NEW MAZDA CX-8 Minorchange 2022 ครอสโอเวอร์ 3 แถว ปรับโฉมใหม่ให้หรูหราขึ้น

NEW MAZDA CX-8 รถครอสโอเวอร์อเนกประสงค์สุดหรูแบบ 3 แถว ที่เหมือนจะเล็กแต่ไม่เล็กแน่นอน โดยมีให้เลือกทั้ง 7 ที่นั่ง และ 6 ที่นั่ง ในแบบ Captain Seat ปรับไฟฟ้าพร้อมคอนโซลกลางและแบบ captain seat แยกอิสระซ้าย-ขวา ที่สามารถเดินเชื่อมต่อถึงเบาะนั่งแถวที่สาม

ในรุ่น Minorchange ปี 2022 นี้ ได้ปรับโฉมใหม่ให้หรูหรามากยิ่งขึ้น ใส่อุปกรณ์เพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพิ่มเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจนล้นคัน

---

---

       รุ่นที่เราจะนำมาทดสอบกันในวันนี้คือ รุ่น 2.5 sp exclusive 6at (captain seats) ซึ่งเป็นรุ่นท็อปในเบนซิน 6 ที่นั่ง ที่แถวกลางเป็นเบาะ Captain Seat มีราคาอยู่ที่ 1,699,000 บาท ซึ่งแพงขึ้น 60,000 บาท จากรุ่นปี 2021 ที่ราคาอยู่ที่ 1,639,000 บาท

       เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร (Skyactiv-G 2.5) ให้พละกำลังถึง 194 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 258 นิวตัน-เมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะประหยัดน้ำมันสูงสุด 13.2 กม./ลิตร* และในทุกรุ่นย่อยยังมาพร้อมระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีภายใต้ SKYACTIV-Vehicle Dynamics ช่วยควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ให้แม่นยำและสมดุล โดยเฉพาะในทางโค้งและในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้ขับสัมผัสถึงความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันของคนกับรถอย่างสมบูรณ์แบบ ช่วงล่างเป็นอิสระ 4 ล้อ ด้านหน้าเป็น McPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบ Muti-link พร้อมเหล็กกันโคลง ซึ่งยืมมาจากรุ่นพี่อย่าง cx9

      NEW MAZDA CX-8 มีขนาดความยาว 4900 มม. กว้าง 1840 มม. 1730 มม. ซึ่งยาวกว่าฟอร์จูนเนอร์ด้วยซ้ำ อีกทั้งยังคงถูกออกแบบด้วยแนวคิด Kodo:Soul of Motion ที่เป็นการถ่ายทอดความงามที่อยู่เหนือกาลเวลา

       
      รุ่น 2.5 sp exclusive 6at (captain seats) มาพร้อมกระจังหน้าที่คุ้นเคยที่บ่งบอกความเป็นมาสด้า CX-8 ซึ่งเป็นกระจังหน้าสีดำเปียโนแต่ถ้าเป็นรุ่นที่ราคาเกือบสองล้านจะได้กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ สี Gun Metallic  ถัดมามีคิ้วตกแต่งด้านซ้ายสีเงิน มาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED พร้อมระบบเปิดปิด และปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ อีกทั้งมีไฟ Daytime running Lamp แบบ LED Signature และมีไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED นอกจากนี้มีที่ปัดน้ำฝนกระจกหน้าปรับอัตโนมัติและที่ปัดน้ำฝนกระจกหลัง

 
           ด้านข้างประตูบานใหญ่เปิดออกได้เกือบ 90 องศา และมีการตกแต่งโครเมียมบริเวณด้านล่างประตูเพื่อเพิ่มความหรูหรา อีกทั้งมีกระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว อีกทั้งกระจกหน้าต่างไฟฟ้าปรับขึ้น-ลง แบบอัตโนมัติ 4 บาน ในส่วนของล้อเป็นล้ออัลลอยด์ขนาด 19 นิ้ว  และขนาดยางอะไหล่ 225/55 R19 และมีล้อแม็กลายเดิม

         
        ด้านหลังมีไฟท้ายแบบ LED Signature อีกทั้งยังมีความแตกต่างจาก cx5 เพราะมีการคาดโครเมียมยาวจากฝั่งซ้ายไปฝั่งขวา และมีสปอยเลอร์หลัง มาพร้อมเสาอากาศแบบครีบฉลาม นอกจากนี้ยังมีท่อไอเสียคู่แบบสปอร์ต พร้อมปลายท่อโครเมียม นอกจากนี้โลโก้ด้านหลังในรุ่นใหม่ก็ปรับเปลี่ยนฟอนต์ใหม่ด้วย

