[Road Test] All-New Mazda 3 ลองขับฉบับเต็มบนถนนจริง ขับสนุก หนึบแน่นได้อารมณ์สปอร์ต

             18 กันยายน เป็นวันที่ Mazda 3 เจนเนอเรชั่นล่าสุดเปิดตัวในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ ทันทีที่ผู้คนเริ่มเห็นรูปร่างหน้าตาตามสื่อต่างๆ กระแสของยนตรกรรมรุ่นใหม่นี้ก็พุ่งสูงทะลุกราฟเกินจะหยุดยั้ง เพียง 2 อาทิตย์กว่าๆ ยอดจองก็ทะลักไปเกือบ 1,500 คันแล้ว ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมจึงร้อนแรงเช่นนี้ มันเห็นได้ชัดว่ามาตรฐานที่ Mazda 3 รุ่นก่อนหน้าสร้างไว้ สามารถมัดใจลูกค้าใหม่ๆ ได้ ซึ่งทุกคนรู้อยู่แล้วว่า Mazda 3 นั้นคือรถที่ให้อารมณ์สปอร์ต การขับขี่ดีเยี่ยม รูปลักษณ์หล่อบาดใจ ทันสมัย ออปชั่นแน่น นี่แหละคือเหตุผลที่บอกว่าทำไม All-New Mazda 3 จึงได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทย

                ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เราได้มีโอกาสลองขับ All-New Mazda 3 แบบ Sneak Preview บนสนาม การทดสอบครั้งนั้นทำให้เรารู้จักตัวตนของรถรุ่นนี้ในหลายๆ ด้าน แต่นั้นก็ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมดเพราะยังมีอีกหลายด้านเหมือนกันที่ต้องพิสูจน์ว่าจะทำได้เพียงใด ในที่สุดทุกความสงสัยก็คลี่คลายลงเมื่อมาสด้า ประเทศไทย จัดทริปทดสอบ All-New Mazda 3 โดยพาเสื่อมวลชนล่องใต้ไปขับไกลถึง จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต เป็นที่รู้กันว่าเส้นทางแถบคือตัวชี้วัดสมรรถนะรถยนต์ชั้นดี เส้นทางมีทั้งทางราบ ขึ้น-ลงเขา พร้อมกับโค้งมากมายตามลักษณะทางภูมิประเทศของภาคใต้ โดยรวมแล้วได้ขับไกลถึง 250 กม. ซึ่งก็เพียงพอที่จะทำให้เราตกหลุมรักการขับขี่เจ้า All-New Mazda 3 เข้าอย่างจัง

สปอร์ตในทุกท่วงท่า

            ทริปนี้เราได้ลองขับตัวถังฟาสต์แบ็ค 5 ประตู รุ่นท็อป 2.0 SP SPORTS เริ่มต้นออกสตาร์ทจากโรงแรม Renaissance หาดไม้ขาว จ.ภูเก็ต ขับขึ้นไปยัง จ.พังงา เส้นทางส่วนใหญ่เป็น 2 เลนสวน มีโค้งเยอะ มีขึ้น-ลงเนินเป็นระยะ ทางตรงยาวไม่ค่อยมีให้ซัดมากนัก บางช่วยมีฝนโปรยลงมาเพิ่มความลื่นให้กับถนนอีก นี่คือบททดสอบที่เราต้องเผชิญ

                ขุมพลังของ All-New Mazda 3 คือเครื่องยนต์ SKYACTIV-G เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร 165 แรงม้าบล็อกเดิมแต่มีการปรับรายละเอียดชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ใหม่ทำให้มีแรงบิดเพิ่มขึ้นมา 3 นิวตันเมตร แรงม้าเท่าเดิม อัตราทดในระบบส่งกำลังต่างกันแค่นิดเดียว น้ำหนักรถมากขึ้น โดยรวมแล้วสมรรถนะยังคงใกล้เคียงกับโฉมก่อนหน้า

                เครื่องยนต์มีความสมูธนุ่มนวลดีมากทั้งรอบเดินเบาและรอบต่ำ เสียงเงียบ การขับคลานที่ความเร็วต่ำจึงให้ความรู้สึกไม่ต่างจากรถหรูราคาแพง เราเริ่มขับในโหมด Normal ก่อน ทันทีที่กดคันเร่งรถพุ่งทะยานออกตัวด้วยความกระฉับกระเฉง แรงดึงที่สัมผัสได้มีพอให้รู้สึกสนุก รอบเครื่องดีดขึ้นสูงก่อนจะตัดเข้าเกียร์ 2 อย่างนิ่มนวล หน้าปัดความเร็วค่อยๆ ไต่ขึ้น เพียงครู่เดียวก็ถึงความเร็ว 120 กม./ชม. แล้ว

