WINNER SMALL ELECTRIC CAR
Volkswagen ID.3 Pro Performance Life
ได้รับชัยชนะเหนือ Citroën e-C4 และ Kia e-Niro ในการทดสอบของเรา รถยนต์แฮทช์แบ็กสำหรับครอบครัวรุ่นใหม่จาก Volkswagen คว้ารางวัลรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่ตอบโจทย์รอบด้านที่สุดที่คุณสามารถเป็นเจ้าของได้ในปัจจุบัน ID.3 มีระยะวิ่งอย่างเป็นทางการที่ 423 กิโลเมตรซึ่งเป็นระยะที่ดีที่สุดในรุ่นนี้ ในขณะที่ e-Niro Medium Range ก็ยังไม่สามารถไปไกลได้เท่า
แล้วจุดแข็งอื่น ๆ ของ ID.3 คืออะไร ? เริ่มจากความรู้สึกในการขับขี่ มีการขับเคลื่อนล้อหลัง ระบบเลี้ยวที่มีน้ำหนักกำลังพอดีและแม่นยำ รวมถึงการควบคุมรถที่ยอดเยี่ยม มันขับขี่สนุกและมีสมรรถนะดีเยี่ยมกระทั่งขณะเลี้ยวด้วยเช่นกัน แม้จะมีอัตราเร่งไม่ต่างจาก e-Niro Long Range แต่ก็สามารถเอาชนะคู่แข่งอื่น เช่น e-C4 และ Peugeot e-208 ได้อย่างสง่างาม
มันมีความอเนกประสงค์สูสีกับรถยนต์ที่มีความกว้างมากที่สุดและยังมีค่าใช้จ่ายระหว่างการใช้งานในฐานะรถยนต์บริษัทและรถยนต์ส่วนตัวที่ถูกกว่า ทั้งนี้ต้องขอบคุณอัตราภาษีและราคาผ่อนแบบ PCP ที่ต่ำ
> ระยะวิ่งไกล> ขับขี่สนุก> ภายในอเนกประสงค์> เสื่อมราคาช้า
เราชอบ
ภาพรวม
รถยนต์ในระดับนี้กำลังจะเข้ามาครอบคลุมรถยนต์อีกหลายประเภทซึ่งครอบคลุมทั้งรถยนต์ขนาดเล็กวิ่งในเมืองและรถยนต์ขนาดกะทัดรัด รวมไปถึงรถยนต์เอสยูวีสำหรับครอบครัวขนาดไม่เกิน 4.5 เมตรรถยนต์บางคันเหมาะสำหรับการใช้งานอย่างโฉบเฉี่ยวในเมือง โดยคำนึงถึงการเลี้ยวที่กระฉับกระเฉง ความคล่องแคล่ว และความสบายในการขับขี่เป็นสำคัญ อย่างไรก็ตามทั้งความเร็วและการเปลี่ยนความเร็วก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ ราคาและค่าใช้จ่ายระหว่างการใช้งานเป็นปัจจัยที่สำคัญเช่นกัน
Renault Zoe R110 Iconic
คุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด
เมื่อลองหาข้อมูลราคาเป้าหมายคุณจะพบว่า Renault Zoe เป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้า Renault Zoe ที่ถูกที่สุดที่คุณสามารถเป็นเจ้าของได้ ทั้งเงินสดและผ่านระบบ PCP แต่แฮทช์แบ็กขนาดเล็กรุ่นนี้มาพร้อมมูลค่าที่สวนทางกับราคา ด้วยการเป็นรถยนต์ที่มีความอเนกประสงค์รอบคันและระยะวิ่งที่มากพอ จึงเป็นรถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อซัพพอร์ตด้านการขับขี่มากกว่าเพื่อมาเอาชนะ
Zoe ผลักรถยนต์ SUV สำหรับครอบครัวหน้าใหม่ Mazda MX-30 ออกจากลู่ ด้วยระยะวิ่ง 384 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งต่างจากน้องใหม่ที่ทำได้เพียง 199 กิโลเมตร นั่นหมายความว่าคุณสามารถไปเยี่ยมคุณป้าที่อยู่ถัดไปอีกสองสามจังหวัดได้โดยไร้กังวลและไม่ต้องหยุดจอดชาร์จ
มันมาพร้อมกับขนาดเล็กเพียงพอที่จะวิ่งรอบเมืองและมาพร้อมความอเนกประสงค์มากพอที่จะบรรทุกพาเด็ก ๆ ไปโรงเรียน บรรจุถุงช้อปปิ้งได้เต็มท้ายรถ เราขอแนะนำให้คุณติดตั้งระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติในรุ่น Iconic ที่เราแนะนำ