สเปคเครื่องยนต์

Body Style	SUV
Description	รถ SUV 5 ประตู
Engine	เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร (Skyactiv-G 2.5
Fuel Consumption	13 กม./ลิตร
Fuel Type	เบนซิน
Make	Mazda CX Series
Max Power	194 แรงม้า
Max Torque	258 นิวตันเมตร
Model	Mazda CX-8
Price Guide	1,699,000 บาทาท
Release Date	8 ธันวาคม 2565
0-100 km/h	10.95 วินาที
Transmission	เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ

การขับขี่

        ความรู้สึกแรกเมื่อได้ขึ้นมานั่งขับเจ้า CX-8 คือกระจกบานหน้าใหญ่ มองเห็นชัดเจน แล้วก็ส่วนตัวเสา A มีการออกแบบมาค่อนข้างเนียนทีเดียวทำให้ไม่ได้บดบังทัศนวิสัยอะไร ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งการวางกระจกมองข้างทั้ง 2 บานก็ใหญ่ มองเห็นชัดเจนถึงท้ายรถเลย อีกทั้งพวงมาลัยเบา ขับง่ายแต่อาจจะต้องใช้ความคุ้นชินสักเล็กน้อย นอกจากนี้สัมผัสของวัสดุหนังภายในรถให้ความรู้สึกดี เพราะใช้เกรดคุณภาพ ในรุ่นนี้ออกแบบคันเร่งออกมาค่อนข้างดีก็คือติดกับพื้นเลย ไม่ใช่คันเร่งลอย ๆ คือเราสามารถที่จะวางส้นเท้าพอดีกับตัวคันเร่ง

       อีกทั้งระบบการทำงานของเกียร์เป็นระบบ Torque Converter หมายถึงเกียร์ตัวนี้เขาพัฒนามาให้ทำงานได้กับตัวเครื่องยนต์ที่เป็นดีเซลและเบนซิน สำหรับอัตราสิ้นเปลืองพลังงานของการใช้งานทั่วไปในเมืองประหยัดอยู่ประมาณสัก 10-11 กม./ลิตร กว่าๆ แต่ถ้าเราขับขี่มานอกเมืองจะอยู่ที่ 13 กม./ลิตร อีกทั้งยังมีการอัปเกรดในเรื่องของระบบ GVC ให้เป็น GVC-Plus  เราทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ที่ 10.2 วินาที สามารถเก็บเสียงได้ดี ถึงแม้จะเป็นเสียงลม ในขณะที่ขับมา 80 กม./ชม. จะได้ยินแค่เสียงล้อบนถนนแต่ก็ไม่ได้เข้ามามากแบบรถทั่วไป

        Mazda CX-8 เป็นรถครอบครัวที่มีประสิทธิภาพมันไม่ได้นุ่มย้วยเกินไปและสำหรับผู้โดยสารตอนกลางนั่งแล้วมันไม่เวียนหัว อีกทั้งพวงมาลัยมีความแม่นยำพอสมควร แต่ไม่ได้คมจ๋าแบบ CX-5 

          เดี๋ยวเราจะลองใช้ระบบ Cruise Control  ซึ่งที่ก้านพวงมาลัยเจะมีคำว่า SET+ เมื่อกดเข้าไประบบก็จะทำการล็อกความเร็ว และเราก็กดเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีได้ก โดยเรากดเพิ่มไป 80 กม./ชม. หากจะเพิ่มความเร็วหรือลดความเร็วก็อยู่ที่ SET+/- ในส่วนของ  resum ตรงกลางเอาไว้กด Cancel ก็จะกลับมาในความเร็วเดิม และปุ่มข้าง ๆ จะเป็นปุ่มกดตั้งความห่าง ซึ่งเราก็จะเห็นการทำงานชองจอแสดงผลมาตรวัดจอดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว นอกจากนี้มีตัวกะระยะห่างโดยเราตั้งค่าไว้ที่ระดับ 3  ซึ่งตามจริงมันมัถึง 4 ระดับ 

        ในเรื่องของระบบเตือนมุมอับสายตา เตือนเมื่อรถออกนอกเลน และระบบช่วยประคองพวงมาลัยให้กลับเข้ามาอยู่ในเลนจะมีเรดาห์ทำงานพร้อมกล้องด้านบน เดี๋ยวเราจะลองออกนอกเลนเพื่อก็ลองระบบเตือนเมื่อเมื่อออกนอกเลน ซึ่งต้องมีความเร็วต้องมาประมาณสัก 60-70 กม./ชม. และไม่ได้เปิดไฟเลี้ยวซึ่งเมื่อเป็นแบบนั้นระบบก็จะเตือนทันที โดยพวงมาลัยจะทำการสั่นเตือนเราและประคองให้กลับเข้ามาอยู่ในเลน

