Owner’s Favourite คุณ ‘กวาง’ ศิริศิลป์ โชติวิจิตร

เหตุผลโดนใจ ทำไมต้องใช้รถคันนี้ !!! เมื่อหนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆ อย่างคุณกวางศิริศิลป์ โชติวิจิตร นักร้องเสียงเท่แห่งวง AB Normal ต้องใช้รถสปอร์ตคันหรูเป็นยานพาหนะคู่ใจสำหรับการเดินทางในชีวิตประจำวัน อะไรคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Lotus Elise R เป็นรถยนต์ที่ผู้ชายคนนี้ถูกใจและใช่เลย

OWNER’S PROFILE
คุณศิริศิลป์ โชติวิจิตร
อายุ32 ปี
อาชีพศิลปิน (นักร้องวง AB Normal)
รถยนต์ที่ใช้Lotus Elise R

ในวันที่โลกเดินวนรอบตามเส้นทางโคจรแห่งวงเวียนของเศรษฐกิจ ทุกชีวิตที่เป็นประชากรบนพื้นที่กลมโตกว้างใหญ่เช่นนี้จำเป็นต้องเก็บหอมรอมริบเพื่อเดินหน้าทำตามความฝันกับความหวังที่แต่ละคนยึดมั่น อีกทั้งปรารถนา

และบนเส้นทางที่ใช้สัญจรกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน โดยเฉพาะในวันที่ไม่มีอะไรเป็นดั่งใจไปเสียทุกอย่างด้วยพิษสงของเงินทองที่ขัดสนรุมเร้า การได้เห็นรถสปอร์ตระดับหรูสักคันหนึ่งบนลู่วิ่งที่เป็นหนทางของแต่ละคน คงไม่ได้มีให้มองกันได้บ่อยครั้งเท่าไหร่นัก

ทั้งหมดนี้มันคลับคล้ายกับว่า เมื่อยนตรกรรมระดับเท่แล่นผ่าน และสายตาของทุกคนก็ต่างรุมจ้องจับจองไปที่มัน ด้วยเส้นสายและการดีไซน์ของตัวรถที่สะดุดตา รวมไปถึงเครื่องยนต์ซึ่งส่งเสียงคำรามดังสนั่น มันก็คงไม่ต่างอะไรกับประกายเจิดจ้าที่เหมือนวัตถุการันตีความสำเร็จสำหรับผู้ที่ขับขี่เป็นเจ้าของเลย

ที่ว่ามานี้เพียงอยากจะบอกกล่าวว่า ในโลกที่เป็นอยู่เช่นนี้ก็มีชายคนหนึ่งที่ใช้รถยนต์ประเภทดังกล่าวอยู่เป็นนิจ ทั้งขับขี่ไปทำงาน ทั้งไปเที่ยวกับเพื่อนฝูง ครอบครัว รวมไปถึงคนที่รัก หรือกระทั่งเอาไว้ลงสนามแข่ง ทว่าถึงอย่างนั้น กว่าจะได้ครอบครองประกายเจิดจ้าสักหนึ่งคัน เขาไม่ได้เป็นเจ้าของมันเพราะบุญเก่าอย่างเช่นบ้านร่ำรวยมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกแต่อย่างใด หากทว่านี่คือรางวัลแห่งความบากบั่น มุ่งมั่นกับสิ่งที่ฝัน และใส่ใจในทุกรายละเอียดให้แก่สิ่งที่ตั้งหวังเอาไว้นั่นเอง

คุณศิริศิลป์ โชติวิจิตร หรือ ‘กวาง AB Normal’ คือชายคนหนึ่งคนนั้นที่เรากำลังพูดถึง ทว่านอกจากเรื่องราวของนักร้องเจ้าเสน่ห์แล้ว เรื่องของวัตถุการันตีความสำเร็จอย่างเจ้า Lotus Elise R รถยนต์ในสไตล์ Roadster จากประเทศอังกฤษ ซึ่งหนุ่มหล่อขวัญใจสาวๆ ใช้อยู่เป็นประจำ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ระหว่างเราจะมีการสนทนากันด้วย

