Toyota Corolla Cross 2020 ระดับพอดีที่ควรครอบครอง

Overview Of Car

ถยนต์ประเภทครอสโอเวอร์การใช้งานอเนกประสงค์ ภายนอกโดดเด่นมาดเข้ม ภายในกว้างพอเหมาะกับคำว่ารถครบอครัว ผิวสัมผัสที่ดีมอบความหรูหรา เห็นเรียบ ๆ แบบนี้พี่เขาไม่ธรรมดานะฮะ ประหยัดน้ำมันก็เด่น ช่วงล่างก็พอไปไหว ราคาเริ่มต้น 989,000 บาท

เดิมเป็นซีดานผันตัวเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ประเภทครอบครัวจากโตโยต้า อรรถประโยชน์มาเต็มพื้นที่ใช้สอยเหลือเฟือ ไม่กระด้างนุ่มนวลตามสไตล์ค่ายนี้มาพร้อมเครื่องยนต์ไฮบริดประหยัดกว่าที่คิดแถมเสริมอีก 3 โหมดการขับขี่ พอเข้าลงแข่งตลาดครอสโอเวอร์ได้แบบใส ๆ 

     แฟน ๆ คนรักรถย่อมรู้กันดีในขณะที่มีข่าวไหลออกมาเรื่อย ๆ เกี่ยวกับโตโยต้าที่จะมีการเปิดตัวรถยนต์สักหนึ่งรุ่นแต่หลายคนก็คิดว่าครั้งนี้ อาจจะเป็นซีดาน ไม่ก็กระบะ สุดท้ายคำตอบพลิกล็อคทำเอาทุกคนแอบงงอยู่บ้างกลายเป็นรถยนต์ประเภทครอสโอเวอร์อเนกประสงค์ รุกตลาดรถยนต์ในเมืองไทยได้แรงพอสมควรเหมือนคลื่นลูกใหญ่ซัดความเปลี่ยนแปลงไปเลยไม่ว่าจะเป็นราคา ขนาดของตัวถัง ที่ทำออกมาได้อย่างเหมาะสมน้อยแต่มากเรียบแต่โก้หรือเป็นการใช้งานที่สุดแสนจะสบาย แต่เครื่องยนต์หรือช่วงล่างนั้นอาจจะมีชะงักกันบ้างเล็กน้อย

     Toyota Corolla Cross กลายเป็นน้องใหม่ในตระกูลเดิมที่ค่อนข้างฮ็อตอยู่พอตัวทำเอาวงการรถยนต์ต้องหันมาสนใจกันอย่างล้นหลาม ทั้งการเปิดตัวที่ประเทศไทยเป็นแห่งแรกของโลกอีกทั้งความเป็นโตโยต้าที่ผลิตรถยนต์ไฮบริดออกมาได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว

     ถึงจะทำการเปิดตัวมาในช่วงที่ทุกคนก็รู้ดีว่าทั่วโลกกำลังพบเจอกับสถานการณ์โควิด-19 ที่กำลังดึงเศรษฐกิจให้ต่ำลงแต่ Toyota Corolla Cross กลับสวนกระแสด้วยยอดจองที่พุ่งขึ้นกระจายซะงั้น ด้วยเหตุนี้เราต้องลงมือลองสัมผัสด้วยตัวเองกันเสียแล้วว่าเพราะอะไรทำไมครอสเอสยูวีถึงทำได้ขนาดนี้

สเปครถยนต์

Body Style:Cross Over
Description:ครอสโอเวอร์ 5 ประตู 5 ที่นั่ง
Engine:เบนซิน 1.8 ลิตร ไฮบริด
Fuel Consumption:23.3 กม./ลิตร (ประมาณ)
Fuel Type:เบนซิน
Make:Toyota
Max Power:122 แรงม้า
Max Torque:163 นิวตันเมตร
Model:Toyota Corolla Cross
Price Guide:1,199,000 บาท
Release Date:16 ธันวาคม 2653
0-100 km/h:12.35 วินาที
Transmission:อัตโนมัติ E-CVT

