[First Drive] Suzuki Ciaz RS ปรับลุคใหม่สู่ความสปอร์ต ขับดี เด่นที่ความคุ้มค่า

[First Drive] Suzuki Ciaz RS ปรับลุคใหม่สู่ความสปอร์ต ขับดี เด่นที่ความคุ้มค่า

     คู่แข่งร่วมคลาสต่างทยอยเปิดตัวรถรุ่นใหม่กันอย่างถ้วนหน้า แล้วซูซูกิจะอยู่เฉยได้อย่างไร ต้นเดือนวันที่ 2 มีนาคม Suzuki Ciaz ใหม่รุ่นไมเนอร์เชนจ์เปิดตัวผ่านทางโลกออนไลน์ รายละเอียดทางวิศวกรรมไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้าแต่รูปลักษณ์ภายนอกได้รับการปรับปรุงใหม่และเพิ่มรุ่นย่อย RS ที่มาพร้อมกับสปอร์ตเร้ายิ่งขึ้นเพื่อเอาใจคนหนุ่มสาว

       วันต่อมา 3 มีนาคม ซูซูกิจัดทริปทดสอบ Ciaz ใหม่ทันทีโดยเชิญชวน WHATCAR? Thailand บินลัดฟ้าไปลองขับที่ จ.เชียงใหม่ จากตัวเมืองมุ่งหน้าสู่ อ.เชียงดาว รวมระยะทางไป-กลับกว่า 160 กม. แน่นอนว่ารถทดสอบก้ต้องเป็น Ciaz RS ตัวท็อปสุดของไลน์อัพ กับราคาค่าตัวจับต้องได้ง่ายๆ ที่ 6.89 แสนบาท (เป็นราคาแนะนำ) แม้ว่าเส้นทางนี้เราจะเคยขับทดสอบรถมาหลายรุ่นแล้วแต่มันก็เป็นเส้นทางที่มีครบทุกรสชาติ ดังนั้นการขับ Ciaz ใหม่ในครั้งนี้ก็จะเป็นการยืนยันว่าขับใช้งานจริงๆ แล้วเป็นอย่างไร

        รูปลักษณ์ภายนอกของ Ciaz RS ดูสปอร์ตขึ้นจากเดิมหลายเท่า กระจังหน้าใหม่ให้ความสวยงามทันสมัย สอดรับกับชุดไฟหน้าใหม่ที่ดูโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น เสริมความสปอร์ตด้วยกันชนหน้า-หลังใหม่ สเกิร์ตข้างก็มีมาให้เป็นมาตรฐาน รวมถึงสปอยเลอร์หลังขนาดกำลังสวย และล้ออัลลอย 16 นิ้วสีเทา ภาพลักษณ์โดยรวมดูน่าใช้ขึ้นมาก สามารถเรียกสายตาจากคนรอบข้างได้ในระดับนึงเลย

      ภายในแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรไปจาก Ciaz ตัวท็อปของรุ่นก่อนหน้า ความโดดเด่นก็คือพื้นที่ภายในที่กว้างขวางพอๆ กับรถในคลาส C-Segment เข้า-ออกรถง่าย นั่งสบายทุกตำแหน่ง ทั้งยังให้อุปกรณ์มาอย่างครบครัน หน้าจอกลางแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พ่วงระบบ Suzuki Smart Connect รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น หน้าปัดแบบเข็มอนาล็อกพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ดิจิตอลเหมือนเดิมเป๊ะ จุดที่เพิ่มเข้ามาก็คือ สวิทซ์ปรับระดับไฟหน้า ที่จะอยู่บริเวณด้านขวาคนขับ ตำแหน่งเดียวกันกับสวิทซ์เปิดปิดระบบเซ็นเซอร์ถอยรูปตัว P

      ขุมพลังของ Ciaz RS ใหม่ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้า เป็นเครื่องเบนซิน K12B 4 สูบ 1.2 ลิตร 91 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมโหมด S สำหรับลากรอบ พละกำลังแบบฉบับอีโค่คาร์ เน้นความนุ่มนวล ขับขี่ในเมือง และประหยัดแบบโคตรๆ นี่คือเครื่องยนต์ที่ดูแลรักษาง่าย ทนทาน แต่เปลี่ยนถ่ายให้ถูกต้องตามระยะก็สามารถใช้ได้ยาวๆ ทะลุแสนกิโล

