[Roadtest] Mazda 3 Fastback รันวงการด้วยการรวมทุกความสปอร์ตขนาดย่อมไว้ที่นี่หมดแล้ว

แรงบันดาลใจจากรุ่นสู่รุ่น จากมาสด้า 3 ทรงซีดานถ่ายทอดความเป็นมาสด้าเผยตัวตนให้ชัดขึ้นอีกในคาบแฮทช์แบ็ก ลงดีเทลภายใน ใส่ใจภายนอก ช่วงล่างหนึบจนผลลัพธ์แทบจะเป็นสปอร์ต  5 ประตูไปโดยปริยาย เอาใจสายเหยียบ แถมเพลย์เซฟด้วยระบบอัจฉริยะอย่างจัดเต็ม

            ตอนแรกก็ได้ยินเพียงแค่การบอกต่อกันมาว่า หากเป็นคนชอบการขับรถไม่ว่าใกล้ไกลในเมืองหรือต่างจังหวัด ถ้าเลือกมาสด้าก็จะถือว่าตอบโจทย์ จนถึงตอนนี้เราได้ใช้เวลาสัมผัสความจริงของเจ้ามาสด้า 3 ในระยะทางใกล้และไกล บริเวณถนนที่มีรถเยอะและเขตปริมณฑลที่แทบจะไม่มีรถเลย มาดูกันว่าภายใต้ความเท่นี้ซ่อนอะไรไว้บ้าง

เครื่องยนต์แรง ระบบความปลอดภัยดี

            เริ่มที่ใต้ฝากระโปรงก่อนเลย เต็มไปด้วยขุมพลัง Skyactiv-G 2.0 ลิตร 1,998 ซีซี. DOHC แบบ 4 สูบ 16 วาล์วแปรผันอัจฉริยะ Dual S-VT ให้กำลังได้สูงสุด 165 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 213 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ Skyactive-Drive อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อมแมนนวลโหมด Activematic ขับเคลื่อนล้อหน้า

            เมื่อครั้งแรกที่ปลายเท้าสัมผัสกดแป้นคันเร่งลงไปมันให้ความรู้สึกที่พุ่งแต่ไม่กระชากเรียกได้ว่านุ่มนวล เสียงจากเครื่องยนต์ค่อนข้างเงียบด้วยระยะทางไกลยิ่งเหยียบยิ่งสนุก แต่อาจจะมีเสียงลมตีเข้ามาบ้างเล็กน้อย หากเป็นความเร็วที่เกิน 110 กม./ชม.

            สามารถเร่งความเร็วให้เร้าใจขึ้นไปอีกด้วยปลายนิ้วมือจากแพดเดิ้ลชิพหลังพวงมาลัย ซึ่งส่วนนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งซ้าย ขวา เมื่อต้องการแซงรถด้านหน้าให้ใช้แพดเดิ้ลชิพที่เป็น(+ )แต่หากใครกังวลว่ามันจะอันตรายเกินไปหรือเปล่า มาสด้ามีทางออกให้สมดุลกันด้วยแพดเดิ้ลชิพที่เป็น (-) ใช้ลดความเร็วเมื่อต้องการชะลอตัวรถลง เรายังจำความรู้สึกนี้ได้ดีระยะทางยิ่งไกลยิ่งเร้าใจ

            มาสด้า 3 ตัวนี้เขามีระบบการรักษารถให้คงอยู่ในเลนเมื่อรถออกจากเลนพวงมาลัยจะบังคับรถกลับมาให้อยู่ที่เดิมลดการเกิดอุบัติเหตุโดยจะเตือนด้วนการสั่นที่พวงมาลัยให้เรารู้ทันทีและจะค่อย ๆ บังคับพวงมาลัยให้รถกลับเข้าสู่เลนเดิม ยังมีอีกหลายระบบที่เปรียบเสมือนเป็นเลขาคอยช่วยงานเราอยู่เสมออย่างระบบควบคุมความเร็วตามคันหน้าในระบบนี้นอกจากช่วยบังคับพวงมาลัยตามคันหน้ายังช่วยลดอาการเมื่อยล้าของผู้ขับขี่เมื่ออยู่บนท้องถนนที่มีการจราจรหนาแน่นดังเช่น ถนนในกรุงเทพบ้านเรานี่เอง

           ทันที่ที่หมุนพวงมาลัยเข้าโค้งรถยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยมและมีการสไลด์ช่วงท้ายช่วยเล็กน้อยให้มีความสมูท เพิ่มฟังก์ชั่นการจับเบรกแยกซ้าย ขวา สังเกตได้จากการหักเลี้ยวเข้ามุมซ้าย ขวา สลับกันจะไม่รู้สึกว่าถูกโยนตัวไปตามทิศทางและความเร็วของรถ

