Taste of Ton
เหตุผลโดนใจทำไมต้องใช้รถคันนี้ ด้วยเหตุใด “ต้น นุวีร์ เลิศบรรณพงษ์” บุรุษผู้คร่ำหวอดในวงการโฆษณาและการตลาดแบบโมเดิร์น ถึงมอบใจให้กับรถอย่าง Mercedes-benz E-Class Coupe คันนี้ โดยเรามาดูกันว่า ด้วยหลักคิดอันใดที่ทำให้เขาผู้นี้เลือกและใช้มันอยู่ข้างกายมาจวบถึงปัจจุบัน
การมองดูต้นไม้ที่ยืนต้นแห้งเหี่ยวเฉา บางทีรูปลักษณ์อาจดูไม่งดงามน่าชื่นตานัก แต่หากแกะเปลือกเปลื้องดูเนื้อในสิ่งที่เป็นจริงแล้ว บางทีต้นไม้ที่มีเปลือกหรือกิ่งก้านงดงาม แก่นไม้ภายในอาจผุกร่อนหรือมีแค่สิ่งห่อหุ้มอยู่เท่านั้น ที่ว่าเช่นนี้มันก็เปรียบดังกับคน ที่หากแม้นว่ามองกันที่การแต่งกายหรือหัวโขนที่สวมอยู่ เราอาจคิดหรือระบุลักษณะทางกายและใจของคนๆ ไปเสียแล้ว บางครั้งถ้าเราลองคุย ลองสัมผัส ลองค้นหาตัวตนที่แท้จริงก็อาจจะได้รับรู้สึกแก่นแท้เบื้องลึกของคนผู้นั้นก็เป็นได้
“ผมเป็นคนชอบอะไรสบายๆ แต่ต้องมีรสนิยม โดยถึงจะเรียบง่ายแต่ของชิ้นนั้นก็ต้องมีคุณภาพ แล้วที่สำคัญเลยคือผมไม่นิยมโชว์ออฟ ซึ่งผมเพียงอยากเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น” จากคำพูดข้างต้นหลายคนคงไม่คิดว่า บุคคลผู้มากไปด้วยชื่อเสียงในวงการโฆษณาหรือการตลาดยุคปัจจุบัน อย่าง “ต้น นุวีร์ เลิศบรรณพงษ์” ผู้ดำรงตำแหน่ง Head of Invention บริษัท มายด์แชร์ ประเทศไทย จำกัด ถึงมีแนวคิดในการดำเนินชีวิตที่น่าสนใจเช่นนี้
อย่างไรก็ดี เขายังนิยมสวมบทเป็นนักผจญภัย ซึ่งก้าวย่ำไปบนเส้นแนวสายใหม่ที่ใจมุ่งนำทาง มิใช่แค่เพียงเปิดรับสิ่งใหม่เพื่อดลบันดารไอเดียในหัวให้บรรเจิด หากแต่ยังได้เก็บสิ่งละอันพันละน้อยเหล่านั้น กลับมาถ่ายทอดให้กับผู้อยู่เบื้องหลังได้ประโยชน์อีกด้วย เขากล่าวว่า “ทุกครั้งที่เดินทางผมจะได้อะไรใหม่กลับมาเสมอ ซึ่งเมื่อได้ความรู้เหล่านั้นผมก็จะกลับมาแบ่งปัน โดยเขียนลงหนังสือให้คนทั่วไปได้ซึมซับ แล้วยังมอบให้กับนักศึกษาที่ผมสอนอยู่ เพราะนอกจากเราจะได้ความรู้แล้ว คนทั่วไปรวมถึงเด็กๆ ก็ยังได้ประสบการณ์เหมือนกับที่เราได้พบเจอมา”
หากว่ากันแล้วเขาผู้ซึ่งนิยมชมชอบการเดินทาง คงต้องมีหลักเกณฑ์ในการเลือกอาชาคู่ใจสักคันที่ไม่เหมือนคนอื่นแน่ๆ เรามาดูว่าเขาจะเลือกรถอะไรมาไว้ในครอบครอง “สมัยผมวัยรุ่นคันแรกที่ขับเป็นรถของคุณพ่อคือเจ้า Peugeot 504 จากนั้นก็เป็นรถยอดฮิตอย่าง Volkswagen Beetle หรือโฟล์คเต่าปีเก่าๆ ซึ่งสมัยนั้นนี่ใครมีไว้ในครอบครองนับว่าเท่ห์ไม่หยอกเลยครับ ส่วนคันต่อมาเป็น Merc E-Class W124 แล้วหลังจากนั้นก็เป็น Mercedes-Benz มาตลอดเลย”