“กว่าจะมาเป็นเจ้ารถสปอร์ตคันนี้เนี่ย เริ่มแรกเลย คันแรกที่จับในชีวิตก็คือ Toyota Camry ซึ่งเป็นรถยนต์ของคุณพ่อ” หนุ่มกวางเริ่มรำลึกถึงความหลัง

“ตอนนั้นเรียนอยู่ประมาณ ม.5-6 ก็ยืมเอาไปขับบ้าง แอบเอาไปขับบ้าง ด้วยความที่อยากขับขี่โชว์เพื่อนตามประสา ก็เลยลงทุนตื่นตั้งแต่ตี 5 เพื่อเอารถออกไปขับ แล้ว 7 โมงก็นำกลับเข้ามาจอดที่เดิม” 

“ตอนนั้นคุณพ่อก็ดูเหมือนจะไม่ว่าอะไรนะ อาจเพราะอายุก็ควรที่จะต้องเรียนรู้เรื่องนี้ได้แล้วด้วย ถึงอย่างนั้น มันก็มีครั้งหนึ่งที่ดันขับไปพลาดชนกับเสาในที่จอดรถ จนทำให้เกิดรอยชัดเจน คุณพ่อก็เอ็ดซะว่า ไม่ต้องมาขับรถเลยนะ ด้วยเหตุนี้กับคันแรกก็เลยจบ”

“พอมาคันที่สอง คันนี้คุณพ่อซื้อให้ตอนเรียนจบมัธยมปลาย คุณพ่อบอกให้เราเลือกรถที่ต้องการเอง ซึ่งก็เพราะจะซื้อรถคันนี้นี่แหละ จึงได้เริ่มต้นศึกษาเรื่องรถยนต์ด้วยตัวเองเป็นครั้งแรก ทั้งจากหนังสือ รวมไปถึงอินเทอร์เน็ต มันก็เลยซึมซับและมาจบที่ Alfa Romeo 156 ซึ่งเป็นรุ่นแรกที่ผลิตในประเทศไทยด้วย”

ทั้งนี้ เหตุผลสำคัญที่เลือกคันนี้ก็เพราะชอบที่หน้าตา ซึ่งด้วยความที่เป็นคนรักงานศิลปะและเป็นดีไซเนอร์อีกต่างหาก จึงเลือกรถโดยให้ความสำคัญกับการออกแบบเป็นหลัก

อย่างไรก็ดี รถยนต์ที่ใช้ถัดจากนั้น ก็ถือเป็นรถคันที่ซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองครั้งแรก ซึ่งคันนี้ซื้อตอนหลังจากออกอัลบั้มแรกแล้ว นั่นคือ BMW Z4 

“อันที่จริง ผมตั้งใจไว้ตั้งแต่พอออกอัลบั้มแล้วล่ะว่าจะซื้อรถสปอร์ตหนึ่งคัน เพราะว่าอยากได้มาตั้งแต่เด็ก ขณะเดียวกัน คุณพ่อก็เคยพูดด้วยว่า ไม่มีวันจะซื้อรถสปอร์ตให้ เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความเร็ว และด้วยเหตุนี้นี่เอง จึงใช้เวลาเก็บเงินอยู่สักพักใหญ่ๆ ก่อนจะได้เป้าหมายนี้มาครอบครอง”

ที่นี้มาถึงคันล่าสุดกับเจ้า Lotus Elise R “ตอนแรกก็ไม่ได้จะซื้อมาใช้หรอก แต่บังเอิญว่าได้ไปทำเว็บไซต์ให้กับเพื่อนที่ทำงานเกี่ยวกับรถยนต์นำเข้า จึงได้มาเห็นรถยนต์คันนี้ แล้วรู้สึกสะดุดตากับรูปลักษณ์ที่แปลก จากนั้นเพื่อนก็เลยเอามาให้ลองขับดู ก่อนที่จะรู้สึกสนุก และสุดท้ายก็โดนจนได้”

อย่างที่ทราบกันดี รถสปอร์ตนั้น รวดเร็ว หรูหรา และเป็นที่สนใจของใครหลายคน ถึงอย่างนั้น การใช้งานรถยนต์ประเภทนี้ในทุกวันก็ออกจะน่าแปลกใจอยู่สักหน่อย เนื่องจากการออกแบบหลายๆ อย่าง มันไม่ค่อยจะรองรับกับการใช้งานตามท้องถนนปกติเท่าไหร่นัก

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่หนุ่มกวางยืนยันกับเราว่าเจ้า Lotus Elise R คือรถยนต์ที่ใช้ในทุกวันจริงๆ ต่อไปนี้นี่คือเหตุผลโดนใจทั้งหมด ทำไมมันจึงได้กลายมาเป็นยานพาหนะคู่ใจที่ทำให้นักร้องนำวง AB Normal ถูกใจและใช่เลย!!!