ห้องเครื่อง

เปิดฝากระโปรงมาครั้งแรกก็ไม่ได้คิดว่ามันจะต้องเรียบหรูอะไรเพราะสุดท้ายมันก็ถูกปิดไว้อยู่ดีแต่ถือว่าใต้ฝากระโปรงนั้นค่อนข้างทำได้โอเคจากการวางเครื่องวางสายเชื่อมต่าง ๆ ไม่ทำให้รู้สึกว่า ฉันอยากงัดออกมาแล้วจัดเรียงใหม่ ซึ่ง Toyota Corolla Cross จะวางเครื่องยนต์เป็นแบบเดียวกับ Toyota Altis ด้วยเครื่องยนต์ Hybrid รหัส 2ZR-FXE เบนซิน 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ขนาด 1.8 ลิตร พร้อมหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ EFI ส่วนนี้จะผลิตกำลังได้สูงสุด 98 แรงม้า ทำให้มีแรงบิด 142 นิวตันเมตร เพิ่มกำลังได้อีกด้วยพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัสแม่เหล็กถาวรถึง 53 กิโลวัตต์ พอนำมาแปลงเป็น HP ก็จะได้ประมาณ 71 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 163 นิวตันเมตร แต่เมื่อได้ทำงานร่วมกันแล้วสามารถให้กำลังได้สูงสุดถึง 122 แรงม้า ซึ่งแรงบิดก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะเพิ่มขึ้นด้วยกำลังที่ไม่ได้ถ่ายทอดส่งไปที่ล้อโดยตรงอาจจะมีแรงกำลังที่ถูกลดทอนลงไปบ้าง

ส่งกำลังให้รถยนต์เคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT สำหรับการขับเคลื่อนล้อหน้า สำหรับในส่วนของแบตเตอรี่ที่เอาไว้ประสานงานให้กับมอเตอร์ไฟฟ้านั้นอาจจะล้าหลังอยู่บ้างในขณะที่ทั่วโลกหันมาเลือกใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแทน แต่ Toyota Corolla Cross กลับย้ำคิดย้ำทำนั่งยันยืนยันที่จะใช้นิกเกิลเมทัลไฮดราย มีทั้งหมด 28 โมดูล 168 เซลล์ ถือว่าเจ๊า ๆ กันไปเพราะอย่างน้อยโตโยต้าก็เลือกที่จะติดตั้งตำแหน่งของแบตเตอรี่ไว้ใต้เบาะหลังเพื่อจัดเป็นศูนย์ถ่วงให้รถต่ำลงและอยู่บริเวณกลางรถมากขึ้น สามารถรองรับน้ำมัน E20 ได้อีกด้วย

การขับขี่และระบบช่วงล่าง

            First Impression ของเรานั่นคือ การเปิดประตูด้านคนขับแล้วเข้าไปนั่งในรถมันให้ความรู้สึก ว้าว โตโยต้า มอบสัมผัสที่ดูหรูขึ้นมาแถมทุกส่วนมันนิ่มนวลไปหมดแต่ก็ไม่ได้ยวบย้วยดูดเราจมลงไป ได้คะแนนไปแล้วหนึ่งส่วน ต่อมากดปุ่มเริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์นั้นค่อนข้างเงียบแต่ก็ยังมีเสียงอยู่บ้างเป็นธรรมดาคราวนี้จะเข้าสู่ช่วงจริงของการทดลองขับเพราะเราจะได้รู้แล้วว่า มันจะดีแค่ดีไซน์หรือไม่ ต้องขอบอกก่อนว่าหลายคนอาจจะหาเบรกมือไม่เจอกันเจ้า Toyota Corolla Cross นี้จะไม่มีเบรกมือไฟฟ้าหรือเป็นคันโยกขึ้นมาแต่มันกลับถูกติดตั้งอยู่ที่บริเวณเท้าแป้นคลัทช์ด้านซ้ายนั่นเอง ส่วนนี้ได้คิดมาอย่างดีแล้วว่าจะไม่ทำให้ผู้ขับเผลอไปกดเหยียบเอาได้ง่าย ๆ เนื่องจากโตโยต้าได้ยกแท่นเบรกมือขึ้นเหนือสูงกว่าปกติหน่อยกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น