        ในเรื่องของระบบความปลอดภัย i-ACTIVSENSE  ของมาสด้าจะมีเรื่องของระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยจอด ระบบเตือนการชนด้านหน้าแล้วก็ช่วยเบรกให้ด้วย ถ้าเกิดว่าเราไม่ได้เบรก โดยตัวนี้ก็จะมีการเตือนก่อนและเมื่อใกล้รถด้านหน้าและไม่ได้เบรกระบบก็จะช่วยเบรกให้เราด้วย อีกทั้งมีระบบปรับไฟสูงต่ำอัตโนมัติ ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบแอดวานซ์ซึ่งเมื่อมาในความเร็วต่ำกล้องด้านหน้าก็จะทำการจับวัตถุด้านหน้า ไม่ว่าจะเป็นคนเดินถนนหรือว่าเป็นสิ่งของ ตรงนี้กะจะช่วยเบรกอัตโนมัติในความเร็วต่ำในเมือง นอกจากนี้มีระบบเตือนเมื่อผู้ขับขี่เมื่อยล้า สำหรับระบบนี้นี้พอเราขับไปเรื่อย ๆ ก็จะมีรูปแก้วกาแฟโชว์ขึ้นมาที่มาตรวัดเพื่อให้เราพักรถเมื่อขับนาน ๆ และมีถุงลมนิรภัยด้านหน้า ด้านข้าง แล้วก็ม่านถุงลมมาให้รวมทั้งหมด 6 ตำแหน่ง รวมไปถึงระบบแสดงภาพ 360 องศารอบคัน

สุนทรียภาพขณะเดินทาง

       เรามาเริ่มกันที่ประตูฝั่งผู้ขับขี่สำหรับด้านในกันก่อน  ซึ่งแผงประตูฝั่งคนขับจะมีการออกแบบแตกแต่งด้วยวัสดุบุนุ่มต่าง ๆ อย่างที่เห็นจะเดินด้ายจริงสีเทา โดยมันจะไปด้วยกันกับแดชบอร์ด้านหน้า ซึ่งจะเรียกว่า Warm Silver มันเป็นอะลูมิเนียมแบบด้าน ๆ  แล้วก็มีตัวจับประตูแบบ Chromium มาให้ทำให้เสริมความหรูหราทีเดียว  ตัวมือจับสำหรับเปิดประตูเป็นสีแดงแบบ Deep Red จะตัดกับเบาะหนังสีดำ ซึ่งจะเป็นวัสดุหนังไม่ใช่ Nappa แต่ถ้าเป็น Nappa จะอยู่ในตัว CX-8 ตัวท็อปสุดดีเซล 2 ล้านกว่า  และที่วางแก้วน้ำต่าง ๆ เขาออกแบบมาใช้งานได้จริงแล้วก็ใหญ่พอสมควรครับ  ในส่วนของกระจก 4 บาน เป็นแบบขึ้นลงแบบอัตโนมัติ ลำโพงเป็นของ Bose ซึ่งภาพรวมก็ดูหรูหราทีเดียว

      ส่วนเบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่เป็นเบาะประมาณแบบว่า Bucket Seat นะ ก็จะโอบ ๆ รัดหน่อย จะเห็นได้ว่าเป็นเบาะปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง สำหรับคันโยกปรับเบาะหรูหราทีเดียว หรูกว่ารถยุโรปบางค่ายอีก ถ้าเป็นรถยุโรปบางค่ายคันโยกปรับเบาะไม่ใช่แบบสี Chromium  อีกทั้งนี้มีตัวดันหลัง Lumbar มาให้ด้วยซึ่งเราชอบมากทีเดียว นอกจากนี้ตัวเบาะสามารถ Memory ตำแหน่งได้สองตำแหน่ง 

       บริเวณใต้ช่องแอร์ด้านขวาฝั่งคนขับจะมีสวิตซ์เกี่ยวกับระบบ i-STOP ก็คือ Start-Stop  เป็นสวิตซ์ที่ปิดพวกระบบตรวจจับออกนอกเลนต่าง ๆ และ Traction Control อยู่ตรงนี้ และมี Parking Center รวมไปถึงปุ่มกล้องมองรอบคัน ที่สำคัญมีตัวปุ่มเปิดกระโปรงท้ายไฟฟ้ามาให้คนฝั่งคนขับด้วย

          ถ้าจะพูดกันก็ไม่ได้ต่างจากตัวรุ่นก่อนซะมากมายแล้วก็จะมีความคล้ายคลึงกันกับ CX-5 ในรุ่นนี้มาภายใต้คอนเซ็ปต์ Less is More น้อยแต่มาก ในส่วนของแดชบอร์ดจะตกแต่งแบบ ในรูปแบบ Warm Silver ซึ่งลายที่เราเห็นจะไม่ใช่ลายไม้แต่เป็นเหมือนคล้าย ๆ พลาสติก แต่ก็เหมือนเหล็กด้าน ๆ อยู่เหมือนกัน แต่มันให้อารมณ์แบบหรูหรากับทันสมัยมากเพราะว่ามีเส้น Chromium ทำให้เข้ากันกับกรอบของตัวช่องปรับอากาศที่ก็ล้อมกรอบด้วย Chromium เช่นกันแต่เป็นแบบไม่เงามันก็จะช่วยในเรื่องของการสะท้อนแสงเข้าตได้เยอะพอสมควร