สมรรถนะเครื่องยนต์

“Lotus Elise R ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็ก ดังนั้นนี่จึงอาจจะไม่ใช่จุดเด่นของมัน ถึงอย่างนั้น ความโดดเด่นของรถยนต์คันนี้ก็คือ น้ำหนักที่เบา เพราะว่าใช้ไฟเบอร์ทั้งคัน โดยยานพาหนะคู่ใจของผมเมื่อรวมทั้งหมดแล้วจะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 800 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งส่งผลทำให้มันสามารถวิ่งสู้กับซูเปอร์คาร์เครื่องยนต์ 6 สูบ หรือ 8 สูบ เมื่อวิ่งอยู่ในสนามแข่งได้อย่างไม่มีปัญหา

นอกจากนี้ เจ้าอิงลิชคาร์คันนี้ก็ให้รอบที่จัดด้วย ซึ่งโดยปกติจะวิ่งอยู่ที่ประมาณ 5,000-6,000 ต่อนาที ขณะที่หากวิ่งในสนามแข่ง รอบเต็มๆ ก็จะไต่ขึ้นไปถึง 8,200 รอบต่อนาทีเลยทีเดียว ส่วนเรื่องของเกียร์นั้นถือว่าทำได้ดีและไม่เคยมีปัญหาตลอดเวลาที่ใช้งานมาแต่อย่างใด

ทั้งนี้ เจ้า Lotus Elise R เนี่ย ผมเคยนำมันลงสนามจับเวลากับเพื่อนๆ ด้วย อย่างเช่น ครั้งหนึ่งผมเคยพามันไปวิ่งที่สนาม Thailand Circuit ซึ่งในระยะทางกิโลเมตรกว่าๆ ต่อรอบ มันก็สามารถทำเวลาได้อยู่ประมาณ 40-47 วินาที”

การขับขี่และควบคุมรถยนต์

“ถ้าพูดถึงสมดุลของรถยนต์แล้ว เจ้า Lotus Elise R เนี่ย นับว่าเหมาะสมสำหรับคนที่ชอบแก้อาการรถเวลาเข้าโค้งแรงๆ อย่างไรก็ตาม กับยานพาหนะคันนี้เนี่ย คุณอาจจะต้องระวังอยู่สักหน่อย เนื่องจากมันเป็นรถที่ท้ายไวมาก โดยด้านท้ายอาจจะมีการปัดหรือสะบัดให้เห็น เนื่องจากมันเป็นรถยนต์ที่วางเครื่องเอาไว้ด้านหลัง ดังนั้นน้ำหนักจะไปลงตรงส่วนท้ายซะเยอะ

นอกจากนี้ หากคุณคิดจะซื้อรถคันนี้ไว้ครอบครอง คุณก็ควรจะเปลี่ยนยางด้วย เพราะว่ายางที่มากับรถทีแรกจะเป็นยางที่เจอพื้นเปียกไม่ได้ ทำให้รถยนต์จะมีอาการหมุน ซึ่งผมเคยขับขี่ในความเร็วไม่ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วแสดงอาการดังกล่าวออกมาให้เห็น

ขณะที่เรื่องของพวงมาลัย แม้มันจะมีน้ำหนักที่มาก แต่ถ้าขับขี่ในสนามแข่ง หรือว่าวิ่งในความเร็วที่สูง มันจะตอบสนองได้ดี อีกทั้งยังทำให้เรารู้สึกได้ถึงล้อที่บดอยู่กับพื้นถนนด้วย ซึ่งเป็นอารมณ์แบบสปอร์ตสุดๆ”

ความสุนทรีย์ในการขับขี่

“กับรถสปอร์ตเนี่ย มันมีเสียงถนนกับเสียงลมหลุดรอดเข้ามาชัดเจนทีเดียว นอกจากนี้เสียงเครื่องยนต์ก็กระหึ่มอยู่แล้วตามธรรมดาของรถยนต์ประเภทนี้

