที่จะขูดกับตัวท้ายกระบะ ซึ่งทางเรามองว่ามันสะดวกมากเพราะหากเราจอดรถไว้แล้วมีน้ำขังจะช่วยลดในเรื่องของสนิมหรือคราบน้ำต่างๆ เราจะสามารถทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีสวิตซ์เปิด-ปิดไฟ ที่อยู่บนท้ายกระบะซึ่งจะมีไฟทั้งหมด 2 ดวง และยังมีไฟในส่วนของสปอร์ตบาร์ซึ่งจะอยู่ด้านล่างของสปอร์ตบาร์ จุดนี้ถือว่าดีมากเพราะเวลาขนของในเวลากลางคืนหรือบริเวณที่มืดแล้วไม่มีไฟก็สามารถเปิดไฟในส่วนนี้ได้ ในรุ่นนี้ไม่มีสวิตซ์ปลั๊กไฟให้ แต่มีห่วงที่ไว้สำหรับยึดสัมภาระด้านหลัง ซึ่งอาจจะยึดเป็นผ้าคลุมหรือตาข่าย เวลาที่วิ่งด้วยความเร็วของจะได้ไม่ปลิว

สเปครถยนต์

Body Style : กระบะ
Description:   รถกระบะ 4 ประตู
Engine: ดีเซล 4 สูบ 2,755 ซีซี
Fuel Consumption:13.70 กม./ลิตร
Fuel Typeดีเซล
Make: Toyota Hilux Revo
Max Power: 204 แรงม้า
Max Torque: 500 นิวตันเมตร
Model: Toyota Hilux Revo GR Sport 2021
Price Guide:1,299,000
Release Date:25 สิงหาคม 2564
0-100 km/h: 10.15 วินาที
Transmission: เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
SpecToyota Hilux Revo GR Sport 2021

การขับขี่

    Toyota Hilux Revo GR sport 2021  เป็นเครื่องยนต์ 2.8 หรือ 2,755 ซีซี GR sport รุ่นนี้เป็น vn turbo จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ซึ่งตัวนี้จะให้กำลังสูงสุด204 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 500 นิวตันเมตร ซึ่งถือว่าแรงม้ากับแรงบิดสูงมากทีเดียว  ช่วงล่างจะเป็นแบบ SuperFlex ช่วงล่างด้านหน้าจะมีการปรับแต่งในเรื่องของตัวค่า K ของสปริงหน้าและตัวของโช๊คอัพซึ่งเป็น Monotube ด้านหน้ามีการปรับแต่งโช๊คอัพ Monotube ให้มีขนาด 46 มม. ส่วนด้านหลังมีขนาด 42 มม. ซึ่งในส่วนของด้านหน้าจะเป็นช่วงล่างแบบอิสระปีกนกคู่ หน้าพร้อมคอยส์สปริงและเหล็กกันโคลง ด้านหลังมีการเพิ่มเติมในส่วนของแหนบจากเดิม 3 ชั้น เป็น 5 ชั้น และก็เพิ่มเติมในคุณภาพเหล็กแหนบเข้าไป ซึ่งจะเห็นได้ว่าในต่างประเทศในตัวส่งออกออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์ หรือจะเป็นทางยุโรป บ้านเราประกอบและส่งออกไปเมืองนอกจะเป็นแบบแหนบ 5 ชั้น แต่บ้านเราแหนบ 5 ชั้นจะไปอยู่ในกระบะตอนเดียวซึ่งใช้ในการบรรทุกหนัก ซึ่งทางโตโยต้าบอกว่าความนุ่ม ความหนึบ การขับขี่ บรรทุกหนักหรือลากจูงต่างๆ สามารถทำได้ดี การจากทดลองขับจะเห็นได้ว่าจะมีความกระเด้งขึ้นมาค่อนข้างพอสมควร

     การทดสอบในครั้งนี้เราได้ทดสอบที่สนามโตโยต้า เพราะไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ เริ่มแรกจะทดสอบในเรื่องของวงเลี้ยวพวงมาลัย เราจะมาดูกันว่าหากเราใช้ความเร็วนิดหน่อยกับการควบคุมระบบช่วงล่างที่เขาเซตมาใหม่จะสามารถทำได้ดีไหม ซึ่งเมื่อได้ลองเข้าโค้งเยอะ ๆ ในความเร็วปกติสามารถเอาอยู่แต่จะมีอาการดิ้นเล็กน้อย ซึ่งช่วงล่างด้านท้ายที่ปรับมาเป็นแหนบ 5 ชั้น กับตัวโช๊ค Monotube ถือว่าใช้ได้  เมื่อลองขับขึ้นสะพานในความเร็วปกติถือว่าทำได้ดี ท้ายรถการโยนตัวน้อยลง ส่วนด้านหน้าในตอนที่มีการจั้มลงนั้นมีการยุบตัวน้อย

