NEW MG EP ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%

เผยโฉมแล้วกับรถพลังงานไฟฟ้า 100 % NEW MG EP ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชัน เน้นการใช้งานอเนกประสงค์ทรง Station Wagon พร้อมราคาที่จับต้องได้

     หลังจากมีการเปิดตัว NEW MG ZS EVและ NEW MG HS PHEV รถยนต์พลังงานไฟฟ้าประเภท SUV ตีตลาด Plug-in Hybrid ก้าวสู่ความสำเร็จไปอีกขึ้นด้วยการเปิดตัว NEW MG EP ครั้งนี้เสมือนเป็นการตอกย้ำขึ้นไปอีกระดับด้านการเป็นผู้นำทางเทคโนโลยี ภายใต้แนวคิด “EVeryone ตอบโจทย์ทุกฟังก์ชัน รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของทุกคน” กับ 4 องค์ประกอบหลักสำคัญอย่าง มิติตัวถังและพื้นที่การใช้งาน (Dimension) เน้นนั่งสบายบรรจุคนและสัมภาระ ความสะดวกสบายและระบบความปลอดภัย (Convenience & Safety) เสริมความมั่นใจทุกการขับขี่บนท้องถนน สมรรถนะที่เปี่ยมประสิทธิภาพ (Performance) ด้วยระยะทาง 300 กิโลเมตร ที่เหมาะสมต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ต้นทุนในการเป็นเจ้าของที่ต่ำ (Low cost of ownership) ประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งด้านพลังงานและค่าบำรุงรักษาในระยะยาว และโดดเด่นด้วยเทคโนโลยี

ภายนอก

     ได้รับการดีไซน์ด้วยกระจังหน้าแบบ Suspended Wing Grille แต่งด้วยโครเมียมและ Piano Black ชุดไฟตามจุดสำคัญต่าง ๆ อย่างไฟส่องเวลากลางวันที่มีระบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ ไฟท้ายและไฟเบรกดวงที่ 3 ล้วนเป็น LED ส่วนไฟหน้าจะเป็นแบบโปรเจกเตอร์ พร้อมล้ออัลลอยด์ทรงสปอร์ตขนาด 16 นิ้ว

ภายใน

     NEW MG EP มีลักษณะเฉพาะตัวเน้นอรรถประโยชน์การใช้งานด้วยสไตล์ Station Wagon ให้มีพื้นที่กว้างขวางมากขึ้นสำหรับโดยสารและบรรจุสัมภาระถึง 1,456 ลิตร ภายในถูกตกแต่งด้วยวัสดุผิวสัมผัสนุ่ม (Soft touch) มีการดีไซน์เส้นสายเป็นแบบ CARBOXNYXE เบาะคู่หน้าได้รับการออกแบบเพื่อรองรับสรีรศาสตร์และเส้นสายมีการรับกันอย่างพอดีกับสรีระ

     พร้อมฟังก์ชั่นด้านความบันเทิงด้วยหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว สามารถเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay และมีมาตรจอแสดงผลแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้วด้วยภาพและสีที่คมชัด จบปัญหาความร้อนด้วยระบบปรับอากาศแบบดิจิตอลเช่นกัน กระจกมองหลังตัดแสงและกระจกไฟฟ้าแบบ One Touch Up-Down อยู่ทางด้านคนขับ

ระบบส่งกำลัง

     NEW MG EP ตัวนี้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน ๆ  100% ด้วยแบตเตอรี่ Lithium-Ion ที่มีความจุรวม 50.3 kWh สามารถส่งกำลังให้รถขับเคลื่อนได้ไกลถึง 380 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ซึ่งผ่านการทดสอบจากมาตรฐานการประหยัดพลังงานจาก New European Driving Cycle หรือ NEDC มาอย่างฉลุย และเมื่อรถยนต์คันนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor เพียงอย่างเดียวให้พละกำลัง 163 แรงม้า แรงบิด 260 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับเกียร์ไฟฟ้าให้อัตราเร่ง 0-100 ได้ในเวลาเพียง 8.8 วินาที ให้ความเร็วสูงสุดที่ 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีให้เลือกโหมดการขับขี่ด้วยกัน 3 โหมดคือ Normal , Eco และ Sport

     เสริมความนุ่มนวลในการขับขี่ด้วยระบบกันสะเทือนของช่วงล่างแบบ Euro Tuning Suspension สำหรับในช่วงล่างหน้าด้วย MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง และช่วงล่างหลังแบบทอร์ชั่นบีม

     ซึ่งแบตเตอรี่ตัวนี้สามารถชาร์จพลังงานได้ 2 แบบคือ Quick Charge แบบ DC ผ่านหัวชาร์จประเภท CCS Combo 2 โดยชาร์จพลังงานตั้งแต่ 0 – 80% ในระยะเวลาประมาณ 40 นาที หรือจะเป็น Normal Charge แบบ AC ชาร์จพลังงานตั้งแต่ 0 – 100% ผ่าน MG Home Charger ที่เป็นหัวชาร์จ TYPE II ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที ทั้งนี้ระยะเวลาในการชาร์จจะขึ้นอยู่กับแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่และมีความพิเศษอีกหนึ่งรูปแบบที่สามารถชาร์จพลังงานในระหว่างการขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative) ด้วย KERS Mode (Kinetic Energy Recovery System) โดยเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับได้ถึง 3 ระดับ

     นอกจากนี้แบตเตอรี่ของ NEW MG EP ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น ระดับ IP67 ด้วยระบบระบายความร้อนแบบ Liquid Cooling System ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพและได้รับความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ฟังก์ชั่นความปลอดภัยครบครัน

     มีการติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) ไฟส่องนำทางหลังจากผู้ขับดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) เสริมจุดยึดเบาะ ISOFIX เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า จอดรถได้อย่างสะดวกกับกล้องมองหลังพร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลังและระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer นอกจากนี้ยังมีระบบสำคัญอีก ได้แก่

ค่าใช้จ่ายระหว่างการใช้งาน

      MG EP มีการดูแลรักษาที่ง่ายกว่าปกติทั่วไปและค่าใช้จ่ายต่ำไม่ว่าจะเป็นการชาร์จผ่าน MG Home Charger จาก 0-100% จะมีค่าใช้จ่ายโดยรวม 200 บาทต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และมีการบำรุงรักษาตามระยะทางตลอดระยะเวลา 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร ซึ่งค่าใช้จ่ายโดยรวมจะไม่เกิน 8,000 บาท

NEW MG EP GREY

NEW MG EP WHITE

 

Exit mobile version