หลังจากแยกตัวออกมาเป็นแบรนด์ใหม่ภายใต้ชายคา Volvo, Polestar ที่มุ่งเน้นพัฒนารถยนต์สมรรถนะสูงขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าก็ปล่อยของให้แฟนๆ ได้ชื่นชมเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่รถคูเป้รุ่นแรก Polestar 1 จนถึงล่าสุดกับรถต้นแบบสุดล้ำ Polestar Precept
เจ้า Polestar Precept เผยโฉมอย่างยิ่งใหญ่ที่งานเจนีวา มอเตอร์โชว์ ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มันคือรถยนต์ที่บ่งบอกถึงอนาคตของแบรนด์ Polestar ที่จะมุ่งเน้นสร้างสรรค์ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงเปิดเผยแนวทางการออกแบบของรถยนต์รุ่นใหม่ที่จะมีทั้งความอเนกประสงค์ สง่างาม และมาพร้อมสรรถนะในระดับสูง
ดีไซน์ของ Polestar ยุคใหม่จะขับเคลื่อนด้วยความทันสมัยแห่งเทคโนโลยีควบคู่ไปกับวัสดุและการออกแบบสไตล์มินิมอล ก่อให้เกิด Design language ใหม่ที่มีความหรูหรา เป็นอิสระจากข้อจำกัดของรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน
หน้ารถจากที่เคยเป็นกระจังและช่องรับอากาศ ถูกแทนที่ด้วย smart zone หรือพื้นที่เรียบว่างเปล่า ข้างใต้บรรจุเทคโนโลยีล้ำสมัยเอาไว้ ได้แก่ เรดาร์ระยะกลางและระยะไกล เซ็นเซอร์อัลตร้าโซนิค และกล้องความละเอียดสูงพร้อมเลนส์มุมกว้าง บนหลังคาจะมีกล่องสำหรับอุปกรณ์ LIDAR สำหรับความสามารถในการขับขี่อัตโนมัติ
การไหลเวียนของอากาศยังคงเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นบนฝากระโปรงหน้าจะมาพร้อมกับส่วนนูนที่ช่วยการไหลเวียนอากาศและลดลมหมุนเหนือพื้นที่หน้ารถ ช่องอากาศหลังล้อหน้าในให้อากาศไหลออกจากซุ้มล้อได้เร็วขึ้นและยังช่วยสร้างการไหลของอากาศข้องตัวให้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ช่องอากาศนี้มีที่ล้อหลังด้วยเช่นกัน มันช่วยระบายความร้อนของเบรกและช่วยลดแรงดันอากาศ ทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มแอโรไดนามิกของตัวรถ และสำคัญที่สุดเลยก็คือเพิ่มระยะทางขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า
รูปลักษณ์ภายนอกของ Precept จะมีความต่างกันระหว่างพื้นผิวมันวาวกับพื้นผิ้วด้านโดยไม่มีการใช้โครเมี่ยมมาเป็นส่วนประกอบ สัญลักษณ์ของแบรนด์ Polestar อย่างไฟหน้าทรงค้อนเทพเจ้าธอร์ก็ถูกออกแบบอย่างลงตัวและถูกตั้งให้เป็นดั่งศูนย์กลางตัวตนของแบรนด์
ห้องโดยสารของ Precept สะท้อนภาพแห่งอนาคตและความยั่งยืน นอกจากวัสดุหรูหราพวกโครเมี่ยม หนัง และไม้แล้ว ก็ยังมีการใช้วัสดุผสมจากธรรมชาติในหลายๆ จุด นอกจากนี้ ฐานล้อที่ยาวและหลังคาที่ลาดลงท้ายรถยังช่วยเพิ่มพื้นที่ห้องโดยสารรวมถึงพื้นที่สำหรับวางแบตเตอรี่โดยเฉพาะพื้นที่เบาะหลัง
วัสดุผสมจากธรรมชาติที่ใช้ตกแต่งในห้องโดยสารสามารถลดการใช้พลาสติกลงได้ถึง 80% ลดน้ำหนักวัสดุตกแต่งลง 50% รวมถึงลดการสั่นสะเทือนได้สูงสุด 250% นอกจากนี้ วัสดุหุ้มเบาะยังเป็นวัสดุรีไซเคิลจากขวดพลาสติก PET 100% ที่ผลิตออกมาตามขนาดที่กำหนดโดยไม่ให้เหลือเศษวัสดุทิ้งไว้ ขณะที่พรมในห้องโดยสารก็เป็นวัสดุ ECONYL ซึ่งเป็นผ้าที่ทอจากไนล่อนที่รีไซเคิลมาจากอวนหาปลา ปีกเบาะและพนักพิงศีรษะก็ทำจากวัสดุรีไซเคิลจากอุตสาหกรรมไวน์
นอกจากจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว Precept ยังมาพร้อมกับระบบสาระบันเทิงอันทันสมัยที่รันด้วยระบบปฏิบัติการ Android แสดงผลผ่านหน้าจอแนวตั้งขนาด 15 นิ้ว ติดตั้งตำแหน่งที่ผู้ขับเข้าถึงได้ง่าย ระบบนี้รวมฟีเจอร์เด่นๆ อย่างเช่น Google Assistant และบริการวีดีโอตรีมมิ่ง หน้าจอแยกสำหรับผู้ขับขี่ขนาด 9 นิ้ว สามารถตรวจจับดวงตาและปรับการแสดงข้อมูลให้เหมาะสมกับการใช้งาน ตัวอย่างเช่น ปรับให้ข้อมูลมีรายละเอียดเยอะแต่ตัวอักษรเล็กในขณะที่ผู้ขับกำลังจ้องมองหน้าจอ หรือปรับให้มีเฉพาะข้อมูลสำคัญและมีตัวอักษรขนาดใหญ่ในขณะที่กำลังขับรถ
ผู้ผลิตรถยนต์หลายแบรนด์กำลังมุ่งมั่นกับการเข้าสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้า แต่ Polestar ก้าวข้ามไปอีกขั้นเมื่อรถยนต์ต้นแบบของพวกเขาผนวกแนวคิดเพื่อความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมเพิ่มเข้ามาด้วย ซึ่งนอกจากจะส่งมอบความหรูหรา ความไฮเทค และสมรรถนะการขับขี่ชั้นเยี่ยมแล้ว สิ่งนี้จะทำให้แบรนด์ Polestar ถูกจดจำในฐานะผู้นำแห่งแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ
Gallery