ขณะเดียวกัน ถ้ามีฝนตก น้ำก็จะมีซึมเข้ามาบ้าง เนื่องจากหลังคาผ้าใบของรถใช้ระบบถอดเก็บด้วยมือ ซึ่งก็ส่งผลให้มันเกิดช่องว่างในการหลุดรอดเข้ามาของน้ำนั่นเอง

ทั้งนี้ เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ผมว่า ถ้าคะแนนเต็ม 10 ผมคงจะให้อยู่ที่ 3-4 ก็แล้วกัน”

เบื้องหลังพวงมาลัย

“ตำแหน่งของเบาะนั่งจัดว่าอยู่ในระดับต่ำ เรียกได้ว่าแทบจะติดพื้นเลยทีเดียว ขณะที่ท่าทางหรือลักษณะการนั่งก็จะเหมือนกับขับรถยนต์ประเภทโกคาร์ต ถึงอย่างนั้น ในช่วงการขับขี่เร็วๆ เบาะนั่งถือว่ารองรับได้ดี สามารถที่จะล็อกตัวเราได้ แม้ว่าในรถยนต์ที่ผมใช้อยู่มันจะเป็นแบบกึ่ง Racing ทำให้รู้สึกค่อนข้างแข็งก็ตาม

อย่างไรก็ดี ทัศนวิสัยการมองเห็นจัดว่าโอเคเลยนะ เสียอย่างเดียวเจ้า Lotus Elise R เนี่ย รุ่นที่ผมใช้อยู่จะไม่มีกระจกหลังมาให้ เพราะว่า Supercharged จะถูกขยับขึ้นมา มันก็เลยกลายเป็นกระจกหลังไม่มี ซึ่งส่งผลให้เปลี่ยนเลนหรือถอยจอด เป็นอะไรที่ลำบากมาก

นอกจากนี้ กระจกข้างก็ไม่ค่อยจะเวิร์กเท่าไหร่นัก สุดท้ายผมก็เลยไปเปลี่ยนเป็นกระจกแต่ง ซึ่งก็ทำให้การทัศนวิสัยการมองเห็นกว้างขึ้น”

ระบบสาระบันเทิงและอุปกรณ์ต่างๆ

“ระบบสาระบันเทิงในรถยนต์รุ่นนี้จะให้ความรู้สึกที่ย้อนยุคทีเดียว นอกจากนี้ ในรุ่นที่ผมใช้อยู่ก็เป็นรุ่นแรกที่เพิ่งจะมีกระจกไฟฟ้ามาให้ด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้จะใช้ระบบหมุนเอาเองทั้งหมด ขณะเดียวกัน วิทยุเมื่อก่อนก็ไม่มีมาให้เช่นเดียวกัน แม้ว่ารุ่นที่ผมใช้จะมีติดตั้งมาให้แล้วก็ตาม

ทั้งนี้ การตกแต่งภายในของเจ้า Lotus Elise R จะเป็นอะไรที่ดิบมากๆ ขณะที่การควบคุมระบบปรับอากาศหรืออะไรต่างๆ ก็จะใช้ระบบหมุนทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปุ่มต่างๆ ที่น้อย ทำให้การใช้งานทำได้อย่างง่ายดาย”

คุณภาพและความน่าเชื่อถือ

“กับประเด็นนี้นี่ ถ้าเต็ม 10 ผมให้สักประมาณ 7 คะแนนก็แล้วกัน โดย Lotus Elise R เนี่ย เดิมเลยจะเป็นรถที่มาประกอบเอง ดังนั้น รถยนต์ยี่ห้อนี้จึงทำออกมาให้ยังคงเอกลักษณ์ในรูปแบบอย่างที่บอก 

โดยมันจะทำให้คุณรู้สึกสนุกมาก ถ้าคุณสามารถบำรุงรักษาหรือว่าซ่อมแซมเองได้ ซึ่งผมเนี่ย รื้อมันมาหมดแล้ว นอกจากนี้ การถอดประกอบอะไหล่ต่างๆ ก็ไม่ยากนัก ส่งผลให้ผมรู้เรื่องรถยนต์มากขึ้น ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาไปทิ้งรถไว้ที่ศูนย์ฯ ด้วย เพราะว่าหากไม่หนักหนาอะไรนัก ผมก็สามารถซ่อมแซมเอาเองได้นั่นเอง”