“แล้วกับคันล่าสุดนี่ผมมองที่ดีไซน์ก่อนเลยครับ จึงหันมาเลือก Merc E-Class Coupe รุ่น E200 AMG ซึ่งคันนี้พิเศษมากเพราะผมสั่งมาจากโรงงาน AMG โดยตรง ซึ่งตอนที่ตัดสินใจซื้อมาผมไม่ได้ลองขับก่อนเลยนะ เรียกว่าดีไซน์โดนใจก็เอาเลยครับ”
สมรรถนะเครื่องยนต์
“ใน E200 ที่ผมใช้อยู่มันมีเครื่องขนาดไม่ใหญ่แต่ก็ให้พละกำลังที่เร่งทันใจ ซึ่งขุมพลังบล็อกนี้มันเหมาะกับการใช้งานในเมือง เพราะด้วยความจุที่ไม่ถึง 2,000 ซีซี แต่กลับให้แรงม้าที่มากถึง 184 แรงม้า นี่ก็ช่วยให้การขับในเมืองที่มีรถติดบ่อยอย่างกรุงเทพฯ ทำประหยัดได้มากกว่าเครื่องขนาดใหญ่ แล้วขณะที่เอาขับออกไปต่างจังหวัดตอนกำลังเร่งแซงก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเลย”
การขับขี่และควบคุมรถยนต์
“พวงมาลัยให้ความรู้สึกกำลังดีพอสำหรับการขับขี่ของผม จะติดอยู่บ้างตรงที่การเข้าโค้งครับ เพราะช่วงล่างจากโรงงานที่ให้มายังมีการโคลงตัวของรถค่อนข้างชัดเจน เรียกว่ามันเซ็ทอัพมาให้ออกแนวนุ่มนวลเพื่อการขับขี่ภายในเมืองเป็นหลัก คือเรียกได้เลยว่ารถคันนี้ไม่ค่อยเหมาะกับการขับด้วยความเร็วสูงเท่าไหร่ครับ”
เบื้องหลังพวงมาลัย
“กับเบื้องหลังพวงมาลัยนี่ผมสัมผัสได้ชัดเจนเลยว่า หลังคามันค่อนข้างใกล้กับศีรษะของผมไปสักหน่อย โดยส่วนอื่นอย่างเช่น เสาโครงกระจกคู่หน้าหรือกระจกมองข้างรวมถึงทัศนวิสัยด้านหลัง E200 Coupe คันนี้ก็ไม่ได้คับ
แคบอย่างที่คนอื่นบอกต่อกันมา ซึ่งต้องบอกก่อนว่านี่คือความรู้สึกส่วนตัวของผมที่มีต่อรถคันนี้”
“จริงๆ แล้วรถประเภทนี้มันย่อมต้องออกแบบเพื่อความสวยงาม รวมถึงเน้นหลักอาการพลศาสตร์ให้มากที่สุด ซึ่งจะทำให้ทัศนวิสัยโดยรวมตามจุดต่างๆ อาจด้อยกว่าหรือเท่ากับรถยนต์ประเภทอื่น”
ความสุนทรีย์ในการขับ
“จากที่ใช้มาก็เรียกได้ว่า Mercedes-Benz นี่จัดการเรื่องความสุนทรีย์ได้โอเคเลยครับ เนื่องจากผมสัมผัสได้ว่าเสียงลมเสียงถนนที่เข้ามามีน้อยเมื่อวิ่งด้วยความเร็วเดินทาง โดยเอาเข้าจริงแล้วมันจะเริ่มดังอย่างมากช่วงหลัง 160 กม./ชม.ขึ้นไป ซึ่งความเร็วในระดับนั้นชีวิตจริงคงไม่มีใครได้ใช้บ่อยๆ แน่”
ระบบสาระบันเทิงและอุปกรณ์ต่างๆ
“E200 คันนี้มอบอุปกรณ์มาให้จำนวนมากตามประสาของรถระดับนี้ อาทิ กล้องมองหลัง ระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็ม โดยเฉพาะกับระบบสาระบันเทิง ยังมอบเครื่องเสียงคุณภาพเยี่ยมมาให้โดยที่ผมไม่ต้องไปอัพเกรดอะไรเพิ่ม ซึ่งแนวเพลงที่ฟังก็ได้ทุกแนวนะ แต่ก็ชอบอะไรที่มันนุ่มๆ ไม่ต้องเครียดอะไรมาก ประมาณ pop, jazz หรือเพลงไทยก็ได้ครับ”
คุณภาพและความน่าเชื่อถือ
