Mercedes-Benz C-Class Facelift ประกอบไทย นำเสนอ 3 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้น 2.439 ล้านบาท

             เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว The new C-Class รุ่นปรับโฉมหรือ Facelift ปรับใหม่หลายจุด พร้อมเทคโนโลยีช่วยขับขี่อันล้ำสมัยใกล้เคียงรุ่นพี่ S-Class ขึ้นไปอีกขั้น

ราคาและรุ่นย่อย

           หลังจากเปิดตัวในยุโรปไปเมื่อไม่นานมานี้ C-Class Facelift ก็เดินทางสู่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เบื้องต้นเปิดตัวในรหัส C 220 d เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร นำเสนอ 3 รุ่นย่อย ได้แก่ Avantgarde สำหรับผู้เริ่มต้น Exclusive สำหรับผู้ที่เน้นความหรูหรา และ AMG Dynamic สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความสปอร์ต ทุกรุ่นประกอบในประเทศไทย 

            C-Class ใหม่เป็นการผสมผสานคุณสมบัติอัจฉริยะและความเร้าใจเข้าด้วยกัน มีปรับดีไซน์ใหม่หลายจุดทั้งภายนอกและภายในโดยเฉพาะด้านหน้า ไฟหน้า และไฟท้าย รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่มีประสิทธิภาพเทียบเท่า S-Class พร้อมความสามารถในการขับขี่แบบกึ่งอัตโนมัติ

ดีไซน์ภายนอก

            ดีไซน์ภายนอกโดยรวมอาจไม่เปลี่ยนแปลงมากเพราะของเดิมก็สมบูรณ์แบบดีอยู่แล้ว รุ่น Avantgarde จะใช้กระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมียมพร้อมตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz และล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางหน้า 225/45 R18 ยางหลัง 245/40 R18  

            รุ่น Exclusive จะเป็นกระจังหน้าแบบคลาสสิคให้ความหรูหราภูมิฐาน พร้อมสัญลักษณ์ดาว 3 แฉกเหนือฝากระโปรงหน้า และล้ออัลลอยแบบ multi-spoke ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางหน้า 225/45 R18 ยางหลัง 245/40 R18  

            ส่วนรุ่น AMG Dynamic จะติดตั้งกระจังหน้าแบบ diamond grille สีเงิน พร้อมตราสัญลักษณ์ Mercedes-Benz และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว ตกแต่งด้วยสีดำ พร้อมยางหน้า 225/40 R19 ยางหลัง 255/35 R19 เสริมความสปอร์ตด้วยชุดแต่ง AMG Bodystyling กันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้างดีไซน์สปอร์ต ตลอดจนหลังคาพาโนรามิคซันรูฟเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า

             จุดที่เปลี่ยนแปลงชัดเจนที่สุดคือไฟหน้าแบบใหม่ที่ได้รับการออกแบบโดยใช้เส้นโค้งเป็นองค์ประกอบหลักเพื่อสร้างความประทับใจสูงสุดในแง่รูปลักษณ์และความรู้สึก รุ่น Avantgarde เป็นไฟหน้าแบบ LED High Performance ส่วนรุ่น Exclusive และ AMG Dynamic เป็นเทคโนโลยีไฟหน้า MULTIBEAM LED พร้อมระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam ที่ติดตั้งมาเป็นครั้งแรกในรถยนต์ C-Class

            ระบบไฟสูง ULTRA RANGE Highbeam นี้ประกอบด้วยหลอด LED ที่ทำงานแยกอิสระจำนวน 84 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1 โคมที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้งยังสามารถปรับความเข้มแสง โดยใช้ระบบไฟหน้าให้เข้ากับสภาพการจราจรโดยรอบได้ ซึ่งระบบไฟหน้า MULTIBEAM LED มีคุณสมบัติพิเศษมากมายที่เหนือกว่าระบบไฟหน้า LED มาตรฐาน เช่น ระบบไฟส่องสว่างขณะขับผ่านสี่แยกหรือวงเวียน ระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเมือง และระบบไฟส่องสว่างสำหรับสภาวะอากาศเลวร้าย

            ทั้งนี้ ระบบไฟสูง ULTRA RANGE Highbeam จะทำงานอัตโนมัติ หากระบบตรวจจับได้ว่าไม่มีผู้สัญจรในทางรถสวน ถนนข้างหน้าเป็นทางตรง และผู้ขับขี่กำลังใช้ความเร็วตั้งแต่ 40 กม./ชม. ขึ้นไป ระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam จะช่วยให้ไฟหน้าของรถมีความสว่างในระดับที่สูงขึ้นตามความเร็วของรถ โดยสามารถส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตร

            สำหรับไฟท้ายก็ปรับใหม่เช่นกันโดยตัวโคมยังเหมือนเดิมแต่ปรับชิ้นส่วนภายในใหม่ด้วยไฟหรี่ LED รูปตัว C ที่ดูทันสมัยยิ่งขึ้น 

เรื่องราวของภายใน

            ภายในห้องโดยสารของ C-Class ใหม่ถูกออกแบบให้มีความหรูหราสไตล์สปอร์ต และมีโครงสร้างที่ดูต่อเนื่องเป็นชิ้นเดียว โดยรุ่น Avantgarde จะมาพร้อมกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันพร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control ขณะที่รุ่น Exclusive จะใช้พวงมาลัยระบบพาวเวอร์ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าและปรับน้ำหนักตามความเร็วรถ ส่วนรุ่น AMG Dynamic มาพร้อมกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตฐานตัด พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch Control

