Kia Grand Carnival ยอดรถ MPV 11 ตอบโจทย์ครอบครัวอย่างเต็มที่

MPV 7 ที่นั่งจากแดนกิมจิคันนี้มีรูปลักษณ์น่าสนใจ ขณะที่ภายในก็กว้างขวางนั่งสบายตลอดการเดินทาง แล้วด้านการขับขี่ก็ถือว่าตรงกันข้ามกับขนาดตัวรถ เพราะมันทั้งแรง ยืดหยุ่น คล่องตัวและมั่นใจได้เป็นอย่างมาก โดยราคาจำหน่ายอยู่ระหว่าง 1,595,000-1,928,000 บาท

            หากย้อนไปราว 10 กว่าปีก่อนแล้วพูดถึงรถยนต์ที่ผลิตจากประเทศเกาหลีใต้ หลายคนก็คงบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “เล่นรถญี่ปุ่นดีกว่า, ประกอบมาไม่เรียบร้อย, อะไหล่ทนทานสู้รถเจ้าตลาดไม่ได้” ซึ่งในช่วงนั้นคำพูดดังกล่าวเป็นเหมือนคำสาปที่ติดอยู่ในโสตประสาทของคนไทยมาหลายขวบปี จนกระทั่งช่วง 5 ปีหลังมานี้ ค่ายผู้ผลิตจากเกาหลีใต้ก็ได้พลิกโฉมหน้าของตนด้วยการออกแบบและผลิตรถยนต์ ที่ทะลายกำแพงความเชื่อด้านลบของคนทั่วโลกให้ยอมรับ ทว่าในไทยพวกเขายังต้องสู้อีกมากเพื่อให้ผู้บริโภคยอมเปิดใจ เอาล่ะเพื่อไม่ให้เสียเวลามาดูกันว่า Kia จะทำได้ดีแค่ไหน

            Kia ได้ออกแบบรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกลาง (Mid-Size MPV) เจนฯ แรกในช่วงปี 1998 ซึ่งรถโมเดลดังกล่าวถูกส่งไปจำหน่ายทั่วโลกรวมถึงไทย โดยชื่อที่ทำตลาดในแต่ละภูมิภาคจะแตกต่างกันออกไป อาทิ Kia Sedona กับ Kia Carnival หลังจากเจนฯ แรกประสบความสำเร็จก็ได้ส่งโมเดลต่อมาในปี 2006 และเจเนอเรชั่นปัจจุบันอันเป็นรถที่เรานำทดสอบก็ได้ถูกพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ทั้งรูปลักษณ์ ประโยชน์ใช้สอย รวมถึงการขับขี่ที่เยี่ยมกว่าเดิม

            รถทดสอบของเราเป็นรุ่น Kia Grand Carnival LX ซึ่งแรกดูจากภายนอกมิติตัวรถก็มีขนาดใหญ่และยาวกว่ารุ่นก่อน โดยเราสัมผัสได้ว่ามันสวยงามและดูสุขุมเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ห้องโดยสารภายในก็มอบอรรถประโยชน์ไม่น้อยกว่าโมเดลก่อนเลย ยังคงนั่งสบาย กว้างขวางแถมใช้งานได้หลากหลาย ไม่เท่านั้นกับรถระบบความบันเทิงก็จัดเต็มด้วยเช่นกัน

            อย่างไรก็ดีพละกำลังก็มอบให้มาสมกับขนาดตัวถัง เนื่องด้วยเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 2.2 ลิตร CRDi VGT สร้างฝูงม้าเกาหลี 197 ตัว ที่ 3,800 รอบต่อนาที ส่วนแรงบิดก็มหาศาลถึง 450 นิวตัน-เมตร ช่วงระหว่าง 1,750-2,750 รอบต่อนาที โดยในบ้านเราจะทำตลาดด้วยเครื่องบล็อกนี้เท่านั้น ขณะที่ต่างประเทศจะมีเครื่องเบนซินแบบ 3.3 ลิตร Lambda V6 GDI ให้เลือกอีกหนึ่งช้อยส์