            แต่ถ้าพูดถึงการประหยัดเชื้อเพลิงนั้นต้องบอกไว้เลยว่า หากเป็นสายรักความแรง เอะอะเหยียบเพลิน น้ำมันก็ลดลงตามกำลังเป็นปกติอย่างเช่น การดื่มน้ำหากดื่มอย่างกระหายน้ำก็หมดไวเท่านั้นเอง ซึ่งมาสด้าก็ยังไม่ได้ตอบโจทย์ในส่วนนี้สักเท่าไหร่ ถึงอย่างไรทุกอย่างก็ขึ้นอยู่ที่การใช้งานของแต่ละคน

ลุคสปอร์ตสุดเท่

            ตอนเห็นหน้าตารถครั้งแรก ขอยอมรับตรง ๆ เลยว่า ประทับใจการปรับแต่งให้มีความสปอร์ตมากขึ้นด้วยการตัดเส้นสายต่าง ๆ ตามตัวถังตั้งแต่เสาเอยันด้านหลังออกไปเหมือนกับว่าพึ่งโกนหนวดมาทำให้ดูสะอาดตาแถมหล่อเหลามากกว่าเดิม เพราะมาสด้า 3 แฮทช์แบ็กตัวนี้ถูกดีไซน์ด้วย Kodo design ในเจนเนอเรชั่นใหม่ให้มีความสลิม โฉบเฉี่ยวมากขึ้น

            ในส่วนของกระจังหน้ารูปแบบรังผึ้งก็ยังคงเอกลักษณ์ไว้และเปลี่ยนเป็นสีดำอมน้ำตาล ลูกเล่นที่ใหม่ไม่ทำให้รู้สึกเหมือนติดอยู่กับอะไรเดิม ๆ สเกิร์ตหน้าด้านล่างรับกับส่วนของด้านบนได้ดีทำเป็นช่องรับลมเพื่อระบายความร้อนของเครื่อง

            ในส่วนของกระจังหน้ามันก็ยังคงเอกลักษณ์ไว้ดังเดิมแต่เพิ่มความพรีเมียมด้วยการฝังโลโก้ลงไปและภายในโลโก้นั้นมีกล้องสำหรับมองรอบคัน 360 องศาติดตั้งอยู่ฟังก์ชั่นตัวนี้สามารถเลือกมุมมองได้ไม่ว่าจะเป็น ด้านหน้า ด้านหลังหรือด้านข้างและกระจังหน้าเป็นสีดำอมน้ำตาล ลูกเล่นที่ใหม่ไม่ทำให้รู้สึกเหมือนติดอยู่กับอะไรเดิม ๆ

            ตาคมเฉี่ยวด้วยไฟหน้าที่ถูกปรับเปลี่ยนในรุ่นใหม่นี้ด้วยไฟโปรเจกเตอร์ LED ทั้งหมดรูปลักษณ์ของตาไฟที่ยาวเชื่อมไปกับข้างรถ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ๆ ส่วนตัวแล้วคิดว่ามันลงตัวเพิ่มลุคสปอร์ตได้ดีขึ้น เส้นสายจากฝากระโปรงหน้าในรุ่นนี้เรียบง่ายมากขึ้นเยอะ ไม่รกสายตาแต่กลับมีมิติที่สวยงาม ซึ่งเชื่อมไปถึงเสาเอเพียงแค่นั้น

                ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว จากโยโกฮาม่าเป็นซีรี่ย์เดียวกับซีวิคแฮทช์แบ็ก สีวงล้อที่ไม่ได้เป็นทูโทนแบบสมัยนิยมแต่กลับเข้ากับตัวรถได้เป็นอย่างดี จุดเติมลมยางใช้งานง่ายมากขึ้น แต่สีทูโทนกลับมาอยู่ในกระจกมองข้างของรถยนต์พร้อมกล้องติดไว้ข้างใต้

            สิ่งที่อยากจะนำเสนออีกหนึ่งจุดคือ มือจับตรงประตู จุดนี้คือ ขอนิยามว่าน้อยแต่มากเรียบแต่โก้เพราะตัวจับเป็นสีเดียวกับตัวรถแถมไม่มีปุ่มกดใด ๆ หากต้องการล็อคหรือปลดล็อคเพียงแค่จับเหมือนเรากำลังจะเปิดประตูระบบก็จะสนองการทำงานได้เป็นอย่างดีแต่ต้องมีรีโมทติดตัวด้วยนะ ส่วนการเปิดประตูหลังจะใช้งานผ่านการกดปุ่มใต้โลโก้มาสด้า