พื้นที่และประโยชน์ใช้สอย

“คือมีแต่คนบอกว่า Lotus Elise R เป็นรถยนต์ที่ใช้งานในชีวิตประจำวันไม่ได้ ถึงอย่างนั้น ผมก็ใช้รถยนต์คันนี้แบบใช้งานจริงๆ ตอนไปเที่ยวต่างจังหวัดก็ขับไป ซึ่งก็ไม่พบปัญหา แต่เรื่องของสัมภาระก็คงต้องเลือกกระเป๋าให้เหมาะกับรถสักหน่อย โดยอาจจะไม่ต้องใหญ่มากมายอะไรนัก ขณะที่กระเป๋าลักษณะแข็งๆ หรือถุงกอล์ฟก็จะหมดสิทธิ์

อย่างไรก็ตาม กับเจ้ารถยนต์คันนี้ ผมเคยลองขนจักรยานมาแล้วด้วย ซึ่งตอนนั้นผมซื้อที่แขวนจักรยานข้างหลังรถยนต์มาลองดู และก็ปรากฏว่ามันสามารถขนได้ไม่มีปัญหา แม้ว่าหน้าตาของการใช้งานที่ออกมาออกจะดูขี้เหร่ไปสักหน่อยก็ตาม”

การซื้อและการเป็นเจ้าของรถยนต์ 

“รถยนต์คันนี้เป็นรถยนต์มือสอง ตอนซื้อมามีราคาอยู่ที่ราว 3.7 ล้านบาท ขณะที่มือหนึ่งตอนนั้นอยู่ที่ประมาณ 4.2-4.3 ล้านบาท ส่วนถามว่าจนถึงตอนนี้แล้วถือว่าคุ้มหรือไม่ ถ้าคิดเรื่องขายต่อคงไม่คุ้ม เนื่องจากทุกวันนี้ราคาจะอยู่ที่ราว 1.9 ล้านบาทเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นคนที่ชื่นชอบรถสปอร์ตจะถือว่าคุ้มมาก เพราะว่ามันขับขี่สนุก ยิ่งใครที่ไปขับขี่ตามสนามแข่งบ่อยๆ ก็คงจะคิดว่ามันคุ้มมาก โดยมันทำให้เราเกิดความรู้สึกเหมือนกับได้สัมผัสกับรถแข่งจริงๆ 

นอกจากนี้ ค่าน้ำมันก็ไม่ได้โหดอย่างที่คิดด้วย เนื่องจากเครื่องยนต์มีขนาดเล็ก แถมการที่ใช้ระบบเกียร์ธรรมดา ก็ส่งผลให้เราสามารถประหยัดได้กว่าเดิมอีกต่างหาก ซึ่งผมขับขี่จากบ้านเข้ามาในเมืองทุกวันในระยะทาง 60 กว่ากิโลเมตร จะใช้น้ำมันประมาณ 3 วัน ต่อ 1 ถัง เติมเต็มๆ ก็ประมาณ 1,500-1,600 บาท”

OWNER’S POINT

สมรรถนะเครื่องยนต์ 4/5
การขับขี่และควบคุมรถยนต์ 4/5
เบื้องหลังพวงมาลัย 4/5
ระบบสาระบันเทิง 1/5
คุณภาพและความน่าเชื่อถือ 3/5
อุปกรณ์ 1/5
ความปลอดภัยและระบบกันขโมย 2/5
ความสุนทรีย์ในการขับขี่ 2/5
พื้นที่และการใช้งานจริง 1/5
การซื้อและการเป็นเจ้าของรถยนต์ 4/5