เล็ก แรง และยืดหยุ่น

            ไม่อยากเชื่อเลยว่าเครื่องดีเซล 2.2 ลิตรจากค่ายรถแดนกิมจิจะทำให้เราประทับใจได้มากถึงเพียงนี้ เหตุที่กล่าวเช่นนั้นก็เนื่องจากช่วงที่เราเร่งจากจุดหยุดนิ่งทะยานขึ้นความเร็วสูง เจ้า Kia Carnival ก็กระโดดถีบตัวถังอันใหญ่โตของมันไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันหากวิ่งด้วยความเร็วช่วง 80 กม./ชม. แล้วกดคิ๊กดาวน์เร่งแซงรถที่ขับช้าเบื้องหน้า มันก็ช่วยพาเราออกจากสถานการณ์อันน่าอึดอัดให้คลายลงได้ในทันทีทันใด เรียกว่าเครื่องบล็อกนี้รอตอบสนองคุณได้ตามใจสั่งแถมด้วยน้ำจิ้มให้คุณอร่อยกับการขับขี่มากขึ้นได้อีก

            ขณะที่ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดที่ติดตั้งมาให้ก็มอบการเปลี่ยนตำแหน่งขึ้น-ลงได้ราบรื่นทุกสภาวะการขับขี่ ไม่เท่านั้นชุดเกียร์ยังมีแรงดึงจากเครื่องหรือ Engine brake พอที่จะดึงให้รถชะลอลงโดยที่ไม่ต้องแตะเ
บรกบ่อยครั้ง แต่ถ้ากดปุ่มโหมด Eco แรงดึงที่ว่านี้จะลดน้อยลงเพื่อให้รถไหลขณะที่ถอนคันเร่งมากกว่าโหมดปกติ   

            ด้านความประหยัดของ Carnival อยู่ในเกณฑ์ดีมาก เพราะหากพิจารณาจากขนาดตัวถังที่ใหญ่โตของมันแล้ว ด้วยค่าเฉลี่ยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่อยู่ราว 11-13 กม./ลิตร ในสภาพการใช้งานจริงรวมบรรทุกคนและสัมภาระ ซึ่งค่าระดับนี้ทำได้ใกล้เคียงกับรถกระบะรวมถึงรถอเนกประสงค์ PPV/SUV

            ขึ้นชื่อว่าเป็นรถใช้งานเพื่อครอบครัวการป้องกันเสียงรบกวนก็ต้องทำได้ดี และรถคันนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะเสียงลมที่เข้ามาภายในห้องโดยสารได้ยินน้อยมาก จะได้ยินก็จากบริเวณกระจกมองข้างในช่วงที่รถวิ่งต้านลม ส่วนเสียงยางบดถนนที่เข้ามานั้นถือว่าทำได้เงียบมาก มีเพียงเสียงแล่นผ่านรอยต่อถนนให้ได้ยินบ้างเล็กน้อยเท่านั้น

เอาใจคุณแม่บ้านแต่ซิ่งได้ถ้าพ่อบ้านขับ

             ความประหลาดใจเกิดขึ้นกับเราอีกครั้ง ทำไมน่ะเหรอ? ก็พวงมาลัยที่เบาในความเร็วต่ำไปจนถึงกลางของมันให้ความคล่องแคล่วเมื่อขับขี่ในเมืองเป็นอย่างดี เรียกว่าทำให้ภาพที่เห็นภายนอกกับการขับขี่ต่างกันเหลือเชื่อ เพราะมันถูกปรับตั้งมาเพื่อเอาใจคุณแม่บ้านที่ขับรถพาลูกๆ ไปโรงเรียน หรือทำกิจกรรมใกล้บ้านได้สะดวก แต่กลับกันหากวิ่งด้วยความเร็วเดินทางค่อนไปถึงสูง น้ำหนักพวงมาลัยก็หนักกำลังดีเพียงแต่มีการหน่วงหรือระยะฟรีน้อยไปนิด ซึ่งหากคุณพ่อบ้านท่านใดขับพาลูกไปส่งโรงเรียนช่วงเช้าก็คงต้องเบามือกันหน่อย

