Mercedes-AMG GT C Roadster (facelift) ปรับใหม่สู่ความเท่และดุดันยิ่งกว่า ราคา 17.19 ล้านบาท

           เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) สร้างสีสันตลาดรถยนต์สมรรถนะสูงอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Mercedes-AMG GT C Roadster รุ่นปรับโฉมใหม่ นี่คือโรดสเตอร์ที่มีสมรรถนะดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ Mercedes-AMG นำเสนอในราคา 17,190,000 บาท

            Mercedes-AMG GT C Roadster เพิ่งถูกแนะนำตัวในประเทศไทยเมื่อช่วงปลายปี 2017 พร้อมกับฝาแฝดอย่าง Mercedes-AMG GT R ผ่านไปยังไม่ครบ 2 ปีดี รุ่นปรับโฉมใหม่ก็เดินทางมาถึงเมืองไทยเรียบร้อยแล้วพร้อมกับความเท่และดุดันยิ่งขึ้น 

           สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้คือดีไซน์ภายนอกที่มีการเสริมสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับการขับขี่ในสนาม ล้อหลังถูกปรับให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับนวัตกรรมต่างๆ ที่เพลาหลัง เพิ่มประสิทธิภาพขณะเข้าโค้ง และเสริมการยึดเกาะ, กระจังหน้าแบบ AMG-specific radiator trim มีวัสดุบังคับลมชุบโครเมี่ยม 15 ซี่เช่นเดียวกับรถแข่งรุ่น Mercedes-AMG GT 3, ฝากระโปรงหน้ายาวและทรงพลัง ทำให้รถดูกว้างขวาง อีกทั้งยังมีช่องรับอากาศที่กว้าง ช่วยให้อากาศไหลผ่านเข้าสู่เทอร์โบได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งช่องรับอากาศนี้สามารถเปิดหรือปิดตัวเองได้อัตโนมัติตามความเร็วของรถยนต์ที่ผู้ขับขี่กำหนดเอง

           หลังคาผ้าใบ 3 ชั้นที่มีผิวสัมผัสนุ่ม มีโครงสร้างเป็นโลหะผสมแมกนีเซียมและอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา โดยสามารถกางเปิดหรือเลื่อนปิดได้อัตโนมัติภายในเวลา 11 วินาที และใช้งานได้แม้ขณะรถวิ่งที่ความเร็วสูงสุดที่ 50 กม./ชม.

           ฝากระโปรงหน้าของ GT C Roadster ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์และวัสดุ SMC (Sheet Moulding Compound) ที่ถูกพัฒนาขึ้นเป็นพิเศษโดยทีมงานของ Mercedes-Benz TEC (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทีอีซี) และผู้เชี่ยวชาญของ AMG ทำให้มีน้ำหนักเบาแต่ยังคงไว้ซึ่งความทนทานและแข็งแรง ระบบช่วงล่าง AMG RIDE CONTROL Sports Suspension ของทั้ง 4 ล้อมีทั้งปีกนก แกนบังคับเลี้ยว และโครงฐานคุมล้อ (hub carrier) ที่หล่อจากอะลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนักที่ไม่จำเป็น โดยล้อทั้ง 4 จะถูกควบคุมโดยกลไกปีกนกแบบ 2 ชั้น เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการหมุนและการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง

           ภายในห้องโดยสารของ GT C Roadster มาพร้อมกับเบาะนั่งทรงสปอร์ตหุ้มหนัง Nappa ที่อยู่ต่ำเพื่อช่วยโอบล้อมผู้ขับขี่ให้รู้สึกราวกับอยู่ในรถแข่ง พวงมาลัย AMG Performance หุ้มหนัง Nappa และเส้นใย DINAMICA Microfibre พร้อมจอแสดงผลบนพวงมาลัย 2 จอ แบบ AMG steering wheel buttons ลงตัวด้วยหน้าจอเรือนไมล์แบบ all-digital instrument display ขนาด 12.3 นิ้ว หรือสามารถสร้างความโดดเด่นให้มากยิ่งขึ้นด้วยชุดเบาะเสริมแบบ AMG Performance ที่สามารถปกป้องร่างกายของผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้มากขึ้นด้วยพนักพิงหลังที่มีความโค้งและเสริมด้วยวัสดุเพื่อความนุ่มสบายที่ด้านข้างมากกว่าเบาะที่นั่งแบบมาตรฐาน

          หน้าจอกลางแดชบอร์ดมาพร้อมดีไซน์ใหม่ด้วยอัตราส่วนแบบ 16:9 ขนาด 10.15 นิ้ว ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแบบ COMAND Online แผงควบคุมตรงกลางมีหน้าจอแสดงผลมากถึง 8 จอบริเวณคอนโซลกลางแบบ AMG DRIVE UNIT ที่ออกแบบตามลักษณะเครื่องยนต์แบบ  V8  ทำให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกราวกับถูกโอบล้อมด้วยปีกนก และห้องโดยสารที่สามารถเปลี่ยนสีได้หลากหลายเพื่อเพิ่มสุนทรียะในการขับขี่

          ใต้ฝากระโปรงของ GT C Roadster โฉมใหม่เป็นเครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ ความจุกระบอกสูบ 4.0 ลิตร ระบบไดเรค อินเจคชั่น ให้กำลังสูงสุด 557 แรงม้า ที่ 5,750 – 6,750 รอบต่อนาที แรงบิด 680 นิวตันเมตร ที่ 2,100 – 5,500 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์แบบคลัทช์คู่ 7 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 3.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 316 กม./ชม.

           ระบบ AMG DYNAMIC SELECT ให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดของเกียร์หลักได้ 5 แบบ คือ “C” (Comfort) สำหรับการขับขี่ทั่วไปในชีวิตประจำวัน, “S” (Sport) และ “S+” (Sport Plus) เน้นความเร้าใจในการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้น และ “I” (Individual) ที่สามารถช่วยจดจำรูปแบบการขับขี่ของผู้ขับได้ อีกทั้งยังมีโหมด “RACE” ที่เป็นโหมดเสริมสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการความแรงและเกียร์ที่เปลี่ยนได้รวดเร็วเหมือนอยู่ในสนามแข่งรถ ซึ่งจะมาพร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ที่เร้าอารมณ์ ทั้งนี้ผู้ขับขี่สามารถสร้างข้อกำหนดทั้งหมดในแต่ละโหมดการขับขี่เองได้ด้วยการกดปุ่ม “M” (Manual) ที่อยู่ตรงกลางแผงควบคุม

           นอกจากนี้ GT C Roadster โฉมใหม่ยังมีระบบเพลาหลังแบบแอคทีฟ (active rear axle steering) ที่จะหมุนเพลาล้อคู่หลังไปในทิศทางตรงกันข้ามกับเพลาล้อคู่หน้าเมื่อใช้ไม่เกิน 100 กม./ชม. เพื่อช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น และประหยัดแรงในการหมุนพวงมาลัย แต่หากความเร็วสูงเกิน 100 กม./ชม. ทั้งล้อคู่หน้าและหลังจะหมุนไปในทิศทางเดียวกันเพื่อเสริมสมดุลให้กับตัวรถ ทำให้ท้ายรถไม่ปัดเมื่อหักเลี้ยว

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  www.mercedes-benz.co.th หรือ www.facebook.com/MercedesBenzThailand

Gallery 

Exit mobile version