BMW 7 Series 2019 เรือธงรุ่นใหญ่ ล้ำหน้าด้วยดีไซน์และเทคโนโลยี

       BMW 7 Series ถูกปรับโฉมครั้งใหญ่ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ สะท้อนภาพแห่งความเหนือระดับพร้อมอัดแน่นเทคโนโลยีใหม่ที่ล้ำหน้าที่สุดของค่าย ณ ปัจจุบัน

        7 Series facelift นำเสนอทิศทางใหม่ของ BMW ที่เน้นหนักในเรื่องเทคโนโลยี ภายในที่หรูหรา และ Design language ใหม่ที่มีความทันสมัย ตัวถังมีให้เลือกทั้งรุ่นฐานล้อมาตรฐานและรุ่นฐานล้อยาวเช่นเดียวกับ 7 Series ตัวปัจจุบัน แต่ทั้ง 2 แบบมีความยาวเพิ่มขึ้นจากรุ่นปัจจุบัน 22 มม. ทำให้ความยาวรถโดยรวมอยู่ที่ 5120 มม. และ 5260 มม. ตามลำดับ

         สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยคือดีไซน์ภายนอกที่เปลี่ยนไป ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าโครเมี่ยมขนาดใหญ่ ดีไซน์คล้ายกับเอสยูวีต้นแบบ X7 ซึ่งใหญ่กว่า 7 Series รุ่นปัจจุบันถึง 40% เมื่อกระจังหน้าเปลี่ยน ฝากระโปรงหน้าก็เปลี่ยนตาม ตลอดจนกันชนหน้าใหม่ที่มาพร้อมแถบโครเมี่ยมเสริมหรู และช่องรับอากาศไประบายความร้อนเบรก โดยรวมทุกอย่างดูลงตัว ทันสมัยและดุดันขึ้นกว่าเดิมมาก

         กระจกมองข้างปรับดีไซน์ใหม่บางลง 5.1 มม. มีชายล่างกันชนหน้าที่คอยช่วยไหลเวียนอากาศและลดการปะทะของลมเมื่อขับความเร็วสูง นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงวัสดุซับเสียงบริเวณซุ้มล้อหลังใหม่

        ดีไซน์ท้ายรถไม่ต่างจากรุ่นปัจจุบันมากนัก มาพร้อมกับไฟท้าย OLED พร้อมชิ้นเลนส์ใหม่ มีแถบ LED คาดระหว่างไฟท้ายทั้ง 2 ฝั่งซึ่งเป็นไฟเดย์ไทม์ รันนิ่ง ไลท์ ในตัว  กันชนท้ายปรับดีไซน์ใหม่รองรับกับท่อไอเสียโครเมียมคู่อย่างสวยงามลงตัว

         ภายในมีการอัพเกรดหลายจุดประกอบด้วยการเปลี่ยนมาใช้วัสดุที่มีคุณภาพดีขึ้น และฟังก์ชั่นการเชื่อมต่อใหม่ ตอนนี้ฟังก์ชั่น Parking Assistant มีฟังก์ชั่น Reversing Assistant มาช่วยทำงานแล้ว ฟังก์ชั่นนี้จะช่วยควบคุมการถอยหลังได้ไกลสุดถึง 50 เมตรในทางตรง

          7 Series 2019 มีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้งเบนซินเทอร์โบและดีเซล ตลอดจนปลั๊กอินไฮบริด ระบบขับเคลื่อนมีทั้งขับหลังและขับสี่ขึ้นอยู่กับรุ่นที่เลือก

        ฝั่งเบนซินเป็นขุมพลัง V8 4.4 ลิตร ให้กำลัง 523 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร ในรหัส 750i xDrive และ 750Li xDrive รุ่นสูงกว่านั้นเป็น M760Li xDrive ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง BMW M V12 ความจุ 6.6 ลิตร 577 แรงม้า แรงบิด 850 นิวตันเมตร เครื่องยนต์ตัวนี้สามารถพา 7 Series หนัก 2 ตันทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.

         ฝั่งดีเซลมีให้เลือก 3 รุ่น เป็นเครื่อง 6 สูบเรียง 3.0 ลิตรเดิม แต่มีการปรับจูนเทอร์โบใหม่ รุ่นเทอร์โบเดี่ยวมีแรงม้า 260 ตัว แรงบิด 620 นิวตันเมตร มาในรหัส 730d และ 730Ld ขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 730d xDrive and 730Ld xDrive ขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่วนรุ่นเทอร์โบคู่ให้กำลัง 316 แรงม้า แรงบิด 680 นิวตันเมตร มาในรหัส 740d xDrive  และ 740Ld xDrive

         รุ่นที่ทรงพลังที่สุดของดีเซลคือ 750d xDrive และรุ่นฝาแฝดฐานล้อยาว 750Ld xDrive ทั้งคู่ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ เทอร์โบ 4 ลูก ให้กำลัง 393 แรงม้า แรงบิด 760 นิวตันเมตร

        ในส่วนของเวอร์ชั่นปลั๊กอินไฮบริดมีรุ่น 745e, 745Le ขับเคลื่อนล้อหลัง และรุ่นฐานล้อยาว 745Le xDrive ขับเคลื่อน 4 ล้อ ทุกรุ่นใช้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวมทั้งระบบ 388 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร เร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.2 วินาที

         แบตเตอรี่ความจุ 12.0 kWh ของ 745e สามารถขับขี่ด้วยพลังไฟฟ้าล้วนได้ไกลสุดถึง 58 กม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยทางการ 47.6 กม./ลิตร ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 48 กรัม/กม.

          7 Series 2019 ติดตั้งระบบช่วงล่างแปรผันมาเป็นมาตรฐาน โดดเด่นด้วยโช๊คอัพควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าและสปริงถุงลมในทุกล้อ ระบบ Rear-wheel steering สำหรับเพิ่มความคล่องตัวมีเป็นออปชั่นเสริม

         BMW 7 Series 2019 จะเป็นเรือธงในฝั่งซาลูนเคียงข้างกับ X7 ที่จะเป็นเรือธงในฝั่งเอสยูวี (เปิดตัวปลายปีนี้) ดีไซน์ของทั้ง 2 โมเดลที่เชื่อมโยงกันคือกลยุทธ์ในการสร้างความคุ้นเคยระหว่างเรือธงทั้งสอง

         รถยนต์ทั้งสองโมเดลถูกส่งตรงไปยังกลุ่มผู้ซื้อรถหรูฐานะดีซึ่งจำนวนมากมาจากประเทศจีน โดยทั่วไปแล้วลูกค้าจะชอบการออกแบบรถยนต์ที่ก้าวร้าวดุดันมากกว่า ดังนั้นรูปลักษณ์ใหม่นี้อาจเป็นจุดเริ่มของการเปลี่ยนแปลงการออกแบบเพื่อตอบสนองรสนิยมในตลาดรถยนต์ใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

Gallery

Exit mobile version