Fiat 500 Icon 42kWh
ขับขี่ในเมืองดีที่สุด
หากรถยนต์คันหนึ่งเกิดมาเพื่อวิ่งในเมือง มันคงเป็น Fiat 500 รถยนต์วิ่งในเมืองสไตล์เรโทรรุ่นก่อนนี้มาพร้อมวิ่งในเมืองด้วยเครื่องยนต์เบนซิน และเพิ่งจะเปิดตัวรุ่น all-new ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วน
ระยะทางไม่ได้เป็นสิ่งจำเป็นในการพิจารณารถยนต์ลักษณะนี้ แต่เจ้า Fiat 500 สามารถพาคุณไปได้ไกลถึง 321 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งเป็นเหมือนโบนัส เอาชนะคู่แข่งอย่าง Honda E และ Mini Electric ด้วยความสามารถที่เหนือกว่าการเป็นรถยนต์วิ่งในเมือง
Fiat 500 มีขนาดสั้นกว่าคู่แข่งหลัก ดังนั้นมันจึงสามารถเบียดตัวเข้าไปยังพื้นที่ที่ดูไม่น่าเป็นไปได้ รวมถึงวงเลี้ยวที่เล็กและพวงมาลัยเบาเป็นพิเศษและทัศนวิสัยที่เหมาะสมทำให้มันมาพร้อมกับความคล่องตัวและความนุ่มนวลเหมาะกับการใช้งานในเมือง
แม้ว่ามันจะมีราคาสูงกว่ารถยนต์รุ่นก่อนหน้าที่เป็นระบบ Mild hybrid (ที่ยังมีจำหน่ายอยู่) Fiat 500 รุ่นใหม่ กลับขับขี่สนุกและมีราคาที่ถูกกว่า Honda E และ Mini ด้วยการออกแบบภายในที่น่าหลงใหลและค่าใช้จ่ายระหว่างการใช้งานที่ต่ำ Fiat 500 จึงเป็นรถยนต์ที่เหมาะกับการวิ่งในเมืองกว่าใคร
Kia e-Niro Long Range 3
ใช้งานทางไกลดีที่สุด
เรามาวิเคราะห์กันดีกว่าว่าอะไรคือปัจจัยที่ช่วยขจัดปัญหาในการวิ่งทางไกล เริ่มที่ความสบาย และในเมื่อมีรถยนต์ไฟฟ้าที่นุ่มนวลกว่า เช่น DS 3 Crossback E-tense การขับขี่ของ e-Niro ก็ยังคงนุ่มนวลเพียงพอและอยู่ภายใต้การควบคุมมากกว่า นอกจากนี้อาการโยนตัวของถังจะไม่ทำให้คุณอาเจียนออกมาทีหลังแน่นอน
ระบบสาระบันเทิงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรคำนึง นอกจากจะช่วยเรื่องทิศทาง มันยังเป็นส่วนหนึ่งของความเพลิดเพลินตลอดการเดินทาง รุ่น 3 มาพร้อมกับหน้าจอระบบสัมผัส 10.3 นิ้ว ที่ใช้งานง่ายกว่าของ Citroën e-C4 และ Peugeot e-2008 มันมีทั้งฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น ระบบ sat-nav และ Apple CarPlay/Android Auto
หากคุณต้องเดินทางไกลช่วงวันหยุด e-Niro มีพื้นที่ใช้สอยมากมายทั้งเบาะนั่งกว้างขวางด้านหลังและพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถขนาดใหญ่ คุณอาจจะต้องการสมรรถนะที่ตอบสนองแบบกระตือรือร้นสำหรับการวิ่งบนมอเตอร์เวย์ รถยนต์รุ่นนี้สามารถเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.5 วินาทีในการทดสอบของเราอีกด้วย
แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือระยะวิ่งต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เจ้า e-Niro มีระยะวิ่งที่โดดเด่นถึง 453 กิโลเมตร (WLTP) หรือ 407 กิโลเมตรในการทดสอบระยะวิ่งจริง