        สไตล์โทนของ CX-8 มาในสีดำ ซึ่งอันนี้ตัวผมชอบเพราะว่าบางทีเป็นสีสีเบจหรือสีอะไรต่าง ๆ มันสะท้อนแสบตา แต่พอเป็นสีดำจะเห็นว่าแสงตกกระทบมามันจะไม่สะท้อนขึ้นตา สำหรับจอ Center Display ของมาสด้าจะแตกต่างจากรุ่นก่อนก็คือขยายออกมา 1 นิ้ว เท่ากับว่าตัวนี้เป็น 8 นิ้ว เป็นแบบ Touch Screen มีการใช้งานค่อนข้างง่ายทีเดียว จะเห็นได้ว่าถ้ารถจอดนิ่งหรือว่าเราวิ่งความเร็วต่ำก็จะสามารถกด Touch Screen ได้ แต่ถ้าวิ่งตั้งแต่ความเร็ว  9-10 ขึ้นไป จอก็จะกดไม่ได้แล้วเพราะเป็นเรื่องของ Safety ทำให้เราต้องมาใช้ในปุ่ม Control Commander ที่บิรเวณคอนโซลกลาง นอกจากนี้สามารถเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ได้ ซึ่ง Apple CarPlay สามารถเชื่อมแบบไร้สายได้แล้ว ส่วน Android Auto ยังต้องใช้สายเชื่อมต่อ ส่วนตัวของเนวิเกเตอร์ไม่ได้ให้มาแต่เนื่องจากทางมาสด้าบอกว่าเราสามารถเชื่อมต่อกับ Apple CarPlay หรือ Android Auto ได้แล้วทำให้เราสามารถดึงแผนที่ขึ้นจากมือถือได้เลย  ไฟล์เพลงเราสามารถเข้าโหมดเนี้ยกับมือถือได้ หรือว่าเสียบเป็นไฟล์เพลงผ่านตัว USB เสียบก็ได้เช่นเดียวกันครับ

        ในหน้าจอสามารถตั้งค่าต่างๆ ของรถยนต์ได้ และสำหรับคันนี้เป็นรุ่นท็อปของเบนซินจึงมีลำโพง Bose มาให้ทั้งหมด 10 ตำแหน่ง และมี Subwoofer อยู่ที่ด้านหลังท้ายที่เก็บยางอะไหล่มันให้เสียงดีทีเดียว  และที่เราชอบอีกอย่างคือมีเรื่องของการเตือนการเข้ารับบริการต่าง ๆ ซึ่งก็สามารถที่จะแจ้งเตือนหน้าจอกลางได้วา่าถึง 10,000 กม. เตรียมตัวเข้ารับเช็คบริการได้  มีหลายคนบอกว่า 8 นิ้วเล็กเกินไป แต่ถ้าถามผมนะมันก็เหมาะสมกับการใช้งาน แต่อนาคตเขาอาจจะขยายเป็น 9 – 10 นิ้ว ก็คือเพิ่มความยาวมาก็อาจจะเป็นไปได้เช่นเดียวกันสำหรับรถยนต์มาสด้า

       มาตรวัดเรือนไมล์จะเป็นมาในรูปแบบ 2 ระบบ ก็คือเป็นจอแสดงผลแบบ TFT 7 นิ้ว และแบบอนาล็อก ซึ่งจอ TFT จะเป็นภาพสี ภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ  ที่มาตรจอกลาง ส่วนซ้ายขวาจะเป็นอนาล็อก 

       สำหรับไฟหน้าของมาสด้าทำออกมาได้ดีเลยเพราะสามารถปรับสูงต่ำแบบอัตโนมัติได้ ซึ่งผมเคยใช้รถยนต์มาสด้าในเวลากลางคืนซึ่งถ้าทางมันมืดหมด รถก็จะยกไฟสูงให้เป็นลำแสงออกไป แต่ถ้ามีรถสวนมาจะดับไฟข้างนึง ทำให้รถที่สวนมาเนี่ยไม่แยงตา แม้กระทั่งรถขับในเลนเดียวกันด้านหน้า ถ้าเราไปจี้เขามากเกินไปไฟก็จะดรอปให้ก็คือจะไม่แยงตากับกระจกมองท้ายเหมือนรถ SUV ทั่วไป ทำให้มันเหมือนรถยุโรป ผมชอบมากๆ

