Nissan เฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของรถสปอร์ตตระกูล GT-R ด้วยการแนะนำ GT-R (R35) เวอร์ชั่นพิเศษ 50th Anniversary Edition ตกแต่งใหม่ในสไตล์เรโทรสุดเท่ พร้อมอัพเกรดเทอร์โบและกันสะเทือนใหม่เอาใจขาซิ่งนักสะสมโดยเฉพาะ
GT-R 50th Anniversary Edition เกิดมาเพื่อเฉลิมฉลองให้กับตราสัญลักษณ์ GT-R ที่ย่อมาจาก Gran Turismo Racer ซึ่งมีอายุครบ 50 ปีในปีนี้ ตราสัญลักษณ์อันทรงอิทธิพลนี้ถูกแนะนำครั้งแรกในปี 1969 พร้อมกับบ่งบอกถึงการอัพเกรดรถ Skyline เดิมให้สุดยอดขึ้นไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีจากสนามแข่ง ปัจจุบัน Skyline กลายเป็นเพียงชื่อในตำนานไปแล้ว แต่คำว่า GT-R ถูกแยกออกมาผลิตเป็นรถอีกไลน์หนึ่งตั้งแต่ปี 2007 โดยคงอัตลักษณ์ของ GT-R ในอดีตไว้อย่างครบถ้วน
GT-R 50th Anniversary Edition ถูกตกแต่งในสไตล์เรโทรแรงบันดาลใจจากตัวแข่ง Skyline GT-R ในรายการ Japan GP ตัวถังมีให้เลือก 3 สี แต่สีที่โดดเด่นและออริจินอลมากที่สุดต้องเป็นสีฟ้า Bayside Blue ที่ได้เห็นครั้งสุดท้ายก็ใน Skyline GT-R R34 โน่น เสริมความพิเศษด้วยลายกราฟิกสีขาวบนฝากระโปรงหน้าพาดยาวผ่านหลังไปถึงฝาประโปรงหลัง ล้ออัลลอยสีดำเหลือบน้ำเงินเข้ม และปลายท่อไอเสียสีน้ำเงิน
ภายในใช้สีเทาเป็นหลัก โดดเด่นด้วยพวงมาลัยตกแต่งพิเศษ เพดานหลังคาหุ้มหนัง Alcantara แผ่นบังแดดและเบาะนั่งตกแต่งใหม่เพิ่มความพิเศษ
GT-R 50th Anniversary Edition ใช้พื้นฐานของ GT-R MY2020 มาต่อยอด ดังนั้นขุมพลังใต้ฝากระโปรงจึงเป็นเครื่อง V6 3.8 ลิตร ทวินเทอร์โบ ที่ประกอบด้วยมือจากช่างของนิสสัน พละกำลังสูงสุด 562 แรงม้า แรงบิด 630 นิวตันเมตร เทอร์โบที่มีการปรับปรุงใหม่ช่วยเพิ่มการตอบสนองในรอบต่ำและเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของรถ
เกียร์ดูอัลคลัทช์ 6 สปีดก็มีการปรังปรุงใหม่เช่นกัน มาพร้อมโหมด R ที่จะช่วยให้จังหวะชิฟท์ดาวน์มีความกระชับฉับไวและดุดันยิ่งขึ้น นอกจากนี้นิสสันยังมีการปรับแต่งชุดกันสะเทือนที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเพื่อความนุ่มนวลและความสามารถในการเข้าโค้งที่ดียิ่งขึ้น
ราคาค่าตัวของ GT-R 50th Anniversary Edition ยังไม่มีการประกาศออกมา คาดว่าจะแพงขึ้นพอสมควรเพราะเป็นรุ่นพิเศษที่ทำออกมาจำนวนจำกัด ทั้งนี้ ราคาเริ่มต้นของ GT-R รุ่นมาตรฐานอยู่ที่ 76,875 ปอนด์ (3.84 ล้านบาท)
Gallery