หน้าตาของคันเกียร์จะไม่ใช่แบบขั้นบันไดและเพิ่มเกียร์ B เข้ามาช่วยให้รถอืดได้ดีขึ้นเมื่ออยู่ถนนที่เป็นเนินสูง ทันทีที่เราปลดจากเกียร์ P เข้าสู่เกียร์ D เพื่อทะยานออกจากจุดเริ่มต้นและเลือกใช้โหมด Eco ไปพลาง ๆ ก่อน ด้วยความที่เราต้องออกไปเผชิญกับเส้นทางที่ค่อนข้างจราจรหนาแน่น ซึ่งต้องเรียนให้ทราบตรงนี้เลยว่า เราอาจจะคิดผิดนิดนึงที่เลือกใช้โหมดนี้สำหรับการออกตัวครั้งแรกเพราะมันค่อนข้างหนืดตามสไตล์ Eco หวังจะลองโหมดประหยัดไว้ก่อนก็ต้องเจอแบบนี้แหละก็เพราะว่า Toyota Corolla Cross คำนึงถึงเรื่องประหยัดเป็นสำคัญจึงทำการปรับจูนใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ระบบ Hybrid 

เมื่อถึงเส้นทางที่เป็นเหมือนเขตปริมณฑลที่รถน้อยถนนโล่งมากระยะทางยาวไกลแล้วเราก็ไม่รีรอที่จะเปลี่ยนไปโหมด Normal นั่นคือ การขับขี่แบบปกติ เหยียบเท่าที่ไหวใส่ให้เห็นเต็มเท่าที่มีจะได้รู้ว่า ช่วงล่างดีแค่ไหน กระหายน้ำมันมากหรือเปล่า ทันที่ที่ปลายนิ้วกดลงบนปุ่มเปลี่ยนโหมดนั้นแล้วกดเท้าลงบนคันเร่งรู้สึกได้เลยว่า สมาร์ทและเร้าใจอยู่พอสมควรตามจังหวะที่ควรจะเป็นแต่ก็ไม่ส่งผลให้เรารู้สึกถึงการโดนโยนตัวแค่มันพุ่งขึ้นไม่อืดเป็นเต่าเหมือนในคราแรกเฉย ๆ ช่วงล่างตอบสนองดีแม้จะใช้ช่วงล่างเป็นคานทอร์ชั่นบีมก็ตามยังทำหน้าที่ของตัวเองในส่วนนี้ได้ดีแต่ก็ไม่ได้ให้ความมั่นใจขนาดนั้นในเรื่องของการเข้าโค้งที่ยังไม่ยึดเกาะถนนแบบหนึบหนับเพราะ Toyota Corolla Cross ให้ความนุ่มนวลซะมากกว่าค่อนข้างสบายกับถนนทุกรูปแบบอยู่พอตัวไม่ว่าจะเป็นคอสะพาน, หลุมหรือเนินหลังเต่า

สมัยนี้แล้วรถทุกคันเริ่มติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอย่าง Dynamic Radar Cruise Control ทำหน้าที่ได้เฉียบคมเลยทีเดียวไม่เร่งแบบเหมือนโกรธใครมาเพื่อไปถึงจุดที่เราตั้งค่าไว้ มันจะค่อย ๆ ขึ้นอย่างสง่างามแถมถ้ามีรถเข้าแทรกกลางระหว่างเรากลางคันระบบจะทำการลดกำลังเครื่องยนต์ลงแล้วแตะเบรกเบา ๆ ให้เราแทน

อีกหนึ่งสิ่งของความประทับใจต้องยกให้ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน (Lane Departure Alert) โดยที่เรายังไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว ซึ่งระบบนี้ค่อนข้างดีและช่วยเตือนผู้ขับได้ เราได้ลองเปิดใช้โหมดนี้ผ่านปุ่มมัลติฟังก์ชั่นบนพวงมาลัยแล้วถือว่าตอบโจทย์เพราะบางที เราขับรถอาจจะมีเผลอกินเลนคนอื่นไปบ้างพอเจอด้วยตัวเองแล้วระบบนี้จะเตือนเราด้วยการหน่วงสั่นที่พวงมาลัยและบีบบังคับให้เรากลับเลนแต่ไม่ถึงกับกระชากเกินไป