                เราไม่ได้จับเวลา 0-100 กม./ชม. แต่จากความรู้สึก Mazda 3 ใหม่ไม่ได้อืดอาดแต่อย่างใด ถ้าเทียบกับ Civic 1.5 Turbo แล้ว รายนั้นจะได้เปรียบในเรื่องอัตราเร่งอยู่นิดหน่อย อย่างไรก็ตาม Mazda3 ใหม่ก็สามารถตอบสนองต่อการกดคันเร่งได้ฉับไว กดเป็นมา เหยียบติดเท่าดี

                เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดทำงานได้ดีในทุกย่านความเร็ว มีโหมดแมนวลมาให้เล่นเกียร์ด้วยตัวเองพร้อมกับแพดเดิลชิฟท์ที่พวงมาลัย จังหวะการเปลี่ยนเกียร์มีความฉับไวพอตัวและนุ่มนวล เกียร์มีความฉลาดเลือกตำแหน่งได้สัมพันธ์กับความเร็วที่ขับได้ดี ขณะขึ้นเนินถ้ารู้สึกว่ากำลังของรถเริ่มตกเกียร์จะชิฟท์ดาวน์ลงด้วยความรวดเร็วเพื่อเรียกกำลังแรงบิด อัตราทดในเกียร์ต่ำค่อนข้างชิดกันเพื่อความต่อเนื่องนุ่มนวลและจะค่อยๆ ห่างขึ้นเมื่ออยู่ในเกียร์สูง

                ลองคิ๊กดาวน์ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. เพื่อเร่งแซงรถช้าพบว่าต้องกดคันเร่งลงไปลึกพอสมควร กำลังที่ได้มีมากพอให้แซงโดยไม่ต้องลุ้น การตอบสนองต่อการเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเองค่อนข้างฉับไวทั้งการโยกที่คันเกียร์และตบแป้นแพดเดิลชิฟท์ หากคุณเล่นเกียร์แมนวลได้อย่างชำนาญแล้ว การขับลัดเลาะไปตามโค้งและขึ้น-ลงเนินจะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน

                ที่ความเร็วต่ำพวงมาลัยของ Mazda 3 ใหม่เบามากแต่ยังมีแรงขืนพร้อมดีดกลับแฝงอยู่ ระยะฟรีมีไม่เยอะทำให้การตอบสนองของพวงมาลัยนั้นค่อนข้างไว แม่นยำ และเป็นธรรมชาติ พอใช้ความเร็วสูงขึ้นพวงมาลัยจะหนืดขึ้น นิ่ง แน่น ขับแล้วรู้สึกมั่นใจ ระยะฟรีมีพอเหมาะ การหักเข้าโค้งหน้ารถตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติ คาดเดาอาการได้ง่าย คม และแม่นยำ นี่คือพวงมาลัยที่ขับแล้วรู้สึกชอบ มันเหมาะกับการขับลัดเลาะไปตามโค้งซ้าย-ขวา ขับช้าๆ ในเมืองอาจจะรู้สึกเฉยๆ แต่พอเอามาเล่นโค้งแล้วรู้สึกสนุกและมั่นใจขึ้นเยอะเลย

                ช่วงล่างของ Mazda 3 ใหม่ปรับเซ็ตมาเน้นอารมณ์สปอร์ตกว่ารุ่นก่อนหน้าชัดเจน เรามีความรู้สึกว่ามันหนึบขึ้น แน่นขึ้น เฟิร์มขึ้น แต่ไม่กระด้าง ที่ความเร็วต่ำช่วงล่างดูดซับแรงสะเทือนจากรอยปะ เส้นประ และร่องบนถนนได้ดี จังหวะตกหลุมและลงคอสะพานสะเทือนครั้งเดียวแล้วนิ่งเลย

                พอใช้ความเร็วสูง Mazda 3 ใหม่เคลื่อนที่ได้นิ่งสนิท ไม่โคลงส่าย จังหวะสาดโค้งด้วยความเร็วเป็นไปอย่างแนบเนียน รถเกาะถนนดีมาก อาการโยนมีน้อย ตัวถังรักษาสมดุลและการทรงตัวในโค้งได้ดี อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างสนุกและมั่นใจก็คือระบบ G-Vectoring Control PLUS แบบใหม่ จากเดิมที่ระบบ GVC จะควบคุมแค่กำลังเครื่องยนต์โดยการเพิ่ม/ลดแรงบิดสัมพันธ์ให้กับการหักเลี้ยว แต่ใน GVC PLUS นี้จะเพิ่มการเบรกหน้าซ้าย/ขวาเพื่อดึงหน้ารถให้เข้าทิศทางได้เร็วขึ้นด้วย

