Vision EQS คือหลักชัยสำคัญบนเส้นทางแห่งอนาคตของ Mercedes-Benz คอนเซ็ปต์คาร์คันนี้เผยโฉมครั้งแรกในโลกที่งานแฟรงก์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2019 กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา มันคือความท้าทายครั้งใหม่ของ Mercedes-Benz ที่แสดงให้เห็นถึงทิศทางบริษัทในอนาคตนั่นก็คือความยั่งยืนตามหลักปรัชญาของแบรนด์และมุมมองด้านกลยุทธ์องค์กร Vision EQS เปิดเผยตัวตนในฐานะ Large Electric Luxury Saloon ที่มาพร้อมกับดีไซน์ล้ำอนาคต ระบบขับขี่อัตโนมัติ ความประณีตพิถีพิถัน ความเร้าอารมณ์ วัสดุที่หรูหรา และการขับขี่ที่สนุกสนาน
ความงามที่ล้ำอนาคต
Vision EQS ออกแบบภายใต้ปรัชญา Progressive Luxury ของ Mercedes-Benz EQ โดยใช้นวัตกรรมแบบใหม่ที่ทำให้รถมีสัดส่วนเป็นหนึ่งเดียว ดีไซน์ภายนอกมีความโค้งมน ลดทอนเส้นสายเฉียบคมที่ไม่จำเป็นแล้วเน้นมิติความเงางามตามส่วนต่างๆ ของตัวถัง ทำให้รูปลักษณ์โดยรวมดูน่าทึ่งตั้งแต่แรกเห็น หรูหรา และมีแอโรไดนามิกที่ดี
โครงสร้างภายนอกที่เรียกว่า Lightbelt คือทิศทางการออกแบบใหม่ ผลที่ได้คือตัวถังแบบสีทูโทน แถบสีเข้มตั้งแต่เส้น shoulder line ขึ้นไปช่วยทำให้ห้องกระจกดูลอยตัวจากบอดี้สีเงินเมทัลลิก รถทั้งคันเชื่อมต่อเป็นก้อนเดียวกันตั้งแต่กระจังหน้าจนถึงท้ายรถ
ฟีเจอร์สุดล้ำของรถคันนี้ประกอบด้วยไฟหน้าแบบ DIGITAL LIGHT แต่ละข้างจะมีเลนส์โฮโลกราฟิก 2 โมดูลทำงานสัมพันธ์กับ lightbelt 360 องศารอบคันรถ ไฟหน้าชุดนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ Vision EQS ดูล้ำยุคอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันยังสามารถเปลี่ยนการส่องสว่างของลำแสงได้หลากหลายรูปแบบตามที่ Mercedes-Benz จะตั้งค่าใส่ลงไป
โลโก้ดาวสามแฉกขนาดใหญ่ประทับลอยตัวอยู่กระจังหน้าแบบดิจิตอลที่แสดงผลเป็นเอฟเฟกต์ light matrix กระจังหน้านี้ประกอบด้วยหลอด LED 188 หลอดเป็นครั้งแรกของโลก มันสามารถแสดงผลได้อย่างแม่นยำ พื้นหลังเป็นสีดำ เอฟเฟกต์แสงเป็นรูปดวงดาว ทำให้ดูโดยรวมแล้วเหมือนท้องฟ้าตอนกลางคืนที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว
บรรยากาศอันน่าอัศจรรย์
ภายในของ Vision EQS ผสมผสานแรงบันดาลใจมาจากเรืองยอร์ชสุดหรู ไซน์โดยรวมมีความลื่นไหล ดูสะอาดตา ทั้งยังมีความโมเดิร์นผสมกับความหรูหราอย่างลงตัว
เป็นครั้งแรกที่แดชบอร์ดผสานเป็นชิ้นเดียวกับขอบด้านหน้าของห้องโดยสาร ที่นั่งคนขับมีพื้นที่ที่เปิดกว้างและลึกให้ความรู้สึกโอบล้อมเหมือนกับดาดฟ้าเรือ หน้าจอควบคุมแบบรวม คอนโซลกลาง และที่วางแขนลอยอยู่เหนือพื้นที่ระหว่างเบาะคู่หน้า และนี่เป็นครั้งแรกที่ Mercedes-Benz เปิดเผยให้เห็นถึงภาพรวมการตกแต่งห้องโดยสารของซาลูนหรูในอนาคต
วัสดุตกแต่งภายในของ Vision EQS แสดงให้เห็นว่ารถคันนี้มีความพิเศษจากการที่ Mercedes-Benz ตั้งใจพัฒนาวัสดุที่มาจากการช่วยโลกและสามารถใช้งานได้อย่างยั่งยืนและสวยงามยาวนาน วัสดุที่ใช้มีทั้งวัสดุดั้งเดิมและวัสดุที่คิดค้นจากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ตัวอย่างได้แก่ DINAMICA microfiber คุณภาพสูงสี crystal white จับคู่กับการตกแต่งด้วยลายไม้เมเปิล วัสดุนี้รีไซเคิลมาจากขวดพลาสติก PET นอกจากนี้ยังใช้หนังสังเคราะห์ที่ให้ผิวสัมผัสคล้ายกับหนัง nappa leather สำหรับวัสดุบุเพดานหลังคานั้นทำมาจากผ้าพิเศษที่เส้นใยได้มาจากการรีไซเคิลขยะพลาสติกในมหาสมุทร