ทรวดทรงผู้ดีเหมาะกับ SUV ครอบครัว

ในส่วนของภายนอกบางคนอาจจะบอกว่ามีหน้าตาบึ้งตึงไปสักหน่อยแต่สำหรับเราจะเรียกว่า เข้มขรึมมาดผู้ดีซะมากกว่า ด้วยกระจังหน้าทรงตัว U คว่ำ เสริมด้วยกรอบสีดำและสีโครเมียม ตัวตะแกรงคล้ายทรงรังผึ้งมีดูเผิน ๆ เหมือนมีช่องสำหรับรับลมมากแต่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้เป็นช่องรับลมทั้งหมด ยังมีส่วนด้านบนประมาณครึ่งหนึ่งที่มีแผงทึบกันลมเอาไว้ ลงมาที่ด้านล่างกันชนเป็นสีดำ แต่ชายล่างกันกระแทกเป็นสีเดียวกับตัวรถ มีไฟตัดหมอกแบบ LED ลดอุบัติเหตุเวลากลางคืน ซึ่งทั้งคันจะใช้เป็นชุดไฟ LED Projector รวมถึงไฟเลี้ยว พร้อมไฟ DRL แบบ LED Light Guiding และระบบ Follow Me Home รวมถึงล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

เราแอบคิดว่า Toyota Corolla Cross มีการเล่นสีตัดแต่ยังคลุมโทนให้เป็นดำ-แดง ตั้งแต่กระจกมองข้างเป็นสีเดียวกับตัวรถกับสีดำสีละครึ่งพร้อมติดตั้งไฟเลี้ยวไว้บริเวณกลางมาให้พร้อมเป็นระบบไฟฟ้าเปิดใช้งานและพับเพียงแค่กดปุ่มคอนโทรลบริเวณข้างประตูภายในรถ แม้แต่สปอยเลอร์ด้านบนยังเป็นสีเดียวกับตัวถัง เสาอากาศวิทยุแบบครีบฉลาม เสริมความอเนกประสงค์ด้านการใข้งานด้วยคานบริเวณหลังคาเพื่อวางของได้และมีซันรูฟที่เราเปิด-ปิด ได้จากการคอนโทรลระบบอัตโนมัติภายในห้องโดยสารได้อย่างสะดวก

หลังพวงมาลัย

อย่างที่เราได้กล่าวไปในช่วงต้น ๆ ของหัวข้อการขับขี่แล้วว่า Toyota Corolla Cross ให้ความรู้สึกถึงความตัวลอยมากขึ้น หรูมากขึ้น มันสบายไปหมดทุกอย่าง กว้างขวางไม่คับแน่นจนรู้สึกว่ามันรกตาเป็นเพราะด้วยการเลือกวัสดุหุ้มเบาะหนังและวัสดุสังเคราะห์ไปถึงผู้โดยสารด้านหลัง ฝั่งด้านคนขับเป็นเบาะปรับระบบไฟฟ้าได้ถึง 8 ทิศทาง ด้านข้างผู้ขับเป็นปรับแบบมือ ทางฝั่งห้องโดยสารด้านหลังเบาะสามารถปรับพับได้ 60:40 เอนได้ 2 ระดับ ตรงกลางเป็นที่รองแขนและพับเก็บได้

คอนโซลกลางถูกจัดติดตั้งมาให้อย่างพอดีปุ่มควบคุมไม่เยอะเกินไปตกแต่งด้วยวัสดุ PP เป็นหลัก มี Piano Black มาแซม ๆ บ้างเล็กน้อยสุดท้ายตัดขอบด้วยวัสดุโครเมียมเพิ่มความหรูขึ้นมาอีกนิดให้กับห้องโดยสารแอบเสียดายนิดหน่อยที่วัสดุบางส่วนมันดูแข็งแบบ Hard Touch เกินไป แต่ก็ยังมีส่วนหักลบกันได้ตรงบริเวณประตูด้านข้าง