การขับขี่

      เริ่มต้นขับจากตัวเมืองเชียงใหม่ฝ่าการจราจรที่หน้าแน่น Ciaz RS มอบความนุ่มสบายและการป้องกันเสียงแวดล้อมที่ดี กำลังเครื่องยนต์มีเหลือๆ กับการเร่งแซงในช่วงสั้นๆ เร่งออกตัวจากแยกไฟแดงกระฉับกระเฉงพอตัว เกียร์ทำงานอย่างนุ่มนวล มีอาการยักยักบ้างเล็กน้อยในจังหวะชะลอความเร็วต่ำๆ โดยรวมแล้วเป็นรถที่ขับง่าย ควบคุมง่าย พวงมาลัยเบาแรง ไม่ว่าจะชายหรือหญิงถ้าใช้รถคันนี้ขับขี่ทั่วเมืองจะเป็นอะไรที่เหมาะมาก

      ด้วยความโปร่งของห้องโดยสารและพื้นที่อันกว้างขวางของเบาะตอนหน้า ตลอดการขับจึงไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด ทัศนวิสัยรอบคันดีมาก เสาหน้าไม่ใหญ่เกะกะ กระจกหน้าต่างหลังไม่ถูกบดบังมากนักแม้จะมีผู้โดยสารนั่งอยู่ที่เบาะหลังด้วยก็ตาม

     เราได้ลองใช้ความเร็วสูงเมื่อขับนอกเมือง ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า Ciaz RS เป็นรถอีโค่คาร์เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร แรงม้าไม่ถึง 100 กับขนาดตัวพอๆ กับซีดาน C-Segment ดังนั้นการตอบสนองของมันจะไม่มีทางปรู๊ดปราดได้อย่างใจนึกแน่นอน นิสัยของรถจะเน้นความนุ่มๆ เนิบๆ ค่อยๆ มา กดคันเร่งบางจังหวะอาจรู้สึกโหวงๆ บ้าง ก่อนที่เกียร์จะเข้าร่องเข้ารอยแล้วรีดเค้นกำลังออกมา พอเร่งความเร็วเกิน 100 กม./ชม. ไปแล้วจะเริ่มไหล เครื่องยนต์ทำงานรอบต่ำ การคิ๊กดาวน์ไม่ต้องคาดหวังอะไรมาก กดลึกสุดแล้วยังต้องรอจังหวะนิดนึงเกียร์ถึงจะชิฟท์ดาวน์ แล้วกำลังที่ได้ก็ไม่ได้มากกว่าปกติสักเท่าไร ดังนั้นการเร่งแซงบนถนนเลนสวนจะต้องเผื่อระยะมากๆ เลยเพื่อความปลอดภัย

      โหมด S ที่มีมานั้นเป็นลักษณะของการลากรอบให้รู้สึกได้ถึงแรงดึงที่มากขึ้น ใช้ได้ผลดีตั้งแต่ช่วงความเร็วต่ำไปจนถึง 100 กม./ชม. ใช้เกียร์ S ช่วยเร่งแซงแทนการคิ๊กดาวน์ก็ได้แต่ผลลัพธ์ไม่ต่างกันเท่าไร

      ช่วงล่างของ Ciaz RS ให้ความมั่นใจในการขับความเร็วสูงได้ดี ขับทางตรงค่อนข้างเกาะถนน ไม่ส่าย ไม่โคลง และยังดูดซับแรงสะเทือนจากเส้นหรือรอยปะได้ดี เมื่อเจอโค้งก็ยังคงรักษาการทรงตัวได้ดี ไม่ยวบย้วย ไม่โยนมากจนเกินไป ขณะที่พวงมาลัยก็มีน้ำหนักมากขึ้นเมื่อใช้ความเร็วสูงแต่ยังมีความแม่นยำและควบคุมง่าย