                ถ้าใครที่ชอบขับรถ เป็นนักขับสายบู๊ ถ้าได้มาลองเล่นโค้งด้วย Mazda 3 ใหม่ รับรองว่าคุณจะติดใจจนไม่อยากปล่อยมือจากพวงมาลัยเลยล่ะ แต่ถ้าคุณต้องการรถที่ขับนุ่ม ขับสบาย คุณอาจรู้สึกว่า Mazda 3 ใหม่กระด้างเกินไป ในกลุ่มรถ C-Segment มีตัวเลือกอื่นที่นุ่มกว่า

                แป้นเบรกของ Mazda 3 ใหม่มีระยะเหยียบที่ค่อนข้างตื้น คือไม่ต้องเหยียบลึกรถก็เริ่มหน่วงแล้ว แรงหน่วงที่เกิดขึ้นมีความนุ่มนวลไม่ทำให้หน้าทิ่มแน่นอน แรงต้านเท้าที่แป้นเบรกค่อนข้างเยอะเมื่อเทียบกับรถบ้านทั่วไป การตอบสนองของเบรกมีความเป็นธรรมชาติ ควบคุมกะระยะเบรกได้ง่าย เมื่อเบรกหนักก็สามารถหยุดยั้งความเร็วของรถได้อยู่หมัดโดยไม่เสียการควบคุม

                ตลอดเส้นทางการขับขี่เราประทับใจกับการป้องกันเสียงรอบกวนของ Mazda 3 ใหม่มาก เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้าแล้วมันดีขึ้นมากๆ เรียกได้ว่าเป็นมาตรฐานใหม่ของรถญี่ปุ่น C-Segment ได้เลย เสียงลม เสียงยาง เสียงช่วงล่าง ถูกป้องกันเอาไว้เป็นอย่างดี คุณต้องขับเกิน 110 กม./ชม. แล้วตั้งใจฟังถึงจะได้ยินเสียงลมที่เล็ดลอดเข้ามาตามซอกหน้าต่าง สำหรับยางติดรถ Yokohama Advan Decibel ก็น่าจะมีส่วนช่วยในเรื่องเสียงยางที่เบาลงด้วย

                เนื่องจากการขับทดสอบทริปนี้เราต้องการรู้สมรรถนะของรถให้ครบถึงกึ๋น ดังนั้นจึงไม่ได้ขับเพื่อเน้นดูอัตราสิ้นเปลืองเลย ตัวเลขที่แสดงออกมาบนหน้าปัดอยู่ที่ราว 14 กม./ลิตร เมื่อขับแบบปกติตามเส้นทางที่คดเคี้ยวสลับขึ้น-ลงเนิน เมื่อเจอทางราบให้ซัดตัวเลขก็หล่นลงมาเหลือ 12 กม./ลิตร แสดงให้เห็นว่าเครื่อง 2.0 ลิตรนี้ยังประหยัดพอตัวถ้าขับทางไกลแบบไม่บู๊มาก ถ้าบู๊หนักก็สูบหนักตามแรงม้า

                Mazda 3 ใหม่มาพร้อมกับระบบช่วยขับมากมาย ขณะขับขี่เราได้ลองใช้ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันตามรถคันหน้า MRCC การทำงานของมันถือว่าใช้ได้เลย เบรกและเร่งตามรถข้างหน้าได้นุ่มนวล อีกระบบที่ได้ลองคือระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในเลน LAS ถ้าหากเผลอขับเบี่ยงไปใกล้เส้นจราจร พวงมาลัยจะสั่นเตือนและช่วยรั้งไว้ไม่ให้รถออกนอกเลน แต่ทั้งสองระบบจะทำงานได้ดีในทางตรงยาวๆ มากกว่า

สุทรียภาพแห่งการขับขี่

                All-New Mazda 3 ทั้ง 2 รูปแบบตัวถังถูกกำหนดสไตล์ไว้อย่างชัดเจน ตัวซีดานจะให้ความหรูหราพรีเมี่ยม ตัวฟาสต์แบ็คจะให้ความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว เรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกไม่อยากจะแถลงมากนักเพราะด้วยยอดจองที่หลั่งไหลมาตั้งแต่วันเปิดตัวย่อมบอกได้ดีว่าทำไมลูกค้าชาวไทยถึงให้การตอบรับดีขนาดนี้ ทีเด็ดอยู่ที่ภายในห้องโดยสารต่างหาก