สำหรับการควบคุมรถของพวงมาลัย Toyota Corolla Cross ทำการติดตั้งแบบพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) อีกหนึ่งส่วนที่ต้องบวกคะแนนไว้รอเลยด้วยน้ำหนักที่มันไม่เบาหรือหนักเกินไป สไลด์ตามมือได้คล่องตัวอาจจะมีสนองช้าไปบ้างแต่อย่าให้มันตอบสนองแบบเร็วเกินไปเลยเนื่องด้วยว่า นี่คือรถประเภทครอบครัว มันควรต้องคงความนุ่มนวลไว้แบบนี้แหละแถมบริเวณสัมผัสยังเป็นวัสดุบุนิ่มเข้ามาอีกพร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชั่นต่าง ๆ เพิ่มความสะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น

ด้านซ้ายการกดรับสายหรืออะไรก็แล้วแต่เกี่ยวกับการควบคุมเรื่องการโทร และมีปุ่มสำหรับปรับเปลี่ยนการแสดงค่าข้อมูลการขับขี่ที่หน้าจอ MID (Multi Information Display) โดยตรงนี้จะแยกออกเป็น 3 โซน ซ้ายสุดของจอเป็นแบบเข็มแสดงการทำงานของเครื่องยนต์ในโหมดต่าง ๆ อย่าง Eco, Power หรือการชาร์จไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่อยู่ ส่วนที่ด้านขวาแสดงปริมาณของน้ำมันและความร้อนของเครื่องยนต์นั่นเอง มาที่ตรงกลางส่วนสุดท้ายเป็นดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว โชว์ความเร็วหรือข้อมูลอื่นที่เราต้องการจะทราบนั่นเอง ส่วนตัวแล้วคิดว่า มันค่อนข้างรบกวนสมาธิไปบ้างเมื่อลองกดปุ่มอื่นเพื่อแสดงข้อมูลต่าง ๆ มันทำให้เราต้องมาจดจ้องว่า สิ่งที่เรากดนั้นมันปรากฏอยู่ตรงไหนของหน้าจอ

                ระบบบันเทิงหรือหน้าจออินโฟเทนเมนต์จะให้ความเพลิดเพลินเราตลอดทางจริงหรือเปล่า ? เราจะค่อย ๆ ไล่ไปทีละส่วน ขนาดหน้าจอกลาง 9 นิ้ว นั้นค่อนข้างที่จะให้ความเร้าใจอยู่ใหญ่ ชัดเจนแจ่มแจ้งดีสัมผัสลื่นปรื๊ดรองรับการใช้งาน Apple CarPlay แต่ต้องเสียบสายเอานะตรงนี้ แล้วถ้าไม่เสียบสายล่ะเราจะได้การใช้งานที่เชื่อมต่อระบบ Bluetooth แทน ซึ่งหน้าจอจะแสดงกล้องมองรอบคัน (Panoramic View Monitor) พร้อมมุมมองแบบ 3D View ระบบนี้ช่วยเราไว้ได้มากจริง ๆ ไม่ว่าจะจอดรถ ถอยหลัง เลี้ยวซ้าย-ขวา เข้าซอง ล้วนเป็นภาพ 3D เสมือนจริง แต่จะตัดไปตอนที่เราใช้ความเร็วเกิน 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ป้องกันไม่ให้เราละสายตาไปมองขณะที่เราขับรถมาอย่างเร็วแรง นอกจากนี้ยังเลือกที่จะดูพร้อมกันได้ทั้งด้านซ้ายและขวาเลย

ระบบความปลอดภัย

สำหรับรุ่น Hybrid Premium Safefy มีให้เลือกระหว่าง สีดำ Black และ สีน้ำตาลแดง Terra Rossa

สรุปความน่าใข้

                การขับชี่ช่วงล่างยังพอถูไถใช้ได้ไม่ใช่เล่น ๆ แต่การคล่องตัวมันยังดูเทอะทะไปหน่อยไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะมันเป็นรถครอบครัวอเนกประสงค์ด้วยรึเปล่า การขยับตัวแทรกไปในที่แคบหรือการจราจรหนาแน่นค่อนข้างที่หนักใจเอาพอตัวต้องเหลือพื้นที่ไว้เผื่อลูกรักเราทุกครั้ง เรื่องของเสียงลมตีเข้ามาเมื่อวิ่งอยู่บนความเร็วสูงทำได้ดีพอสมควร ระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ติดตั้งมาให้เหมาะสมกับประเภทรถเหมือนกับว่าตีโจทย์แตกเจาะกลุ่มถูก 