“เนื่องจากรถคันนี้ผมให้เกรย์มาร์เก็ตสั่งตรงมาจากโรงงาน AMG คุณภาพการประกอบรวมถึงอุปกรณ์ภายในจึงมีความประณีตสูง คือมันละเอียดกว่ารถที่ประกอบในไทย ซึ่ง E200 ที่ใช้อยู่มันได้รับประกาศนียบัตรมาจากโรงงานประกอบด้วย เรียกว่าเอาไว้การันตีคุณภาพได้อย่างเต็มอกเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ผมยังกังวลกับเรื่องชิ้นส่วนเครื่องยนต์อยู่บ้าง เพราะล่าสุดเพิ่งเปลี่ยนหม้อน้ำไป ซึ่งผมคิดว่าที่มันเสียง่ายก็เนื่องจากรถที่ใช้เป็นสเป็กเมืองหนาว”
พื้นที่และประโยชน์ใช้สอย
“โดยปกติผมเป็นคนที่ไม่ชอบเอาสิ่งของยัดใส่ในรถมากนัก อย่างมากก็ใส่พวกรองเท้า เสื้อสูท แจ็คเก็ตบ้างเวลาไปประชุมกับลูกค้าอะไรอย่างนี้อ่ะครับ ขณะเดียวกันข้อดีของ E-Class Coupe ก็คือ พื้นที่นั่งด้านหลังสามารถใช้งานได้จริง แต่นั่งได้จริงในที่นี้หมายถึงเวลาฉุกเฉิน แบบที่พาคุณพ่อคุณแม่ไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ซึ่งถ้าเหลือเจ้านี่คันเดียวมันก็ช่วยชีวิตได้อยู่เหมือนกัน”
การซื้อและการเป็นเจ้าของ
“E200 Coupe คันนี้ผมได้มาในราคา 4.2 ล้านบาท คือถ้าผมไม่ได้ซื้อรุ่นที่ผลิตมาจากโรงงาน AMG มันจะมีราคาถูกกว่านี้ โดยเกรย์มาร์เก็ตที่สั่ง E200 Coupe AMG เข้ามาจะมีอยู่ 2 แบบครับ คืออย่างที่เอารถเปล่าเข้ามาแล้วค่อยติดตั้งชุดแต่งทีหลัง กับแบบที่สั่งแบบประกอบสำเร็จมาจากโรงงานทั้งคันครับ”
“ปกติแล้วผมนำรถเข้าตรวจสภาพกับศูนย์บริการของเกรย์มาร์เก็ตครบทุกระยะครับ โดยปัญหาที่เจอก็คือหม้อน้ำเสีย แต่ทางศูนย์ก็ได้เปลี่ยนให้ฟรีเนื่องจากอยู่ในระยะรับประกัน 2 หรือ 5 หมื่นกิโลเมตร ขณะที่ค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำมันผมจะจ่ายไปสัปดาห์หนึ่งประมาณ 2,000 บาท ที่เห็นจ่ายเยอะก็เพราะว่าผมใช้ในเมืองแบบเจอรถติดตลอด ซึ่งมันจะกินน้ำมันเมื่อเจอรถติดในเมืองประมาน 7-8 กิโลเมตรต่อลิตร ส่วนวิ่งนอกเมืองจะได้ 10 กิโลเมตรต่อลิตรขึ้นไป
นอกจากนี้ น้ำมันที่เลือกเติมประจำเลยก็คือแก๊สโซฮอล์ 95 ครับ”
OWNER’S POINT
สมรรถนะเครื่องยนต์ | 4/5 | |
การขับขี่และควบคุมรถยนต์ | 4/5 | |
เบื้องหลังพวงมาลัย | 4/5 | |
ระบบสาระบันเทิง | 3/5 | |
คุณภาพและความน่าเชื่อถือ | 5/5 | |
อุปกรณ์ | 4/5 | |
ความปลอดภัยและระบบกันขโมย | 4/5 | |
ความสุนทรีย์ในการขับขี่ | 4/5 | |
พื้นที่และการใช้งานจริง | 4/5 | |
การซื้อและการเป็นเจ้าของรถยนต์ | 4/5 | |
ภาพรวมของรถ | 4/5 |
Mild Share | |
“ขอฝากคอลัมน์ที่ผมเขียนประจำอย่าง Letter from New York ซึ่งอยู่ในนิตยสาร Brandage ที่ออกเป็นประจำทุกเดือนครับ โดยในคอลัมน์เป็นการอัพเดทข้อมูลของไอเดียต่างๆ เกี่ยวกับมาร์เก็ตติ้งแนวใหม่ล่าสุดจากนิวยอร์ก มหานครที่เต็มไปด้วยจุดเริ่มต้นของไอเดียสดใหม่จำนวนมาก” |