ธุรกิจใหม่ของหนุ่มกวาง 

‘Taze’ แหล่งรวมอุปกรณ์เซฟตี้สุดเท่สำหรับนักบิด Big Bike

ด้วยความรักและหลงใหลในกีฬามอเตอร์สปอร์ต ซึ่งไม่เพียงแต่รถยนต์คันหรูเท่านั้นที่หนุ่มมาดร็อกผู้นี้ให้ความสนใจ กับมอเตอร์ไซค์ประเภท Big Bike ก็เป็นอีกหนึ่งยานพาหนะแห่งความเร็วที่นักร้องนำแห่งวง AB Normal ดูจะปลื้มมันเป็นพิเศษเช่นเดียวกัน

“เรื่องมอเตอร์ไซค์ ผมก็ชอบมานานแล้วนะ เพียงแต่ตอนแรกๆ ไม่กล้าขับ เพราะว่าไม่คิดว่าตัวเองจะขับขี่เจ้า Big Bike ที่มีความเร็วประมาณ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ ก็เลยขอดูอย่างเดียว และก็เพิ่งมาลองได้เมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมานี้เท่านั้น ซึ่งเมื่อได้ขับจริงๆ ก็เปลี่ยนทัศนคติไปเลย คือมันสนุก แถมยังควบคุมง่ายกว่าที่คิดด้วย ทำให้ตอนนี้ใช้งานมอเตอร์ไซค์พอๆ กับรถยนต์เลยทีเดียว”

และจากการที่สนใจมันนี่เอง จึงเป็นที่มาให้เกิดการรวมกลุ่มกันกับเพื่อนๆ โดยมีหนุ่มกวางเป็นโตโผใหญ่ ก่อนจะให้กำเนิดร้าน ‘Taze’ แหล่งรวมอุปกรณ์เซฟตี้สุดเท่สำหรับเหล่าสาวก Big Bike ทั้งหลายแหล่ ซึ่งหากสิงห์นักบิดท่านใดต้องการของดี มีคุณภาพ อีกทั้งราคาย่อมเยา ที่นี่จะเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ไม่ทำให้คุณรู้สึกผิดหวังอย่างแน่นอน 

“ร้าน Taze เนี่ย จุดขายหลักเลยจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอุปกรณ์มือสองเกรดเอ แต่เป็นของมือสองรุ่นแปลกๆ แบบที่ในเมืองไทยไม่สามารถที่จะหาได้ แถมราคาก็ถูกกว่าท้องตลาดอีกต่างหาก

ขณะเดียวกัน สำหรับในร้าน นอกจากคุณจะได้พบเจออุปกรณ์ต่างๆ ในสไตล์วินเทจแล้ว ก็ยังจะมีพวกของหายาก อารมณ์เกือบๆ จะเป็นของสะสมด้วย ส่วนอีกประเภทที่เป็นแนวสปอร์ต ซึ่งออกแนวสมัยใหม่หน่อย ทางร้านก็จะรับเทิร์นเช่นเดียวกัน โดยถ้าเป็นของสภาพดี รุ่นดี เราก็จะรับให้มาเทิร์นกับของในร้านได้

ซึ่งที่เราวางรูปแบบดังกล่าวก็เพื่อแก้ปัญหาว่า โดยปกติผู้ที่ต้องการของเหล่านี้จะต้องหาจากตามอินเตอร์เน็ต ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของการไม่ได้ลอง เราก็เลยหาไอเดียแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการเปิดร้าน จะได้มาลองสัมผัส มาลองจับดูได้ นอกจากนี้ ผมก็อยากทำให้มันกลายเป็นแฟชั่น และทุกคนรู้สึกสนุกที่ได้สวมใส่มันด้วยนั่นเอง”

ได้ยินได้ฟังอย่างนี้ คงได้กลายเป็นที่สนใจและที่พูดถึงกันของคนรักมอเตอร์ไซค์ Big Bike ในอีกไม่ช้าไม่นานนี้แน่ และหากท่านใดสนใจอยากจะลองไปพิสูจน์ความเจ๋งของร้าน Taze ก็สามารถก็แวะเวียนเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือมาชมช็อปของที่ร้านได้ โดยตั้งอยู่ที่โครงการ De forest ย่านพระราม 3 ปากทางเข้าถนนนางลิ้นจี่ ซอย 4 หรืออีกช่องทางหนึ่งสามารถติดตามความเคลื่อนไหวและการอัพเดตสินค้ากันได้ที่ IG: tazestore และ Facebook.com/tazestore เช่นเดียวกัน //////////////

Exit mobile version