                แน่นอนหากขึ้นชื่อว่าเป็นรถยนต์ประเภทการใช้งานอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวความสะดวกสบายต้องมาที่หนึ่งซึ่ง Toyota Corolla Cross ทำได้ ความหิวกระหายน้ำมันของเจ้าคันนี้นั้นค่อนข้างแข็งแรงหมดกังวลเรื่องค่าน้ำมันไปได้ถึงครึ่งลองใช้ความเร็วประมาณ 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วยระยะทางรวม 90 กิโลเมตร อัตราประหยัดอยู่ที่ 23.6 กิโลเมตรต่อลิตร สำหรับเครื่องเสียงที่เราไม่ได้พูดถึงข้างต้นนั้นด้วยความที่มันออกจะธรรมดาไปหน่อยเลยไม่มีอะไรให้พรีเซนต์แต่ติดตั้งลำโพงมาถึง 6 ตัว ใด ๆ ก็ตามเรารับรองได้ว่า ถ้าเป็นการแข่งขัน Toyota Corolla Cross นั้นก็พาคุณขึ้นแท่นรับรางวัลได้เช่นกัน

               เมื่อลองเทียบกับค่ายอื่นที่เป็นคู่แข่งอยู่ในขณะนี้อย่าง Mazda CX-30 หรือ Nissan Kicks e-Power ด้วยราคาที่ใกล้เคียงกันของตัวท็อปในแต่ละรุ่น

               ด้วยความที่โตโยต้ามีมิติถังที่ใหญ่กว่าจึงทำให้มันกลายเป็นครอสโอเวอร์ที่สมบูรณ์กว่ารวมถึงเรื่องการประหยัดน้ำมันที่ทำได้ดีอย่างที่กล่าวไปตอนแรกแต่เมื่อเทียบกับมาสด้า ต้องถอยให้หนึ่งก้าวด้วยเรื่องของเครื่องยนต์และช่วงล่างที่มาเหนือกว่าทั้ง 3 รุ่น แถมกระหายน้ำมันพอตัวเพราะไม่มีมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วย เห็นโตโยต้าและนิสสันมีข้อเสียก็ย่อมมีข้อดีในตัวคือ มีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยส่งกำลังในการออกตัวได้ดีกว่ามาสด้า เรื่องระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ใส่มาให้ค่อนข้างครบครัน

Toyota Corolla Cross

Mazda CX-30

The Review

Toyota Corolla Cross

4.1 Score

Toyota Corolla Cross เป็นเอสยูวีขนาดใหญ่ที่ตอบโจทย์ครอบครัวที่เน้นการใช้งานจริง ต้องบรรทุกคนและสิ่งของเดินทางไกลบ่อยๆ การขับขี่ดี นุ่มนวล การควบคุมดีงาม เครื่องยนต์ให้กำลังเพียงพอ ขับทางไกลไม่เหนื่อย แต่ขับในเมืองอาจไม่เหมาะนัก อุปกรณ์เมื่อเทียบกับคู่แข่งร่วมคลาสถือว่ายังเป็นรอง

PROS

  • ตัวถังใหญ่ ภายในหรู ใช้งานได้จริง
  • ช่วงล่างพอใช้ได้ ทนทุกถนน
  • การบังคับควบคุมดี
  • อัตราการประหยัดน้ำมันแจ๋ว
  • ความปลอดภัยสูง

CONS

  • เครื่องเสียงธรรมดา
  • แบตเตอรี่ยังล้าหลังอยู่
  • เทอะทะจนไม่คล่องตัว

Review Breakdown

  • Driving
  • Engine & Trans
  • Fuel Consumption
  • Practicality
  • Price and Features
  • Design
  • Saftey

Toyota Corolla Cross DEALS

We collect information from many stores for best price available

Best Price

฿989000
Exit mobile version