            สิ่งที่คุณควรรู้ไว้อีกอย่างก็คือ เบรกของ Carnival จะไวต่อการเหยียบเป็นอย่างมาก กล่าวคือถ้าคุณเพิ่งขึ้นมาขับใหม่ๆ จะต้องลองฝึกเบรกก่อนสักหน่อยเพื่อเลี่ยงการออกถนนจริงแล้วเผลอชินกับน้ำหนักเบรกเดิม โดยถ้าคุณปรับตัวเข้ากับบุคลิกของเบรกชุดนี้ได้แล้วล่ะก็ความมันส์จะบังเกิดขึ้น เพราะมันสามารถหน่วงได้รวดเร็วและนุ่มนวลหากรู้ถึงน้ำหนักที่พอดี ซึ่งการจะเป็นเช่นนั้นยังต้องอาศัยการปรับตำแหน่งขับขี่ให้เหมาะสมด้วย

            เรื่องระบบช่วงล่างมอบความแน่น ไม่แข็งกระด้าง และไว้ใจได้แม้จะใช้ล้อขนาด 18 นิ้วก็ตาม โดยขณะที่แล่นในเมืองแล้ววิ่งผ่านหลุมบ่อหรือเนินขนาดเล็กตัวรถจะเก็บแรงสะเทือนที่เข้ามาได้หมดจด ไม่เท่านั้นขณะที่วิ่งด้วยความเร็วสูงมันก็ยังวิ่งได้มั่นคง การโคลงตัวมีน้อยมากนั่นรวมถึงระยะยุบตัวที่พอดีจนทำให้ผู้โดยสารไม่เมารถ ทั้งนี้กล่าวได้ว่าความสบายที่รถเกาหลีคันนี้มอบให้อยู่ในเกณฑ์ดีมาก ไม่ว่าจะขับคนเดียวหรือนั่งไปพร้อมกับผู้โดยสารเต็มคันพร้อมสัมภาระก็ตาม

            อีกประเด็นที่ลืมไม่ได้นั่นคือทัศนวิสัย โดยในด้านหน้ามีความโล่งตา กระจกมองข้างกับกระจกมองหลังมีขนาดใหญ่ ไม่เท่านั้นยังมีกระจกไว้ดูผู้โดยสารด้านหลังให้มาอีกต่างหาก อย่างไรก็ดีเป็นธรรมดาของรถยุคใหม่ที่จะมองไม่เห็นฝากระโปรงหน้ารถเวลาขับขี่ ส่วนทัศนวิสัยรอบคันนั้นทำได้โปร่งไม่อึดอัดแต่อย่างใด ขณะที่ด้านหลังจะมอบกล้องมาให้พร้อมกับเซ็นเซอร์ช่วยจอดหน้าและหลังที่ทำให้การจอดรถเป็นเรื่องง่าย

กว้างขวางนั่งสบายและมากด้วยประโยชน์

             คอนโซลหน้ามีขนาดใหญ่เหมือนกับรถตู้หรือรถมินิบัสเลยทีเดียว หากดูเส้นสายที่ประกอบกันก็ถือว่าออกแบบได้เรียบหรูใช้งานง่าย มีสีเบสเป็นธีมหลักให้ความรู้สึกอบอุ่นเมื่อเดินทาง ขณะที่วัสดุตกแต่งก็ให้มามีคุณภาพค่อนข้างดี มีการประดับลายไม้อยู่ตามขอบรวมถึงแผงประตู ซึ่งทั้งหมดส่งเสริมให้ภายในห้องโดยสารดูผ่อนคลาย ไม่เท่านั้นเบาะนั่งคนขับเป็นแบบปรับไฟฟ้าพร้อมระบบดันหลังซึ่งทำให้เราหาตำแหน่งที่เหมาะสมได้ง่าย ขณะที่ฝั่งคนนั่งข้างก็ปรับด้วยไฟฟ้าเช่นกัน