      การออกแบบของพวงมาลัยมาสด้าเป็นเอกลักษณ์ ตัววงพวงมาลัยเป็นวงกลม ไม่ใช่ท้ายตัดเพราะมาสด้าบอกว่าการที่เราหมุนพวงมาลัยต่าง ๆ มันจะได้สมูทลื่นไหล สามารถปรับได้ 4 ทิศทาง ด้านขวาก็จะเป็นในเรื่องของระบบ Adaptive Cruise Control เนื่องจากรุ่นนี้มาในถึงจุดหยุดนิ่งหรือว่าทางมาสด้าเรียกระบบนี้ว่า MRCC  ก็สามารถใช้งานได้ง่ายทั่วไปเหมือน Adaptive ทั่วไป มีปุ่ม SET+ เรากดเข้านะครับขณะวิ่งก็จะล็อกความเร็ว เพิ่มความเร็ว +/- ตามปุ่ม SET เลย แล้วก็ตั้งค่าระยะห่างได้ 4 ระดับก็คือ ใกล้ กลาง ไกล มันก็จะแสดงผลที่หน้าจอมาตรวัดเรือนไมล์กลาง ถ้าเราปรับตั้งให้เป็นในเรื่องของระบบความปลอดภัยแล้วก็ยังโชว์ในตัวจอแสดงที่หน้ากระจกด้านหน้าอีกด้วย และมีปุ่มกด Cancel Resum ต่าง ๆ อันนี้ก็ต้องลองไปใช้ดู ด้านซ้ายจะเป็นปุ่มบังคับระบบ เบาเสียง ลดเสียง รับโทรศัพท์ วางโทรศัพท์ หรือแม้กระทั่งสั่งการด้วยเสียง รุ่นนี้ก็มี แล้วก็ INFO ก็จะเป็นในเรื่องของหน้าจอมาตรวัดเรือนไมล์ TFT ขนาด 7 นิ้ว ที่กดไปที่ INFO ก็จะสามารถที่จะตั้งค่าต่าง ๆ ได้ รุ่นนี้หน้าจอดูง่าย ไม่ได้เป็นดิจิทัลทั้งหมด มันมากลาง ๆ สำหรับคนที่คาบเกี่ยว ที่เป็นยุคใหม่หรือยุคเก่า มันมองง่าย

          เบาะมีความพิเศษอีกอย่างเนื่องจากว่าออกแบบมาแบบโอบกระชับ นั่งสบาย คนตัวใหญ่นั่งมันรับกับตัวพอดี ไม่ว่าจะเป็นลัมบาร์หรือว่าช่วงของไหล่ ทำให้ไม่เมื่อยเวลาขับขี่ แล้วก็ตัวพนักพิงออกแบบมาให้รับกับศีรษะ อีกอย่างเรื่องของระบบความปลอดภัย เมื่อเกิดแรงกระแทกเข็มขัดนิรภัยเจะมีการดึงกลับและผ่อนแรงแบบอัตโนมัติถ้าเกิดอุบัติเหตุ เพื่อไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บที่คอ ท่านผู้ชมจะเห็นมันจะนูนขึ้นมารับช่วงโหนกของระหว่างคอกับกะโหลกศีรษะพอดีพอสมควร

         มาที่ส่วนของวางแขน เมื่อเราวางแขนได้พอดี วัสดุนิ่ม พอวางไปสัมผัสมันทำให้เรารีแลกซ์ ในตอนกลางของรถเป็นระบบปรับอากาศแบบดิจิทัลรับอิสระซ้ายขวา ระบบปรับอากาศอันนี้เป็นแบบ 3 โซน ด้านหน้า ซ้ายขวา และตอนหลังอีกหนึ่ง  พิเศษมีปุ่มเป่าลมที่เบาะให้ด้วย ตัวเป่าลมที่เบาะเป็นรู ๆ เป่าขึ้นตรงก้นกับตรงหลังทำให้มันเย็นขึ้นมาแม้กระทั่งว่าแอร์อาจจะไม่เย็น แต่ตัวเราเย็นแล้วทำให้เหมือนรถยุโรป ซึ่งเป็นอีกสิ่งที่เรา

    นอกจากนี้มีที่ชาร์จไฟแบบ Wireless Charge มาให้ แล้วก็ยังมีปุ่ม Push Start มาให้ด้วย สำหรับ CX-8 คันนี้ แล้วก็จะมีจอแสดงผลเรื่องของตำแหน่งเข็มขัดนิรภัยต่าง ๆ มาให้ทั้งหมด 4 ตำแหน่งด้วยกัน เกียร์ของมาสด้าจับพอดีมือเป็นแบบทรงไม่ได้ทันสมัยมากแต่จับแล้วสัมผัสมันดีมาก มีโหมดเกียร์ Manual มาให้ด้วย เและก็มีปุ่ม Select Drive มาให้ด้วยมีปุ่มแบบ SPORT เราสามารถปรับมาที่โหมด SPORT ได้ อารมณ์ของความเป็น SPORT ก็คือรอบจะแรงขึ้น ความเร็วเราสามารถเหยียบแล้วมาได้เร็ว เกียร์จะทำงานชิดกันมากกว่าปกติ  ปุ่ม Control เป็น Center Commander  เบรกมือไฟฟ้าก็มีมาให้ จะเห็นได้ว่าตัวของตรงกลางที่เป็นตัวเกียร์จะเป็นแบบ Piano Black แล้วก็ล้อมกรอบด้วย Chromium แบบด้าน