       บางช่วงของเส้นทางเป็นทางลาดชัน ถ้าจะให้ขับง่ายและไม่เหนื่อย จิ้มโหมด S ไปเลยแล้วจะรู้สึกว่ารถกระฉับกระเฉงมากขึ้น เร่งติดเท้ามากขึ้น จังหวะลงทางลาดชันก็ช่วยหน่วง Engine Brake ได้มากกว่าเกียร์ D ปกติเล็กน้อย

       เรื่องเสียงรบกวนต้องยอมรับว่า Ciaz ป้องกันได้ดีตามาตรฐานรถอีโค่คาร์ ที่ความเร็ว 70 กม./ชม. ก็เริ่มเสียงลมเริ่มเล็ดลอดเข้ามาตามขอบหน้าต่างแล้ว เสียงยางไม่ดังหนวกหู เสียงช่วงล่างเวลาตกหลุมจะออกแนวแน่นๆ

      จุดเด่นจุดสำคัญของการเป็นรถอีโค่คาร์เลยก็คือความประหยัด ตลอดการขับขี่เราไม่ได้เน้นขับแบบประหยัดเลย อัดหนักตลอดเมื่อมีจังหวะ ประกอบกับเส้นทางมีทั้งทางราบและขึ้น-ลงเนิน ใช้เกียร์ S อยู่บ่อยครั้ง แต่อัตราสิ้นเปลืองบนหน้าปัดของรถที่เราทดสอบแสดงตัวเลขเฉลี่ย 16 กม./ลิตร ถือว่าน่าพอใจเลยนะ เพราะอีโค่คาร์ยิ่งอัดยิ่งกินน้ำมัน แต่ Ciaz RS ทำได้ขนาดนี้ก็ต้องปรบมือให้เขาล่ะครับ

         เหนือสิ่งอื่นใดคือความสบายเมื่อนั่งโดยสารที่เบาะหลัง พื้นที่เหนือศีรษะเหลือเพียบ พื้นที่ช่วงหัวเข้าก็ยังเหลือเป็นฝ่ามือ เบาะนั่งก็หนา นุ่ม นั่งสบาย พนักพิงเอนกำลังดี นั่ง 3 คนก็ไม่ทรมาน (แต่อย่างนานก็แล้วกัน) เบาะกลางจะดึงลงมาเป็นที่วางแขนได้ อุโมงค์กลางไม่สูงตระหง่าน แถมมีแอร์ด้านหลังด้วย แม้พนักพิงศีรษะของเบาะหลังจะปรับความสูงไม่ได้ แต่แค่ก็เพียงพอกับตำแหน่งรถอีโค่คาร์ที่กว้างและนั่งสบายที่สุดในคลาสแล้วล่ะ

คุ้มค่าทุกสตางค์

       ค่าตัวของ Ciaz RS คือ 6.89 แสนบาท (เป็นราคาแนะนำ) ลองหลับตานึกดูว่ารถราคาไม่ถึง 7 แสนรุ่นอื่นๆ ได้อุปกรณ์อะไรบ้าง วิธีนี้อาจใช้เวลานาน เอาเป็นว่าเราสรุปเลยแล้วกัน Ciaz เป็นซีดานอีโค่คาร์ที่ได้รับการปรับแต่งหน้าตาให้ดูสปอร์ตขึ้น เครื่องยนต์และรายละเอียดทางวิศวกรรมต่างๆ เหมือนเดิม มีการเพิ่มออปชั่นนิดหน่อยให้น่าใช้ยิ่งขึ้น นิสัยของรถคืออีโค่คาร์ของแท้ นุ่มๆ เนิบๆ ค่อยเป็นค่อยไป ไม่จัดจ้าน เน้นขับสบายและนุ่มนวล แต่ประหยัดโคตร ภายในกว้างที่สุดในคลาส ถ้าคุณโอเคกับทั้งหมดที่เราพูด จัดไปเลยไม่ต้องรีรอ นี่แหละคือรถที่คุ้มค่าสุดๆ

ขอขอบคุณ ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย สำหรับกิจกรรมทดสอบครั้งนี้

ดูรายละเอียดสเปก Suzuki Ciaz ได้ที่ http://bit.ly/2x0jfDH

Gallery

Exit mobile version