      ต่อมาลองดูอัตราเร่งช่วงสั้นๆ สถานการณ์ปกติที่เราเบรกกะทันหันแบบกระทืบเบรก เบรกจะหยุดทันที ตัว ABS และตัวเสริมแรงเบรกทำงานทันที ระบบทำงานเต็มที่ แต่ถ้าเราขับรถในเมืองแล้วเบรกปกติ เบรกนุ่มมากหน้าไม่ทิ่ม มีหน้ากดน้อยมาก ส่วนท้ายยกตัวคุมอาการได้ดี เราได้ลองใช้โหมด eco บนทางด่วนซึ่งโหมดประหยัดใช้งานได้ดีในเมืองเพราะช่วยให้เราประหยัดค่าเชื้อเพลิงได้ดี แต่เมื่อกดคันเร่งนั้นรอบและความเร็วจะมาช้ากว่าโหมดปกติ พวงมาลัยในความเร็วแบบใช้งานปกติจะเบา ควบคุมง่าย ระยะฟรีมีนิดหน่อย นอกจากนี้ช่วงล่างกระด้างน้อยกว่าตัว Rocco ซึ่งตัว GR Sport ตัวนี้มีการปรับเซตเพื่อทางเรียบโดยเฉพาะ เมื่อวิ่งตามรอยต่อของถนนยังรู้สึกถึงรอยต่อแต่มันน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ทีมงามของเราที่โดยสารด้านหลังให้ความเห็นว่าการกระโดดน้อยลง มีการสะเทือนน้อยเมื่อเราใช้ความเร็วที่ 80-100 เพราะเป็นความเร็วปกติของการใช้งานในเมืองซึ่งตัวนี้ทำมาเพื่อการใช้งานในเมืองโดยเฉพาะ ในรุ่นนี้มีระบบ adaptive Cruise Control มาให้ด้วย 

     ต่อไปเราลองขับในโหมดปกติ  เมื่อเร่งคันเร่งจะรู้สึกได้ถึงรอบที่มาทันที คันเร่งตอบสนองได้ดีได้ไว รอยต่อของเกียร์ระหว่างช่วงเปลี่ยนทำได้ดีทำให้ไม่รู้สึกถึงช่วงเปลี่ยน เมื่อเหยียบที่อัตราเร่ง 0-100 กม. ทำได้ราว ๆ 10.4.-10.6 วินาที ถือว่าอัตราเร่งใน 2.8 ทำได้ดีพอสควรไม่ต้องรอรอบ เมื่อลองความเร็วสูง ๆ ซึ่งเราจะวิ่งในความเร็วที่กฎหมายกำหนด น้ำหนักของคันเร่งไปตามน้ำหนักเท้า รอบมา ความเร็วมา ความรู้สึกในรุ่นนี้ในช่วงความเร็ว 100-120 กม. หรือช่วงความเร็วสูงกว่านี้ยังคงนิ่ง รถไม่มีสะบัด เมื่อขึ้นสะพานการสะเทือนหรือการยุบตัวของโช็คซับแรงได้ดีขึ้น ไม่มีการโยนของท้ายมากไป ทำให้รู้สึกว่าจังหวะขึ้นในช่วงเหินของสะพานไม่มีการโยนจนรู้สึกว่าควบคุมรถไม่ได้ และในจังหวะลงช่วงสะพานในความเร็ว 60-70 กม. ข้างหน้ารถซับแรงได้ดีทำให้พวงมาลัยไม่แกว่งมาก สามารถประคองตัว