         คอนโซลมีที่วางแก้วน้ำมาให้ 2 ตำแหน่ง มาถึงที่เก็บของมีไม่ลึกมากมีช่องเสียบเชื่อมต่อ Android Auto มาให้ แล้วก็ USB กับ AUX  

        ด้านบนมีดเด่นของเขาอยู่ที่หลังคา Sunroof ตัวท็อปของเครื่องยนต์เบนซินจะมีมาให้ ถูกกว่าดีเซลหลายแสนแต่ก็มีมาให้ แล้วก็มีตัวม่านเปิดปิดกันแสงด้วย  มาที่ตัวเซนเตอร์กลางของหลังคาก็จะมีไฟ Downlight มาให้ กลางคืนไฟตัวนี้จะพุ่งมาที่ตรงกลาง ไฟภายในห้องโดยสารแบบ LED  ทั้งซ้ายและขวามีปุ่มกดแบบ Soft Touch ตัวนี้ทีที่เก็บแว่นตากันแดดมาให้ด้วย สำหรับที่บังแดดแบบแข็งใช้วัสดุอย่างดี หุ้มด้วยผ้าอย่างดี กระจกมาให้พร้อมไฟส่องแต่งหน้าทั้งฝั่งผู้โดยสารและฝั่งผู้ขับขี่ มีที่ใส่บัตรมาให้ด้วย และตัววกระจกมองหลังออกแบบดีไซน์เหมือนรถยุโรป ไม่มีกรอบและเป็นกระจกตัดแสงอัตโนมัติด้วย ซึ่งตัวนี้ผมชอบมากเพราะบ้านเรารถยนต์ SUV ใหญ่ ๆ แสงพุ่งมาก็คือแสบตามาก แต่มาสด้าสูงต่ำอัตโนมัติไม่แยงตาคันหน้า สำหรับ CX-8 คันนี้

       ความพิเศษของมาสด้า CX-8 มันต่างจาก SUV ทั่วไปก็คือว่าเข้าออกสะดวก บานกว้างมากเปิดออกได้เกือบ 90 องศา จังหวะเหยียบขึ้น Ground Clearance 200 มิลลิเมตร ไม่ได้สูงเหมือน SUV รุ่นนี้เทียบกับตัว MPV แบบสไตล์ Luxury ได้เลย มันไม่สูงมากขึ้นลงสะดวก ใครมีผู้สูงอายุขึ้นลงได้สะดวกสบาย ไม่ต้องก้าวเท้าและไม่ต้องโหนด้วย เพราะว่าไม่ใช่ SUV อันนี้เป็นอีกจุดเด่นนึงของมาสด้า CX-8 

     ห้องผู้โดยสารตอนหลังมันไม่ได้แตกต่างจากนั่งตำแหน่งผู้ขับขี่เลยเพราะเบาะค่อนข้างโอบกระชับ นั่งสบายพอสมควร สำหรับคนสูง 180 ซม. Headroom และ Legroom หลืออีกบานเลย เบาะเขาออกแบบมาสไตล์เหมือนโซฟานะ เบาะรับน่องมามันดีกว่าตัวที่เป็น 7 ที่นั่ง แล้วก็อาจจะดีกว่า SUV ทั่ว ๆ ไปพอสมควร แล้วก็มีที่วางแขนมาให้สามารถพับเก็บได้แต่รู้สึกมันจะเล็กไปสักหน่อย มันสมควรจะกว้างกว่านี้อีกสัก 1 นิ้ว ก็จะช่วยได้เยอะ

        ตัวแผงประตูสำหรับผู้โดยสารด้านท้ายก็ยังออกแบบมาให้รับกับดีไซน์ด้านหน้าที่เป็นแบบ Warm Silver แล้วก็มี Chromium ตัดสลับ และที่สำคัญคันนี้มันเหมาะสำหรับที่จะเป็นรถผู้บริหารอีกคันนึง ถ้าใครที่ไม่อยากใช้รถ MPV อย่างพวก Alphard หรือว่าพวก Hyundai อะไรต่าง ๆ คันนี้ก็เหมาะ แล้วก็ยังมีม่านบังแดดสำหรับกระจกผู้โดยสารตอนหลังมาให้ด้วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว มันก็จะเหมือนอยู่ในรถหรู ๆ พวก Mercedes-Benz ที่เป็นพวก GLE หรือว่ารถระดับบริหาร พวก E-Class / C-Class ซึ่งครบครัน ตอบโจทย์สำหรับรถนั่งครอบครัว แล้วก็สำหรับผู้บริหาร

