Mercedes-Benz C 300 e รุ่นประกอบในประเทศ เปิด 2 รุ่นย่อย เริ่มต้น 2.699 ล้านบาท

        เมอร์เซเดสเบนซ์ (ประเทศไทย) เปิดตัวรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (EQ Power) เจนเนอเรชั่นที่ 3 ภายใต้แบรนด์ EQ อย่าง Mercedes-Benz C 300 e รุ่นประกอบในประเทศ นำเสนอ 2 รุ่นย่อย ได้แก่ C 300 e Avantgarde ราคา 2,699,000 บาท และ C 300 e AMG Dynamic ราคา 3,215,000 บาท

         Mercedes-Benz C 300 e รุ่นประกอบในประเทศ คือ รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (EQ Power) เจนเนอเรชั่นที่ 3 โดดเด่นในเรื่องสมรรถนะจากเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดผสานกับพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า ควบคู่กับประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นของแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนชนิดใหม่ที่สามารถประจุไฟฟ้าได้มากกว่าเดิม ส่งผลให้ระยะทางสูงสุดสำหรับการขับขี่โดยใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวเพิ่มขึ้นจากเจนเนอเรชั่นก่อนหน้าถึง 30% และช่วยให้อัตราการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงในโหมดไฮบริดเพิ่มขึ้น

         ดีไซน์ภายนอกของ C 300 e โดดเด่นด้วยการออกแบบที่ดูปราดเปรียว เร้าใจ ผสานด้วยคุณสมบัติอัจฉริยะของอุปกรณ์ต่างๆ โดยรุ่น Avantgarde จะใช้กระจังหน้าสีเงินเสริมโครเมี่ยม พร้อมตราโลโก้ Mercedes-Benz และล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว

         รุ่น AMG Dynamic มาในภาพลักษณ์แบบสปอร์ต ติดตั้งกระจังหน้า diamond grille สีเงินพร้อมตราโลโก้ Mercedes-Benz และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 18 นิ้ว โดยมีกันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้างเป็นดีไซน์สปอร์ตแบบ AMG Bodystyling

Mercedes-Benz C 300 e Avantgarde
Mercedes-Benz C 300 e AMG Dynamic

        โคมไฟหน้าและหลังได้รับการออกแบบโดยใช้เส้นโค้งเป็นองค์ประกอบหลัก รุ่น Avantgarde ไฟหน้าแบบ LED High Performance ส่วนรุ่น AMG Dynamic เป็นเทคโนโลยีไฟหน้า MULTIBEAM LED พร้อมระบบไฟสูงแบบ ULTRA RANGE Highbeam ซึ่งประกอบด้วยหลอดไฟ LED  ที่ทำงานโดยอิสระจำนวน 84 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1 โคม ที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้งยังสามารถปรับความเข้มแสงโดยใช้ระบบไฟหน้าให้เข้ากับสภาพการจราจรโดยรอบได้ ซึ่งระบบไฟหน้า MULTIBEAM LED มีคุณสมบัติพิเศษมากมายที่เหนือกว่าระบบไฟหน้า LED มาตรฐาน (ที่มีหลอดไฟ LED 19 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1 โคม) เช่น ระบบไฟส่องสว่างขณะขับผ่านสี่แยกหรือวงเวียน ระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเมือง และระบบไฟส่องสว่างสำหรับสภาวะอากาศเลวร้าย

         ทั้งนี้ ระบบไฟสูง ULTRA RANGE Highbeam จะทำงานอัตโนมัติหากระบบตรวจจับได้ว่าไม่มีผู้สัญจรในทางรถสวน ถนนข้างหน้าเป็นทางตรง และผู้ขับขี่กำลังใช้ความเร็วตั้งแต่ 40 กม./ชม. ขึ้นไป ระบบไฟสูง ULTRA RANGE Highbeam จะช่วยให้ไฟหน้าของรถมีความสว่างในระดับที่สูงขึ้นตามความเร็วของรถโดยสามารถส่องสว่างได้ไกลถึง 650 เมตร นอกจากนี้ รุ่น AMG Dynamic ยังมีหลังคาพาโนรามิคซันรูฟที่เลื่อนเปิด-ปิด ได้ด้วยระบบไฟฟ้าอีกด้วย