            ด้วยความที่เป็นรถ 11 ที่นั่งมันจึงมีห้องโดยสารภายในกว้างขวาง โดยเบาะแถวที่ 2 จะมีเบาะนั่ง 3 ตัว ซึ่งสามารถปรับเลื่อนมาด้านหน้าหรือหลังได้ตามความเหมาะสม ซึ่งจากการนั่งโดยสารเบาะแถวที่ 2 พบว่ามันมีขนาดฐานเบาะกับพนักพิงที่ใหญ่และรองรับสรีระของคนนั่งทุกขนาดสรีระได้เยี่ยม ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 ก็ปรับเลื่อนหน้า-หลังได้เช่นกัน ไม่เท่านั้นขนาดของเบาะก็ยังใกล้เคียงกันรวมถึงให้ความสบายพอกับแถวที่ 2 ด้วย ถัดไปที่เบาะแถวที่ 4 ที่ถูกซ่อนภายใต้พื้นห้องเก็บสัมภาระ ซึ่งเบาะแถวสุดท้ายนี้มีพื้นที่วางขาน้อยมาก กล่าวคือให้เด็กตัวเล็กๆ นั่งได้เท่านั้น ขณะที่เบาะแถว 2 และ 3 จะมีพื้นที่เหนือศีรษะกับที่วางขามากกว่า อย่างไรก็ตามถ้าใช้เบาะแถวที่ 4 พื้นที่สัมภาระก็จะเหลืออยู่น้อยมากจนใส่อะไรไม่ได้

            ต่อกันกับอุปกรณ์มาตรฐานที่ช่วยอำนวยความสะดวกขณะโดยสาร อย่างแรกที่เป็นจุดเด่นของรถประเภทนี้คือ ประตูเลื่อนไฟฟ้าทั้งด้านซ้ายและขวาของตัวรถที่มาพร้อมระบบป้องกันการหนีบ โดยคุณสามารถสั่งการเปิดปิดได้ 4 ช่องทาง คือ ทางกุญแจรีโมท ทางปุ่มบริเวณเหนือไฟอ่านแผนที่ จากปุ่มในห้องโดยสารตรงเบาะแถวที่ 2 และด้วยการง้างประตูบานเลื่อนเอง นอกจากนี้ประตูท้ายก็เป็นระบบไฟฟ้าด้วยเช่นกัน ซึ่งมีจุดเด่นที่คุณสามารถตั้งค่าความสูงของการเปิดด้วยกดปุ่มเปิดประตูที่อยู่ใต้บานประตูค้างไว้ 5 วินาที

            นอกจากอุปกรณ์ที่กล่าวมาก็ยังมีอื่นๆ ที่สำคัญอีก อาทิ ระบบอุ่นเบาะนั่งคู่หน้า ช่องเสียบ USB กับช่องปลั๊กไฟอย่างละ 3 จุด ม่านบังแดดที่ประตูสไลด์กับด้านข้างแถวหลัง สวิตช์ควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลัง และอื่นๆ อีกมากมาย ที่เราอยากบอกก็คือรถคันนี้มีพื้นที่ใช้สอยภายในจำนวนมาก มีกล่องเก็บของขนาดใหญ่ระหว่างเบาะคู่หน้ารวมถึงที่วางแก้วน้ำกระจายอยู่รอบคัน

ระบบช่วยเหลือบางอย่างขาดไป

             หนึ่งประเด็นที่เราอยากให้รถคันนี้ปรับปรุงเป็นเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัย โดยหากพิจารณาจากสเปกรถที่จำหน่ายในเมืองนอกแล้วเทียบกับตัวที่จำหน่ายในบ้านเราจะพบว่า อุปกรณ์ความปลอดภัยที่จำเป็นต้องมีในรถระดับนี้ถูกตัดออกไป ไม่ว่าจะเป็นถุงลมนิรภัยพร้อมม่านถุงลมนิรภัยรอบคัน ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบช่วยป้องกันล้อหมุนฟรีและออกตัวบนทางชัน ซึ่งเราคิดว่าความปลอดภัยในรถที่ใช้พาครอบครัวเดินทางนั้น จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ดังกล่าวที่ว่ามาทั้งหมดเป็นมาตรฐาน

           
หลังจากติกันไปเรามาชมกันบ้างดีกว่า โดยระบบสาระบันเทิงใช้ระบบปฏิบัติการ Android ที่มีความรวดเร็วในการเข้าถึงแต่ละเมนู ถ้าใครที่ใช้โทรศัพท์ระบบดังกล่าวอยู่แล้วคุณก็ไม่ต้องปรับตัวอะไรนัก นอกจากนี้มันยังมีช่องเชื่อมต่อครบถ้วนทั้ง USB, AUX และ Bluetooth ขณะที่ห้องโดยสารด้านหลังจะมอบจอ LCD ขนาด 14 นิ้วมาให้ต่างหาก ส่วนเรื่องมิติเสียงที่ออกมาจากลำโพงสามารถปรับแต่งได้ตามใจชอบ ซึ่งเราฟังแล้วรู้สึกว่ามีคุณภาพดีไม่น้อย