            รุ่น Avantgarde และ Exclusive ใช้เบาะหนัง ARTICO ส่วนรุ่น AMG Dynamic ใช้เบาะหนังแบบสปอร์ต เบาะด้านหลังของทุกรุ่นสามารถพับลงได้แบบ 1/3 และ 2/3 ห้องเก็บสัมภาระจุ 455 ลิตร ประโปงท้ายเปิด-ปิดระบบไฟฟ้า นอกจากนี้ทั้ง 3 รุ่นยังมาพร้อมกับปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start) ในขณะที่รุ่น Exclusive และ AMG Dynamic จะมีระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO เสริมเข้ามาด้วย

            C-Class ใหม่นำเทคโนโลยีและรูปแบบการใช้งานมาจาก S-Class รุ่น AMG Dynamic มาพร้อมหน้าปัด Full Digital ขนาดใหญ่ถึง 12.3 นิ้ว ที่สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 แบบ คือ Classic, Progressive และ Sport หน้าปัดใหม่แสดงผลได้สวยงามและน่าใช้ขึ้นมาก

            หน้าจอมัลติมีเดีย MB Audio 20 บริเวณกลางแดชบอร์ดมีขนาด 10.25 นิ้ว ใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัสด้วยทัชแพดและแป้นหมุนที่คอนโซลกลาง รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน Apple CarPlay, Android Auto และ Bluetooth มีระบบแผนที่นำทางรุ่นล่าสุด รุ่น AMG Dynamic มาพร้อมระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester

            นอกจากนี้ยังเพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทางด้วยระบบไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light ที่ปรับสีได้ถึง 64 สี และในรุ่น The C 220 d Exclusive ยังได้ติดตั้งฟังก์ชั่นปรับสมดุลอากาศภายในห้องโดยสาร (AIR BALANCE package) ที่ช่วยฟอกอากาศ พร้อมปรับอากาศให้มีกลิ่นหอมด้วยน้ำหอมชนิดเดียวกับ S-Class

 

ขุมพลังใต้ฝากระโปรง

                C-Class ใหม่เปิดตัวพร้อมรหัส C 220 d ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้พละกำสูงสุด 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูง 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9G – Tronic มีแพดเดิลชิฟท์ที่พวงมาลัย พร้อมพาคุณพุ่งทะยานจาก 0 – 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม. มาพร้อมระบบปรับรูปแบบการขับขี่ DYNAMIC SELECT ที่มีให้เลือก 5 โหมด

เทคโนโลยีช่วยขับและความปลอดภัย

            C-Class ใหม่บรรจุเทคโนโลยีล้ำสมัยพร้อมกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่รุ่นล่าสุดซึ่งมีความคล้ายคลึงกับระบบของ S-Class ได้แก่ ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า (Active Distance Assist DISTRONIC) ทำงานโดยใช้สัญญาณเรดาร์ที่ติดตั้งบริเวณกันชนหน้าคำนวณระยะห่างที่ให้สัมพันธ์กับความเร็วของรถในขณะนั้น และลดความเร็วของรถโดยอัตโนมัติ รวมทั้งช่วยเบรกด้วยระดับแรงเบรกประมาณ 50% เพี่อรักษาระยะห่างตามที่กำหนด ระบบนี้สามารถตั้งค่าความเร็วของรถที่ผู้ขับขี่ต้องการได้ตั้งแต่ 0 – 200 กม./ชม. ระบบสามารถลดความเร็วจนกระทั่งหยุดนิ่งและออกตัวตามรถยนต์คันที่อยู่ด้านหน้าได้หากรถยนต์คันหน้าหยุดนิ่งเป็นเวลาไม่เกิน 3 วินาทีแล้วเคลื่อนที่ต่อ

            ระบบความปลอดภัยจัดเต็มด้วยโปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (Electronic Stability Program – ESP®), ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (Anti-lock braking system – ABS), ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist, ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Adaptive brake light), ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ ABA (Active Brake Assist system), ระบบรักษาความเร็ว (Cruise Control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC), ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST Service interval indicator), ระบบเตือนแรงดันลมยาง (Tyre pressure loss warning system) ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST), เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC), ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดแบบอัตโนมัติ (Active Parking Assist)นอกจากนั้นยังมีกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround view camera) และกล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ (Reversing camera)

                C-Class เจนเนอเรชันปัจจุบันได้รับความสำเร็จและการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา เหตุผลหนึ่งก็เพราะมีตัวถังให้เลือกครบทุกสไตล์ตั้งแต่ ซาลูน คูเป้ คอนเวอร์ทิเบิล และเอสเตท ตลอดจนมีรุ่นย่อยให้เลือกหลากหลาย ทำให้ในปี 2017 ที่ผ่านมา C-Class ทำยอดขายทั่วโลกรวมกันสูงถึงกว่า 415,000 คัน เป็นคลาสที่ขายดีที่สุดของบริษัท

                ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้แล้วที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั้ง 32 แห่งทั่วประเทศ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.mercedes-benz.co.th  หรือ www.facebook.com/MercedesBenzThailand

Gallery

Exit mobile version