ภายในครบครบครัน

            ภายนอกที่เราคิดว่าเรียบแล้วแต่พอเปิดเข้ามา มาสด้ารุ่นนี้เขามาเพื่อชิงตำแหน่งจริง ๆ มันเรียบหรูไปซะหมด ด้วยวัสดุการตกแต่งที่เป็นสีดำหมดเลยเบาะหนังเดินตะเข็บแบบชัดเจน ตัวเบาะที่คนขับและผู้โดยสารด้านหน้ามีปีกโอบอุ้มสไตล์สปอร์ต แต่อาจจะแคบไปสำหรับผู้ที่มีความสูงเกินกว่า 175 ซม. ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

            ในส่วนตัวคิดว่า ห้องผู้โดยสารด้านหลังทำให้รู้สึกอึดอัดไปหน่อยด้วยกระจกด้านข้างนั้นเล็กพอควรบดบังทัศนวิสัยด้านนอกจึงดูคับแคบไปบ้าง ก็ยังคงความเป็นมาสด้าไว้เช่นเดิมยังไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรมากและด้วยตัวถังที่เป็นแบบ 5 ประตูด้านหลังจึงดูแคบ สั้นกว่ารุ่นซีดาน พื้นที่ส่วนหัวถ้าคนตัวสูงอย่างที่กล่าวไปต้องมีบ่นงุบงิบบ้างเล็กน้อย

            มาดูที่ด้านความบันเทิงถูกจัดแดชบอร์ดให้เรียบแบบคงคอนเซปต์จากภายนอกสู่ภายในด้วยหน้าจอกลางขนาด 8.8 นิ้ว ไม่ใช่ระบบสัมผัส ใช้ปุ่มควบคุม Center Commander ปรับดันซ้ายขวาขึ้นบนลงล่างได้ตามสะดวก ส่วนนี้ถือว่าดีเพราะเราสามารถใช้ตามองถนนขณะที่เลือกสรรความบันเทิงได้เลย มีช่องเชื่อมต่อ USB รองรับ Apple CarPlay / Android Auto สามารถเชื่อมต่อไร้สายด้วยบลูทูธ มอบเสียงพรีเมียมด้วยลำโพง BOSE แน่นสมใจถึง 12 ตำแหน่ง

           พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้านทรงสปอร์ตไม่ใหญ่ไปไม่เล็กไปกระชับกำลังดีพร้อมควบคุมปุ่มบนพวงมาลัย แผงหน้าปัดกึ่งดิจิทัลวงซ้ายวัดรอบ วงขวาวัดอุณหภูมิและระดับน้ำมันเชื้อเพลิง มาสด้ายังคงความเจ๋งที่ใส่ไปเกือบครบทุกรุ่นใหม่คือ Head-up display การสะท้อนข้อมูลสำคัญไปที่กระจกด้านหน้าซึ่งดีตรงที่เราไม่ต้องละสายตาคอยมองลอดไปยันหลังพวงมาลัย

สรุปความน่าใช้

           เหมือนกับว่า มาสด้า 3 Fastback ฉีกความรู้สึกจากมาสด้า  3 ในซีดานไปค่อนข้างมากในส่วนที่รูปร่างหน้าตา เครื่องยนต์ ระบบความปลอดภัยที่ทันสมัยและเสริมหล่อด้วยลุคสปอร์ตดูเรียบหรู หากพูดถึงแค่ไม่กี่ส่วนนี้มาสด้ากินขาด เรื่องการขับขี่เอาใจคนรักความเร็วได้เป็นอย่างดีแต่จะมาสะดุดก็ตอนเจอคอสะพาน ความนุ่มนวลมันลดน้อยกว่าเดิมส่งความสะเทือนถึงผู้โดยสารด้านหลังให้รู้สึกแข็งกระด้างบ้างเล็กน้อย สิ่งที่ทำให้รู้สึกว่ามันเหนือกว่ารุ่นเก่าขึ้นมาอีกคือ การยึดเกาะถนนที่ค่อนข้างหนึบขณะเข้าโค้ง การบังคับเฉียบคมและไม่รู้สึกถูกโยนตามแรงของรถเท่ารุ่นก่อน ๆ

           และแน่นอนว่าถ้าเปรียบเทียบกับ Honda Civic Hatchback รถคู่แข่งในตลาด 5 ประตูเช่นกัน มันคนละสไตล์ให้คนละอารมณ์ ในมาสด้านี้จะให้ความรู้สึกขับสนุก สปอร์ต ค่อนข้างตอบโจทย์คนรักการขับรถ การขับขี่ที่เฉียบคม แต่ในฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็ก ต้องมอบตำแหน่งรถยนต์นั่งสบาย สำหรับครอบครัวและการเพลิดเพลินไปกับท้องถนนเสียมากกว่า

 

Exit mobile version