                ถ้าคุณติดตามอ่าน WHATCAR? บ่อยๆ คุณจะรู้ว่าภายในห้องโดยสารของบรรดารถยุโรปแบรนด์พรีเมี่ยมเป็นอย่างไร เรามองว่าห้องโดยสารของ Mazda 3 ใหม่มีบรรยากาศเทียบได้กับรถเหล่านั้นแล้วล่ะ ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียด ความประประณีต คุณภาพงานประกอบ รวมถึงวัสดุที่ล้วนมีคุณภาพสูง การออกแบบส่วนต่างๆ คำนึงถึงผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง เน้นรายละเอียดที่เรียบง่ายแต่ดูมีคุณค่า

                ตำแหน่งนั่งขับของ Mazda 3 ใหม่อยู่ค่อนข้างต่ำ การลุกเข้า/ออกจากประตูคู่หน้าไม่ต้องก้มหรือย่อตัวมากนัก เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทางพร้อมตัวดันหลังปรับไฟฟ้า มีระบบบันทึกตำแหน่ง 2 ตำแหน่ง ตัวเบาะถูกคิดค้นมาอย่างดีตามหลักสรีระศาสตร์เพื่อชวยมอบความสบายสูงสุด เมื่อลองนั่งแล้วก็รู้สึกว่ามันนั่งสบายจริง มีความนุ่ม โอบกระชับลำตัว ขับขี่นานๆ แล้วไม่เมื่อย

                ทัศนวิสัยการมองรอบคันค่อนข้างดี มุมองเห็นหน้ารถกว้าง เสา A เอนมาด้านหลังโดยไม่บดบังการมองมุมรถมากเกินไป กระจกมองข้างไม่ใหญ่มากแต่ยังมีมุมมองสะท้อนที่ดี มุมมองผ่านไหล่ไปกระจกหลังของตัวถังซีดานจะเคลียร์กว่าของตัวถังฟาสต์แบ็ค

                ความกว้างขวางของห้องโดยสารไม่ใช้จุดเด่นของมาสด้าอยู่แล้ว พื้นที่เบาะหน้ามีเพียงพอกับคนตัวสูง 180 ซม. แต่พื้นที่เบาะหลังรู้สึกได้เลยว่าแคบกว่าคู่แข่งร่วมเซกเมนต์ชัดเจน ถ้าคนตัวสูงมานั่งจะเหลือที่ว่างเหนือศีรษะและช่วงหัวเข่าไม่มากนัก นั่งนานแล้วอาจจะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว แต่เบาะก็ยังมีความนุ่ม พนักพิงเอนกำลังได้องศา การเข้า-ออกรถที่เบาะหลังก็ไม่ได้รู้สึกลำบากแต่อย่างใด

                มาสด้าให้ความสำคัญกับบรรยากาศภายในห้องโดยสารมาก เห็นได้จากการออกแบบแดชบอร์ดให้ดูโล่ง ดูน้อย แต่แฝงด้วยความพรีเมี่ยมจากวัสดุซอฟต์ทัช  หน้าจอกลางแบบลอยตัวขนาด 8.8 นิ้วตั้งอยู่ในระดับสายตา จอนี้แสดงภาพได้สวยงามคมชัด หน้าตาเมนูต่างๆ ดูง่ายแถมเป็นภาษาไทยด้วย ควบคุมการใช้งานผ่านปุ่มหมุน Center Commander  ที่คอนโซลกลางซึ่งถือว่าสะดวกมากเมื่อใช้งานขณะกำลังขับรถไปด้วย การตอบสนองของระบบสาระบันเทิงค่อนข้างลื่นไหล ฟังก์ชั่นใช้งานต่างๆ ครบครันตามสมัยนิยม รองรับการเชื่อมบลูทูธ Apple Carplay ทีเด็ดคือระบบเสียง Bose ลำโพง 12 ตำแหน่งที่ทุกคนพูดเหมือนกันว่าคุณภาพเสียงดีที่สุดในบรรดารถญี่ปุ่นที่วางขายในเมืองไทย การฟังเพลงโปรดระหว่างขับรถด้วยชุดเครื่องเสียงดีๆ ถือเป็นความสุขอีกอย่างหนึ่ง มันทำให้คุณเพลิดเพลิน ใจเย็นลง อุบัติเหตุก็อาจจะลดลงตามไปด้วยก็เป็นได้