           ดีไซน์ภายในและห้องโดยสารของ C 300 e ถูกออกแบบให้มีความหรูหราสไตล์สปอร์ต และมีโครงสร้างที่ดูต่อเนื่องเป็นชิ้นเดียว รุ่น Avantgarde มาพร้อมกับพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นพร้อมปุ่มควบคุม Touch Control ขณะที่รุ่น AMG Dynamic จะได้พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบสปอร์ตฐานตัดพร้อมปุ่มควบคุม Touch Control

          รุ่น Avantgarde ใช้เบาะหนัง ARTICO รุ่น AMG Dynamic ใช้เบาะหนังแบบสปอร์ตและมาพร้อมกับ Memory Seat Package โดยทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมกับระบบกุญแจแบบ KEYLESS-START  ขณะที่รุ่น AMG Dynamic มีระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO เสริมเข้ามาด้วย

          C 300 e รุ่น AMG Dynamic ยังมาพร้อมกับหน้าจอมัลติมีเดียบริเวณกลางคอนโซลแบบ MB Audio 20 ขนาด 10.25 นิ้ว เพื่อใช้ในการควบคุมระบบต่างๆ ของรถได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส รองรับ Apple CarPlay, Bluetooth, กล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยรถ (Reversing camera), ระบบถอยจอดแบบอัตโนมัติ และระบบแผนที่นำทาง 3 มิติรูปแบบใหม่ ขับกล่อมการเดินทางด้วยระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester surround sound system 

         C 300 e AMG Dynamic ยังมีระบบไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี และระบบ All-Digital instrument display หน้าจอเรือนไมล์แบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ คือ Classic Sporty และ Progressive

         ใต้ฝากระโปรงของ C 300 e รุ่นประกอบในประเทศ เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,200 – 1,400 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 122 แรงม้า รวมกำลังทั้งระบบ 320 แรงม้า ที่ 4,500 – 5,500 รอบต่อนาที และมีแรงบิดมากถึง 700 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-TRONIC มีระบบ DYNAMIC SELECT ปรับรูปแบบการขับขี่ คือแบบ Sport, Sport+ และ Comfort อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 5.4 วินาที  ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. มีอัตราปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบผสมต่ำกว่า 45 กรัม/กม. 

        C 300 e รุ่นประกอบในประเทศ ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนรุ่นใหม่ที่มีขนาดความจุ 13.5 kWh มากกว่าเดิมถึง 111% ผสานกับประสิทธิภาพของเซลล์แบตเตอรี่ชนิดใหม่ซึ่งมีส่วนผสมของลิเธียม-นิกเกิล-แมงกานีส-โคบอลต์ (Li NMC) ส่งผลให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากความจุ 10% จนเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ภายในระยะเวลาเพียง 1 ชั่วโมง 50 นาที ด้วยเครื่องประจุไฟฟ้าวอลล์บอกซ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และใช้กำลังไฟฟ้าสูงสุด

         C 300 e รุ่นประกอบในประเทศติดตั้งเทคโนโลยีและอุปกรณ์ความปลอดภัยที่มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่รุ่นล่าสุด ประกอบด้วย

รถยนต์ C 300 e รุ่นประกอบในประเทศ ทั้ง 2 รุ่น ได้ผสานเทคโนโลยีอันล้ำสมัยและบริการ Mercedes me connect ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อระหว่างลูกค้า รถยนต์ และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ ซึ่งเทคโนโลยีนี้มาพร้อมฟังก์ชันอันโดดเด่นมากมายที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับเพิ่มบริการและฟังก์ชันต่างๆ ตามต้องการได้ผ่านแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ประกอบด้วย

          สามารถเยี่ยมชม Mercedes-Benz C 300 e รุ่นประกอบในประเทศ พร้อมสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการทั้ง 33 แห่ง ทั่วประเทศ ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.mercedes-benz.co.th หรือ www.facebook.com/MercedesBenzThailand

Gallery

Exit mobile version