การปรากฎตัวของรถยนต์แห่งอนาคตได้ก้าวหน้ามาอีกขั้น ยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของปอร์เช่มีกำหนดการเผยโฉมในช่วงต้นปีหน้า ในระหว่างการจัดเตรียมงานเปิดตัวสุดยิ่งใหญ่ ยนตรกรรมไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ คันนี้ได้รับการขนานนามอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “มิชชั่น อี (Mission E)” ถูกใช้เป็นชื่อที่เรียกขานเมื่อกล่าวถึงยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรกของปอร์เช่ และนับจากนี้เป็นต้นไปจะถูกเรียกขานใหม่ในนาม ไทคานน์ (Taycan) ซึ่งมีความหมายในเบื้องต้นว่า “อาชาหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยความคึกคะนอง” สะท้อนให้เห็นภาพของม้าศึกที่เป็นตราสัญลักษณ์ของปอร์เช่ ซึ่งถือกำเนิดขึ้นมายาวนานนับตั้งแต่ปี 1952
เครื่องยนต์ขับเคลื่อนประสิทธิภาพสูง 2 ตัวแบบ Permanently Excited Synchronous Motors (PSM) เมื่อทำงานร่วมกันสามารถผลิตกำลังสูงสุดได้มากกว่า 600 แรงม้า (440 กิโลวัตต์) ส่งผลให้รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าคันนี้มีอัตรา เร่งจากจุดหยุดนิ่งถึงความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในระยะเวลาต่ำกว่า 3.5 วินาที และพุ่งทะยานสู่ความเร็วสูงสุดถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 12 วินาที
ด้วยสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมนี้เกิดขึ้นโดยข้อได้เปรียบของการถ่าย ทอดกำลังขับเคลื่อนที่ต่อเนื่องอันเป็นคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า การเร่งออกตัวที่ฉับไวอย่างเหลือเชื่อมีที่มาจากประสิทธิภาพการทำงานของส่วนประกอบซึ่งปราศจากการสูญเสียใดๆ ในระบบโดยสิ้นเชิง รถยนต์คันนี้ มีสามารถเดินทางไกลมากกว่า 500 กิโลเมตร ตามมาตรฐานของ NEDC
ปอร์เช่ตัดสินใจครั้งสำคัญในการลงทุนด้วยเม็ดเงินก้อนใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์กว่า 6,000 ล้านยูโรสำหรับการสร้างสรรค์ยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า งบประมาณราว 500 ล้านยูโรจะถูกนำไปใช้สำหรับโครงการพัฒนาปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) รวมถึงรุ่นอื่นๆ ภายใต้อนุกรมเดียวกัน และประมาณ 1,000 ล้านยูโรจะถูกใช้เป็นงบประมาณ ในการเสริมศักยภาพด้านระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและระบบไฮบริดในรถยนต์รุ่นปัจจุบัน และอีกหลายร้อยล้านยูโรสำหรับค่าใช้จ่ายในการขยายโรงงานผลิต ส่วน 700 ล้านยูโรจะถูกใช้เพื่อการค้นคว้านวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในส่วนของระบบชาร์จ พลังงานรวมไปถึงระบบยานยนต์อัจฉริยะ
ศูนย์บริการสีและตัวถังแห่งใหม่ในสำนักงานใหญ่ที่ Zuffenhausen ได้รับการจัดสรรพื้นที่พร้อมสายการผลิตส่วนหนึ่งสำหรับปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) โดยเฉพาะวัตถุประสงค์ในการเคลื่อนย้ายตัวถังรถยนต์ที่ผ่านการทำสีและชิ้นส่วนของระบบขับเคลื่อนไปยังส่วนงานประกอบขั้นตอนสุดท้าย ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการก่อสร้าง
ทางด้านของโรงงานการผลิตเครื่องยนต์ปัจจุบันนั้นกำลังได้รับการขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้า ซึ่งแน่นอนว่าส่วนงานผลิตตัวถังจะต้องได้รับการพิจารณาปรับปรุงเช่นเดียวกัน แผนการใช้จ่ายงบ ประมาณที่วางไว้ยังเกี่ยวเนื่องไปถึงบทบาทหน้าที่ของศูนย์วิจัยและพัฒนา Weissach Development Centre อีกด้วย
สำหรับสายการผลิตปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) สามารถสร้างตำแหน่งงานใหม่เพิ่มขึ้นได้มากถึง 1,200 ตำแหน่ง เฉพาะที่ Zuffenhausn