                แผงหน้าปัดเป็นอีกจุดที่เราชื่นชอบ แม้ว่ามันจะไม่ค่อยมีสีสันสักเท่าไรแต่ดูๆ ไปแล้วลงตัว แผงหน้าปัดนี้เป็นแบบกึ่งดิจิตอล วงซ้ายวัดรอบ วงขวาวัดอุณหภูมิและระดับน้ำมันเชื้อเพลิง ตรงกลางเป็นจอสีขนาด 7 นิ้วที่บอกครบทุกสิ่งอย่างที่ผู้ขับอยากรู้ตั้งแต่ความเร็ว อัตราสิ้นเปลือง ไปจนถึงระบบช่วยขับ นอกจากนี้ยังมี HUD สะท้อนข้อมูลบนขึ้นกระจกหน้าผู้ขับขี่ทำให้ไม่ต้องละสายตาจากถนน

                พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ต 3 ก้านมีขนาดวงกำลังดี จับกระชับมือ ปรับระดับสูง-ต่ำและปรับเข้า-ออกได้ ขณะที่ตำแหน่งและขนาดของหัวเกียร์ก็ทำออกมาได้กระชับฝ่ามือ หน้าตาแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศดูทันสมัยและก็ใช้งานง่ายเช่นกัน แป้นเหยียบต่างๆ อยู่ในตำแหน่งที่สัมพันธ์กับเบาะนั่ง รายละเอียดทั้งหมดออกแบบโดยยึดหลักให้ผู้ขับเข้าถึงการควบคุมต่างๆ ได้ง่าย

สรุปความน่าใช้

                Mazda 3 ใหม่ก้าวกระโดดไปไกลกว่าเดิม องค์ประกอบทุกอย่างถูกออกแบบและคิดค้นมาเป็นอย่างดีตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอก ภายในห้องโดยสาร รวมถึงออปชั่นและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ให้มาครบครัน เรียกได้ว่าเป็นการทำลายมาตรฐานเดิมและกำหนดมาตรฐานใหม่ของรถ C-Segment ราคาล้านต้นๆ ก็ว่าได้

                เราได้ลองขับ Mazda 3 ใหม่ทั้งในสนามและถนนมาแล้ว สิ่งที่สัมผัสได้คือฟีลลิ่งการขับขี่แบบสปอร์ต รุ่นก่อนหน้าทำไว้ดีแล้ว รุ่นใหม่นี้ปรับให้ดียิ่งกว่า จุดอ่อนที่เจอในรุ่นก่อนอย่างเรื่องเสียงรบกวนถูกแก้ไขใหม่จนไม่มีที่ให้ติ เครื่องยนต์เดิมที่ปรับปรุงใหม่ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้า แต่สิ่งที่ดีขึ้นคือแฮนด์ลิ่งของรถ Mazda 3 ใหม่ จึงเหมาะสำหรับคนที่ชอบการขับขี่ ชอบรถที่ขับสนุก มีสมรรถนะดี การควบคุมดี ช่วงล่างที่ดี ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้แล้วคิดว่าใช่ตัวเองก็จัดเลย

                อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดเดิมๆ ของรถมาสด้าอย่างเรื่องของพื้นที่ภายในก็ยังไม่ได้ถูกปรับปรุงอะไรมาก นี่อาจจะเป็นแนวทางของค่ายที่เน้นทำรถทรงประสิทธิภาพมากกว่าทำรถที่กว้างขวางและสะดวกสบาย และถ้าคุณต้องการรถที่นุ่มละก็ Mazda 3 ใหม่อาจไม่ใช่คำตอบ มันชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งแฟนคลับตัวจริงก็เข้าใจและรับได้ สำหรับเราแล้ว Mazda 3 ใหม่ตรงสเปกตั้งแต่แรกเห็น ยิ่งได้ขับก็ยิ่งตกหลุมรัก ราคาค่าตัว 1.198 ล้านบาทกับสิ่งที่ได้รับมันคุ้มค่า แล้วสเปกของคุณล่ะ ใช่ Mazda 3 รึเปล่า  

ขอขอบคุณ มาสด้า ประเทศไทย สำหรับกิจกรรมทดสอบในครั้งนี้

ดูรายละเอียดสเปก All-New Mazda 3 ที่นี่ http://bit.ly/30xL4wx

Gallery

Exit mobile version