Vision EQS นำเสนอสถาปัตยกรรมภายในขนาดใหญ่ที่มาพร้อมความล้ำสมัย ระบบดิจิตอลคอนเทนต์สามารถสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับผู้ใช้ได้อย่างไม่เคยมีมาก่อน การผสมผสานของวัสดุและข้อมูลแสดงให้เห็นถึงการมีปฏิสัมพันธ์ที่ง่ายดายในอนาคต
จอแสดงผลแบบปกติและพื้นผิวแบบสะท้อนช่วยเพิ่มพื้นที่การแสดงผลพร้อมกับระบบแสงอัจฉริยะ CONNECTED LIGHT รอบตัวผู้โดยสาร ช่องลมแอร์ฝังรวมอยู่ในองค์ประกอบของการตกแต่งแดชบอร์ด, ลำโพงดีไซน์หรูครอบทับด้วยกรอบสี rose gold, ขวดน้ำหอมถูกตกแต่งเฉกเช่นอัญมณี ทั้งหมดนี้สื่อให้เห็นถึงความประณีตของการตกแต่งภายในของรถ VISION EQS
ระบบขับเคลื่อนแห่งอนาคต Mercedes-Benz EQ Performance
ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่เพลาหน้าและเพลาหลังและแบตเตอรี่ที่ซ่อนอยู่ใต้ท้องรถ VISION EQS จึงเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อ All-wheel drive พ่วงด้วยระบบกระจายแรงบิดไปตามแต่ละเพลาแบบแปรผัน พละกำลังทั้งหมดมีมากกว่า 350 กิโลวัตต์ แรงบิดอยู่ทีประมาณ 760 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุดมากกว่า 200 กม./ชม. ด้วยความจุแบตเตอรี่กว่า 100 kWh ทำให้ VISION EQS มีระยะทางขับขี่สูงสุดถึง 700 กม. ตามมาตรฐาน WLTP และมีประสิทธิภาพการชาร์จ 0-80% ในเวลาน้อยกว่า 20 นาที
ด้วยความยอดเยี่ยมของเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม Vision EQS, Mercedes-Benz สามารถเลือกใช้แพลตฟอร์มระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าซึ่งมีความสามารถในการปรับขนาดได้ในรถหลายรุ่น ต้องขอบคุณระบบโมดูลาร์ที่ทันสมัย ฐานล้อและระยะแทร็ก ตลอดจนส่วนประกอบอื่นๆ ของระบบโดยเฉพาะแบตเตอรี่ที่เป็นตัวแปรที่เหมาะสำหรับแนวคิดยานพาหนะที่หลากหลายกับความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและการผลิตภายในบริษัท
Mercedes-Benz ได้รับประโยชน์จากกลุ่มพันธมิตรและกลยุทธ์แบบแยกส่วนรุ่นซีรีย์สำหรับระบบขับเคลื่อนทางเลือกและการเข้าถึงส่วนประกอบสำคัญสำหรับ e-mobility โดยตรง ตัวอย่างเช่นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนประสิทธิภาพสูงที่มาจาก ACCUMOTIVE บริษัทในเครือของ Daimler
ตัวถังของ Vision EQS ทำจากวัสดุผสมหลายอย่างอาทิ อะลูมิเนียม คาร์บอนไฟเบอร์ รวมถึงวัสดุรีไซเคิล สิ่งนี้ตอบสนองความต้องการได้อย่างเหมาะสมในแง่ของการออกแบบที่มีน้ำหนักเบา มีความแข็งแรง มีประสิทธิภาพด้านราคา และประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม
VISION EQS ยังมาพร้อมกับระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติ Level 3 ที่สามารถขับเคลื่อนได้เองบนมอเตอร์เวย์ ระบบเซ็นเซอร์แบบแยกส่วนอิสระเหล่านี้สามารถขยายไปสู่การขับขี่แบบอัตโนมัติระดับที่สูงขึ้นได้ในอนาคต
Technical data:
CO2 emissions |
0 g/km |
Range (WLTP) |
up to 700 km. |
Output |
approx. 350 kW |
Acceleration (0-100 km/h) |
< 4.5 seconds |
Top speed |
> 200 km/h |
Peak torque |
approx. 760 Nm |
Battery capacity |
approx. 100 kWh |
Charging output (DC) |
350 kW |
Drive system |
All-wheel drive (fully variable) |
Gallery