            อีกสิ่งที่น่าชมเชยคือการเลือกใช้ระบบนำทางผ่านดาวเทียมของ HOOD DUDE ที่สามารถซูมแผนที่เข้าออกได้รวดเร็วมาก อีกทั้งการประมวลผลเส้นทางรวมถึงการใช้งานก็ทำได้ฉับไวและง่าย โดยเราคิดว่านี่คือจุดเด่นที่ทำให้การพาครอบครัวออกไปเที่ยววันหยุดทำได้แบบมั่นใจไม่ต้องกลัวหลง

สรุปความคุ้มค่า

             เนื่องจากรถประเภทนี้มีคู่แข่งใกล้เคียงกันไม่กี่คัน ที่แน่ๆ ก็มี Hyundai H1 ซึ่งรายนั้นดูเป็นรถตู้อย่างชัดเจน ผิดกับ Kia Carnival ที่มีรูปทรงปราดเปรียวเพรียวกว่า ขณะที่ด้านการขับขี่ต้องถือว่าเต็มไปด้วยความสนุกและมั่นใจได้ ไม่เท่านั้นเรื่องพื้นที่ภายในก็ให้มาเหลือเฟือ ส่วนที่ควรปรับปรุงก็คือระบบความปลอดภัย โดยหากคุณมีเงินราว 2 ล้านบาท ก็เลือกรุ่น EX อันมีราคา 1,928,000 บาท แต่ถ้ามีงบน้อยกว่านั้นและรับได้กับข้าวของที่ให้มาน้อยกว่า ก็หันไปดูรุ่น LX ราคา 1,595,000 บาท โดยสุดท้ายแล้วรถคันนี้ก็เป็นอะไรที่น่าใช้งานจริงๆ แต่เรื่องศูนย์บริการคุณต้องคิดเอาเอง

History of Kia Carnival (ล้อมกรอบ)

             Kia ผลิตรถอเนกประสงค์ Mid-size MPV เจนฯ แรกในปี 1998 โดยมีชื่อเรียกว่า Sedona เมื่อจำหน่ายในทวีปอเมริกาเหนือ ใช้ชื่อ Carnival ในรถที่ขายในยุโรป ออสเตรเลีย และเอเชีย แต่ที่มาเลเซียมีชื่อว่า Naza Ria ขณะที่เครื่องยนต์จะมีบล็อกเบนซิน V6 3.5 ลิตร กับ 2.5 ลิตร ส่วนเครื่องดีเซลเป็นแบบ CRDi 2.9 ลิตร และเลือกจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 4 และ 5 สปีด รวมถึงมีเกียร์ธรรมดา 5 สปีดให้เลือกด้วยในบางประเทศ

            สำหรับโมเดลที่สองเริ่มจำหน่ายปี 2006 มีชื่อเรียกต่างกัน 5 แบบคือ Kia Grand Carnival, Kia Sedona, Kia VQ, Kia Carnival R และแปะตรา Hyundai จำหน่ายในชื่อ Entourage ขณะที่เครื่องมีให้เลือกมากกว่าเดิม ไล่ตั้งแต่เครื่องเบนซิน V6 ขนาด 2.7, 3.5 และ 3.8 ลิตร ส่วนเครื่องดีเซลมีให้เพิ่มอีก 1 บล็อกคือแบบ 2.2 ลิตร CRDi VGT กับ 2.9 ลิตร โดยจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 4,5 และ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด

ข้อมูลสำหรับผู้ซื้อ

ขนาดเครื่องยนต์

2.2 LX

2.2 EX

ราคา

กำลังเครื่องยนต์

แรงบิด

0-100 Km/h

ความเร็วสูงสุด

อัตราการสิ้นเปลือง

จำนวนถุงลมนิรภัย

จำนวนประตู

จำนวนที่นั่ง

เริ่มจำหน่าย/ส่งมอบ

1,595,000  บาท

197 แรงม้า

450 นิวตัน เมตร

n/a

n/a

n/a

2

5

11

มีนาคม 2558

1,928,000 บาท

197 แรงม้า

450 นิวตัน เมตร

n/a

n/a

n/a

2

5

11

Exit mobile version