     เราจะลองใช้ตัว Paddle Shift ซึ่งการที่มีมาให้ถือว่าดีเลยทีเดียวเพราะยังไงคนขับรถก็ต้องได้ใช้ ช่วงที่จะลดความเร็วต่ำลงในรอบให้รอบมันสูงขึ้น ในจังหวะเร่งแซงหรือว่าจะชะลอลงมาทีเกียร์ 3 ทำได้ไวทันใจไม่ต้องมาจับช่วงเกียร์เพื่อปรับเปลี่ยนโหมดหรือว่าจะใช้ในช่วงชะลอตัวที่ไม่อยากแตะเบรก การขับขึ้น-ลงเขา หรือโค้งเยอะ ๆ ได้ ถัดมาเราจะลองในโหมด Power ในโหมดนี้เป็นโหมดที่เราต้องการรอบเมื่อกดแล้วรอบมาอย่างรวดเร็วใช้เวลาไม่นานรอบขึ้นไปถึง 100 กม. ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเราชะลอเข้าซ้ายโดยที่ไม่เหยียบคันเร่งแต่ใช้ Paddle Shift ซึ่งให้ความสะดวกมากเมื่อต้องขับรถไกล หรือคนที่ใช้รถเป็นประจำ การเข้าโค้งในความเร็วแหนบ 5 ชั้น และโช๊ค Monotube มันให้ความลื่นไหลในการเข้าโค้ง รถเกาะถนน ทำตอบโจทย์เลยทีเดียว ซึ่งยอมรับเลยว่านุ่มหนึบ ไม่มีการสะเทือน ให้อารมณ์เหมือนขับรถเก๋งแต่ว่าฟิลลิ่งการมองถนน หรือช่วงคันเร่งเป็นแบบกระบะ แต่ช่วงล่างเหมือนรถเก๋ง ในรุ่นนี้ผู้หญิงขับได้ ผู้ชายชอบ แต่ถ้าเป็นสายลุยอาจจะไม่ชอบเท่าไหร่

สุนทรียภาพขณะเดินทาง

     ภาพรวมภายในคลุมโทนดำแดง เราจะเห็นได้ชัดเลยคือแดชบอร์ดด้านหน้าที่ปกติจะเป็นสีโครเมียม แต่ครั้งนี้เป็นสีเทาเข้ม และยังสลับกับวัสดุที่เป็นสีดำเงาหรือเปียโนแบล็ค ภาพรวมวัสดุด้านหน้าเป็นวัสดุแข็งเป็นพลาสติกขึ้นรูป แต่ว่าเดินด้ายไว้ทำให้เมื่อมองแล้วรู้สึกสวยงาม

    เบาะมีความโอบกระชับซึ่งเป็นไฮไลท์อย่างหนึ่งของรุ่นนี้เพราะว่ายกมาจากตัวฟอร์จูนเนอร์ เบาจะใช้วัสดุ PVC หรือที่เรียกว่าหนังเทียม ข้าง ๆ ตะเข็บจะเดินด้วยด้ายแดง ส่วนตัวที่รองรับก้นกับหลังจะใช้หนัง Suede แบบเจาะรูและหนังสังเคราะห์แบบสปอร์ตสีดำ ซึ่งรูที่ระบายอากาศจะมีสีแดงเมื่อสะท้อนกับแดดจะดูสวยงาม นอกจากสวยงามแล้วยังมีประโยชน์คือ เมื่อนั่งแล้วจะทำให้ตัวเราในขณะที่เลี้ยวในทางโค้งหรือว่าขับในทางขรุขระจะกระชับไม่ลื่น และไฮไลท์อีกอย่างคือหมอนหนุนมีจะมีโลโก้ GR Sport ปกติแล้วหากเป็นกระบะทั่วไปเบาะจะไม่ได้โอบกระชับสรีระเท่าไหร่นัก ตัวเบาะพิงจะนูนขึ้นมา แต่ในรุ่นนี้เบาะจะโอบร่างกาบไว้พอดี เบาะ พิงก็ไม่นูนเกินไปทำให้หลังวางอยู่ในตำแหน่งที่พอดี

      ที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังเมื่อเข้ามานั่งผู้โดยสารที่สูงอาจจะไม่สบายเท่าตัวคู่แข่ง แต่ก็ไม่ได้ลำบากขนาดนั้นเพราะพื้นที่เหนือศีรษะและบริเวณเข่ายังเหลือพื้นที่ การออกแบบเหมือนด้านหน้ เพียงแต่ว่าตะเข็บเดินด้ายสีแดงหายไป พื้นเบาะสัมผัสยังเหมือนด้านหน้า มีที่พักแขนและสามารถวางแก้วได้ 2 จุด ในส่วนของระบบความปลอดภัยด้านหลัง มีเข็มขัดนิรภัยมาให้ 3 จุด นอกจากนี้ยังมีแอร์ด้านหลัง เปิด-ปิดลมได้แต่ไม่สามารถปรับอุณหภูมิได้ และไม่มีช่องเสียบ USB  Power Outlet ต้องเสียบมาจากด้านหน้า  มีตัวแขวนติดมากับเบาะสามารถแขวนสิ่งของต่าง ๆ ได้ตามต้องการ เบาะสามารถพับได้เพื่อเก็บของได้มากขึ้น ใต้เบาะยังมีที่เก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วย ซึ่งเบาะยังสามารถใส่เบาะนั่งของเด็กเพิ่มเข้าไปได้อีกด้วย