       ตำแหน่งของเก้าอี้สามารถปรับเลื่อนขึ้นมาได้ ปรับโยกได้ เอนนอนได้แต่ก็ไม่สุด ิพนักพิงศีรษะปรับได้เช่นเดียวกัน นั่งสบาย ถ้าใครที่ไม่ชอบ ไม่อยากนั่งรถ SUV แต่อยากได้รถที่เป็นแบบสไตล์นั่งแบบ MPV แต่ไม่ชอบรถยกสูง อคันนี้ตอบโจทย์ แล้วก็มีแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนท้ายมาให้ด้วย สามารถปรับอิสระจากข้างหน้ามีเพิ่มลมแอร์ ปรับตำแหน่งเป่าลมแอร์ได้และเป่าเท้าได้ด้วย ปรับเพิ่มลดอุณหภูมิได้และมีที่วางแก้วน้ำมาให้  มีช่องเสียบ USB สำหรับชาร์จไฟ 2.5A มาให้ 2 จุด อันนี้ถือว่าเพียงพอ และที่สำคัญเบาะเป็นแบบแยกอิสระทำให้เราสามารถที่จะเดินไปตอนหลังได้ หรือว่าใครที่มีลูกเด็กเล็กแดงนั่งไปด้วยก็เดินจากตอนกลางไปนั่งที่นั่งแถว 3 ได้เลย อันนี้ตอบโจทย์มาก ผมชอบกว่าที่เป็นตัวเบาะ Captain Seat ไฟฟ้า รุ่นี้ผมว่าดีดูแลรักษาง่าย ใช้งานง่าย 

        เบาะนั่งแถว 3 ใช้งานได้จริง สำหรับคนสูงและตัวใหญ่ถ้าปรับเบาะดีๆ ก็สามารถนั่งได้สบายในระดับหนึ่งแต่อาจไม่มากถ้าเดินทางไกลอาจเมื่อยได้ แถวที่ 3 เหมาะสำหรับเด็กและคนตัวเล็กมากกว่า แต่ถ้าจำเป็นต้องนั่งไม่เสียหายเลยมันนั่งได้ดีกว่าบางค่ายด้วยซ้ำ เพราะการออกแบบของ CX-8 ลงตัวกว่ารถยนต์ 7 ที่นั่งทั่วไป เนื่องจากตัวฐานล้อหรือว่าภายในห้องโดยสารของเขาเนี่ย จัดเรียงมาให้สำหรับนั่งได้ 6-7 ที่นั่ง ค่อนข้างที่จะดีทีเดียว เมื่อนั่งแล้วตัวน่องกับเข่าค่อนข้างชัน ถึงแม้ว่าจะชันแต่ออกแบบก้นนั่งได้พอดีเหมือนพวกรถยุโรป และก็มีเข็มขัดนิรภัยมาให้อีก 2 จุด สำหรับผู้โดยสารตอนท้ายแถว 3 มีที่วางแก้วน้ำมาให้ด้วยทั้ง 2 ฝั่งเลย  และมีที่ชาร์จไฟ USB แบบธรรมดา ไม่ใช่ USB-C  มีมาให้ทั้ง 2 ข้างเช่นเดียวกัน แล้วก็มีลำโพงมาให้ด้วยคู่หลังทั้ง 2 ข้าง มีไฟภายในห้องโดยสารมาให้ด้วยมีที่ล็อกของมาให้ถ้าเราพับเบาะ มันก็พอไปได้แต่อาจจะเวียนหัวหรือเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจ แต่เนื่องจากมีกระจกสำหรับแถว 3 มาให้ ก็น่าจะช่วยได้ระดับนึง

          ประตูความด้านท้ายมี Kick Sensor เปิดได้ง่าย ใช้งานได้ดีทีเดียว ที่ห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายถ้าเรานั่งกันมา 6 ตัวแถวที่ 3 นั่ง พื้นที่เก็บจะน้อยสักหน่อยซึ่งความจุทั้งหมด 239 ลิตร ก็อาจจะได้กระเป๋าเดินทางที่เป็นเป้สัก 3-4 ใบ  เราสามารถเปิดช่องข้างล่างเพื่อเก็บของเล็กๆน้อยๆ ได้โดยความจุอยู่ที่ 65 ลิตร เปิดเข้ามามียางอะไหล่แต่ก็เป็นยางอะไหล่แบบขนาดเล็ก ไม่ใช่ขนาดเท่ากับยางจริงและมีตัวแม่แรง รวมถึงตัวน็อตหมุนเกลียวต่าง ๆ มาให้ครบครัน  ถ้าเราพับตัวเบาะนั่งแถวที่ 3 ลงไปจะได้จำนวนจุทั้งหมดเท่ากับ 527 ลิตร ถ้าเราไป 4 คน สามารถวางกระเป๋าได้ค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าเราไปกัน 2 คน เราพับเบาะที่นั่งแถว 2 ลง เราจะได้พื้นที่เป็นระนาบ พื้นที่ทั้งหมดก็จะอยู่ที่ 1,727 ลิตร ค่อนข้างเยอะทีเดียว ส่วนตอนท้ายก็ยังมีช่อง Power Outlet มาให้1 ตำแหน่ง และมีตัวเก็บล็อกตะข่ายกันของกลิ้งต่าง ๆ มีมาให้ แล้วก็มีตัวเกี่ยวของเล็กๆ น้อย ๆ มาให้  และมีช่องเก็บของเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้อีกทางด้านซ้ายและด้านขวานะครับ

