Mercedes-Benz S-Class Facelift เปิดตัวพร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติรุ่นใหม่

         Mercedes-Benz S-Class Facelift มาพร้อมเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติรุ่นใหม่ เครื่องยนต์อัพเดทใหม่ และรูปลักษณ์ใหม่

         เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ Mercedes-Benz S-Class ต้องเสียแชมป์ Luxury Car of the ให้กับ BMW 5 Series เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่ง S-Class ครองตำแหน่งดังกล่าวมา 3 ปีซ้อน แต่เมื่อมันเริ่มออกวางจำหน่ายในปี 2014 ซาลูนเรือธงรุ่นนี้ก็เริ่มถูกนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งอื่นที่มีเทคโนโลยีที่มากขึ้นและใหม่กว่า

         Mercedes ตอบโต้อย่างรวดเร็วด้วยเวอร์ชั่นเฟสลิฟท์ ซึ่งจะเข้าสู่อังกฤษในเดือนตุลาคม ภายนอกของมันได้รับการปรับปรุงใหม่เพียงเล็กน้อย แต่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในจุดอื่น โดยมันมาพร้อมรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบใหม่ ได้แก่ S 350d และ S 400d ความจุ 3.0 ลิตร ผลิตแรงม้าได้ 207 และ 336 แรงม้าตามลำดับ เช่นเดียวกับ S-Class ตัวปัจจุบัน S 350d ใหม่น่าจะให้พละกำลังเพียงพอต่อผู้ซื้อส่วนใหญ่

         เมื่อถามถึงรุ่นไฮบริด S-Class ก็มี S 560e ซึ่งสามารถวิ่งได้ไกลสุดถึง 50 กิโลเมตรเมื่อใช้ไฟฟ้าอย่างเดียว หากผู้ซื้อมองหาสมรรถนะขั้นสูงก็มีรุ่น S 63 เครื่อง V8 และ S 65 เครื่อง V12 ให้เลือก ซึ่งตัวหลังสามารถเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 4.3 วินาที

         ภายในของ S-Class มาพร้อมหน้าจอ 12.3 นิ้ว ขนาดใหญ่ ในรุ่นก่อนแผงแดชบอร์ดจะเป็นสองจอ แยกจากกัน แต่ตอนนี้นำมารวมกันเหมือนใน E-Class รุ่นล่าสุดแล้ว ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนรูปแบบของการแสดงผลข้อมูลโดยใช้โหมดที่ตั้งไว้ล่วงหน้า 3 แบบ ได้แก่ Sport, Classic และ Progressive

         คุณสามารถเลือก 1 ใน 6 โปรแกรมการปรับตั้งค่าในห้องโดยสาร ซึ่งมันรวมทั้งระบบทำความร้อน เบาะนวดไฟฟ้า ไฟตกแต่งห้องโดยสาร และระบบเครื่องเสียง ช่วยให้บรรยากาศใน S-Class เป็นไปตามที่คุณต้องการ

         S-Class รุ่นล่าสุดมีจุดเด่นที่ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติที่ก้าวล้ำมากที่สุดในตอนนี้คือ Dubbed Distronic Active Proximity Control มันสามารถเร่งและเบรกได้โดยอัตโนมัติตามความเร็วที่กำหนด แถมยังบังคับพวงมาลัยได้เองนานถึง 30 วินาที รวมถึงการเปลี่ยนเลน ช่วยบังคับเลี้ยว และระบบเบรกอัตโนมัติ ช่วยให้การขับขี่ S-Class รุ่นใหม่เป็นเรื่องง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

         กว่า 80% ของลูกค้าในอังกฤษนิยมเลือก S-Class สเป็ก AMG Line ดังนั้น Mercedes จึงเตรียมเพิ่มรุ่น Entry อย่าง SE เข้ามาใน S-Class ใหม่ ส่งผลให้ราคาของ S 350d เพิ่มขึ้นเป็นราวๆ 72,000 ปอนด์ ( 3.6 ล้านบาท) ทำให้มันมีราคาแพงกว่าคู่แข่งสำคัญอย่าง BMW 730d ที่มีราคา 65,300 ปอนด์ (3.265 ล้านบาท) อย่างไรก็ตามตัวแทนจำหน่ายของ Mercedes ได้ลบข้อเสียเปรียบตรงนี้โดยให้เป็นส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าเก่าที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้ S-Class รุ่นใหม่

Exit mobile version