สรุปความน่าใช้

     หลังจากลองขับ Toyota GR Sport  สรุปได้เลยมันเป็นรถที่เหมาะกับคนที่กำลังมองหารถกระบะไว้ใช้งานในเมืองเป็นหลัก ใช้เดินทางในสภาพถนนที่เน้นทางเรียบ และมีออกต่างจังหวัดบ้างบางเวลา ใช้ความเร็วสูงสุดได้ บรรทุกของได้ เพราะ GR Sport  รุ่นนี้ออกแบบช่วงล่างมาได้ให้ความนุ่มเป็นพิเศษ ความกระด้างของรถกระบะมันหายไป แต่ความอเนกประสงค์ยังใช้งานได้เหมือนเดิม รวมไปถึงความปลอดภัยยังครบครัน ซึ่งในรุ่นนี้เหมาะมากที่จะเป็นรถครอบครัวเพราะสามารถบรรทุกผู้โดยสาร 4- 5 คน โดยผู้โดยสานข้างหลังนั่งแล้วความกระเด้งกระดอน กระด้างมันหายไป ให้ความหนึบ แน่น ซับแรงกระแทกได้ดีซึ่งการดีดตัวของช่วงล่างน้อยกว่าตัว Rocco  แน่นอนว่า Toyota GR Sport  ตอบโจทย์สำหรับคนที่อมองหารถที่ให้อารมณ์ขับรถเก๋งแต่ให้ฟิลลิ่งการใช้งานแบบรถกระบะ

    กระบะในทุกวันนี้ราคา 1  ล้านบาทขึ้นไปอยู่แล้ว สำหรับตัวท็อปในทุกคลาส ในทุกค่าย จึงไปเน้นความคุ้มค่าน่าในเรื่องความปลอดภัยว่าค่ายไหนให้ระบบความปลอดภัยมามากค่ายนั้นก็คุ้มค่ามากที่สุด แต่ถ้าคุณมีเงินในกระเป๋าล้านสองถึงล้านสาม Toyota GR Sport  ตัวนี้ก็คุ้มค่าที่จะลงทุน แน่นอนว่าถึงราคาสูงแต่ระบบความปลอดภัยที่ให้มานั้นมากที่สุดในคลาส

The Review

Toyota Hilux Revo GR Sport 2021

4.6 Score

กระบะสายพันธุ์ใหม่ที่ได้รับการแปลงโฉมช่วงล่างจาก Toyota ให้มีความนุ่มเป็นพิเศษจึงเหมาะสมกับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก ความกระด้างของรถกระบะมันหายไปแต่ความอเนกประสงค์ยังใช้งานได้เหมือนเดิม รวมไปถึงความปลอดภัยยังครบครัน

PROS

  • เหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก
  • สามารถได้งานได้ทุกเพศ
  • ปรับช่วงล่างใหม่ให้ดียิ่งขึ้นแต่ความอเนกประสงค์ยังใช้งานได้เหมือนเดิม รวมไปถึงความปลอดภัยยังครบครัน
  • ตอบโจทย์สำหรับคนที่มองหารถที่ให้อารมณ์ขับรถเก๋งแต่ให้ความรู้สึกการใช้งานแบบรถกระบะ
  • ความปลอดภัยครบครัน

CONS

  • ไม่เหมาะกับการใช้งานลุยเท่าไหร่นัก ควรใช้เดินทางในสภาพถนนที่เน้นทางเรียบ
  • ความกระด้างของรถกระบะมันหายไป
  • มีราคาสูงสำหรับการเป็นรถกระบะ

Review Breakdown

  • Driving
  • Engine&Trans
  • Fuel Consumption
  • Practicality
  • Price and Features
  • Design
  • Saftey

Toyota Hilux Revo GR Sport 2021 DEALS

We collect information from many stores for best price available

Best Price

฿1156000
Exit mobile version