สรุปความน่าใช้

การใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.5 มีการตอบสนองที่ค่อนข้างรวดเร็วและยังให้ความประหยัด รวมถึงให้กำลังที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการออกตัว เร่งแซง มีการตัดต่อถ่ายกำลังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราประทับใจมาก ที่สำคัญพวงมาลัยเป็นพวงมาลัยแบบไฟฟ้า เมื่อขับแล้วก็ค่อนข้างเบาในความเร็วสูง ๆ  ก็ถือว่าเบาทีเดียวแต่ก็ยังควบคุมเอาอยู่ เมื่อหักเลี้ยวตัวรถก็ยังทรงตัวได้ดี ไม่มีย้วยหรือโยน สำหรับช่วงล่างไม่ได้กระด้างแบบรถ SUV และไม่ได้นุ่มจนเกินไปแบบรถ MPV  หากใช้ขับเองก็ขับสบาย

        CX8 เป็นเครื่องยนต์เบนซิน หากขับขี้นอกเมืองมาสด้าเคลมไว้ที่ 13.2 กิโลเมตร/ลิตร ก็เรียกได้ว่าไม่ได้ประหยัดแต่ก็ไม่ได้เปลืองจนเกินไป แต่ถ้าถามเกี่ยวกับราคาและความคุ้มค่าที่ทางมาสด้าให้มา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเครื่องยนต์ ช่วงล่าง เบาะนั่งที่เป็น Captian Seat แบบแยกซ้ายขวาอิสระและระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ที่มาใน CX-8 ตัวท็อปเบนซินกับราคาค่าตัว 1,699,000 บาท ถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว  คู่แข่งของรุ่นนี้สำหรับ 6-7 ที่นั่ง ก็มี Toyota Fortuner Mitsubishi Pajero Sport Ford Everest ที่เพิ่งออกใหม่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล 

           ใครที่อยากได้รถแบบ MPV แต่ไม่ได้อยากได้ทรงรถตู้เพราะวันธรรมดาอยากขับไปเที่ยว รวมไปถึงอยากได้รถสไตล์ครอบครัวด้วย Mazda CX8 ตอบโจทย์มาก การขับขี่สามารถทำได้ดีแต่ความเร็วอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้สำหรับคน SUV ทรงสูงแบบนี้  พวงมาลัยก็มีน้ำมันเบาทำให้ควบคุมง่าย ไม่ว่าจะเป็นคุณผู้หญิงตัวเล็ก หรือคุณชายที่ต้องการรถที่ขับง่ายๆก็ค่อนข้างตอบโจทย์เลยทีเดียว หรือจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่มีอายุก็สามารถขับได้เพราะมีช่วงล่างที่นุ่ม ไม่กระเด้งกระดอนจนเกินไป สามารถวิ่งบนถนนซีเมนต์ได้ราบรานดี นอกจากนี้สายเที่ยว สายลุยหรือคนเพื่อนเยอะก็ยังตอบโจทย์เพราะด้วยมีให้เลือกถึง 2 รูปแบบ ทั้ง 6 และ 7 ที่นั่ง ไปกับเพื่อนหลายคนก็หมดห่วง หรือขนของเยอะก็หมดกังวล

       MAZDA CX-8  เหมาะกับคนหลากหลายกลุ่ม คุณจะมีครอบครัวหรือเป็นหนุ่มสาวตัวคนเดียว เพราะภายในที่ครบครันตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดีซึ่งหากเป็นครอบครัวก็บอกได้เลยว่าคุ้มค่า ไปได้ทั้งครอบครัวเพราะไม่ว่าคุณจะนั่งแถวไหนก็ให้ความสบายได้ทุกมุม อีกทั้งแถวที่ 3 ก็ยังนั่งสบายกว่าบางรุ่นและสามารถใช้งานได้จริงแต่อาจจะต้องเป็นเด็ก หรือคุณผู้หญิงตัวเล็ก แต่หากคุณเป็นคนโสดก็สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างสบายเพราะภายนอกหรูหราชวนมอง และสามารถใช้งานในวันทำงานแบบหรูหรามีคนขับรถนั่งสบายๆไปทำงานหรือรับลูก วันหยุดก็สามารถขับขี่เองในการเดินทางไกลได้อย่างสบายๆ ด้วยระบบช่วยเหลือต่างๆ พร้อมทั้งเก็บสิ่งของในการเดินทางได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งเครื่องยนต์ดีเซล ดูแลง่าย