[First Drive] Mitsubishi Pajero Sport 2019 ขับดีเหมือนเดิม ปรับเพิ่มอุปกรณ์และอัพลุคใหม่น่าใช้ยิ่งขึ้น

           Mitsubishi Pajero Sport เป็นรถธงที่สร้างยอดขายให้กับแบรนด์มิตซูบิชิอย่างมากมาย รั้งยอดขายอันดับ 3 ของเซกเมนต์ตามหลังเจ้าตลาดอย่าง Toyota Fortuner และ Isuzu Mu-X อย่างเหนียวแน่น การปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ล่าสุดมาพร้อมกับหน้าตาที่เปลี่ยนแปลงไปไม่มาก แต่มีการเพิ่มออปชั่นที่น่าสนใจหลายอย่าง วันนี้เราจะไปดูกันว่าเจ้า Pajero Sport ใหม่นี้มีดีที่ตรงไหนบ้าง

            ตามธรรมเนียมของค่ายรถเมื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ก็ต้องจัดทริปทดสอบให้กับสื่อมวลชน และในครั้งนี้มิตซูบิชิชวน WHATCAR? Thailand ไปลองขับ Pajero Sport รุ่นท็อป 2.4 GT Premium 4WD ในเส้นทาง กรุงเทพ-แก่งกระจาน-หัวหิน ซึ่งเราจะได้ลองขับขี่บนสภาพการจราจรจริง รวมถึงมีสถานีออฟโรดให้ได้ลองระบบขับเคลื่อนสี่ล้อกันอย่างจุใจ ซึ่งแต่เดิม Pajero Sport เป็นเอสยูวี 7 ที่นั่งที่ขับดีทั้งออนโรดและออฟโรดอยู่แล้ว เดินทางไกลได้ดี ลุยได้จริง ดังนั้นเราเชื่อว่าเรื่องการขับขี่ของรุ่นปรับโฉมใหม่นี้ก็ต้องดีตามไปด้วยเช่นเดียวกัน

        

อัพเกรดสู่ความพรีเมี่ยม

            Pajero Sport ใหม่มีการอัพเกรดอุปกรณ์หลายอย่าง สิ่งแรกที่เห็นก็คือดีไซน์หน้ารถแบบ Advanced Dynamic Shield ที่ปรับใหม่ให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น ไฟหน้าเป็นแบบ Bi-LED โคมโปรเจคเตอร์พร้อมระบบปรับระดับลำแสงอัตโนมัติ พร้อมด้วยไฟ Daytime Running Lights ที่เพิ่มขึ้นมาก็คือไฟส่วนด้านล่างที่อยู่บนกันชนหน้าที่เรียกว่า New Combination Lamps แบ่งเป็นไฟ 3 ชุด ประกอบไปด้วยอันบนสุดเป็นไฟเลี้ยว ตรงกลางเป็นไฟส่องสว่างขณะเลี้ยว ส่วนล่างสุดเป็นไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED 

            ส่วนต่อมาที่เปลี่ยนใหม่ก็คือลวดลายของล้ออัลลอยที่ดูสปอร์ตและทันสมัยยิ่งขึ้นขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง 265/60R18 และอีกส่วนที่เปลี่ยนไปคือไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ที่ไม่ลากยาวลงมาที่กันชนหลังเหมือนรุ่นก่อนหน้าแล้ว ดูแล้วก็สวยลงตัวขึ้น ส่วนอื่นๆ ของภายนอกก็ยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

            เข้ามาดูภายในกันต่อ สิ่งที่อัพเกรดใหม่ก็คือชุดหน้าปัดที่มาพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้วรูปแบบใหม่ ใหญ่เต็มตา สามารถปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้ 3 รูปแบบ รองรับเมนูภาษาไทย สามารถเชื่อมต่อและแสดงข้อมูลจากหน้าจอสัมผัสกลางแดชบอร์ดได้ด้วย การใช้งานจริงขณะขับขี่ถือว่าดีเลยทีเดียวเพราะจอสว่างเพียงพอ มีความคมชัด กราฟิกอ่านง่าย เมนูต่างๆ ไม่ซับซ้อน บอกข้อมูลการขับขี่ทุกอย่างครบถ้วน และยังดูทันสมัยขึ้นมาก

            จุดต่อมาที่มีการอัพเกรดคือระบบความบันเทิงที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโดฟนระบบ iOS ผ่าน Apple CarPlayได้แล้ว รวมถึงจอมัลติมีเดียสำหรับผู้โดยสารด้านหลังก็มีการปรับเพิ่มขนาดให้ใหญ่ขึ้นเป็น 12.1 นิ้ว มาพร้อมกับรีโมทและหูฟังอินฟราเรด ดูหนังฟังเพลงได้เต็มอารมณ์ยิ่งขึ้น แถมยังมีช่อง USB และหัวปลั้ก 220โวลต์แบบไฟบ้านด้วย

            นอกจากนี้ คอนโซลกลางและแผงประตูยังมีการเสริมด้วยวัสดุซอฟต์ทัช ดูหรูหราพรีเมี่ยมกว่าที่เคย มีการเพิ่มช่องวางของ เพิ่มช่องเสียบ USB 2 ช่อง แถม HDMI อีก 1 ช่อง ระบบปรับอากาศเป็นแบบดูอัลโซนแยกปรับอุณภูมิซ้าย-ขวาอย่างอิสระและมาพร้อมเทคโนโลยี nanoe สร้างไอออนประจุลบให้อากาศสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น

            เดิมที Pajero Sport ก็มีพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางและอเนกประสงค์อยู่แล้ว รุ่นใหม่นี้มีการเพิ่มประตูท้ายไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี การใช้งานสะดวกจริงๆ เพราะถือของมาสองมือก็เปิดประตูท้ายได้เพียงสอดเท้าไปใต้กันชนหลัง แต่ต้องมีกุญแจรถติดตัวไว้ไม่งั้นจะเปิดไม่ออก

            เรื่องอุปกรณ์ความปลอดภัยจากเดิมที่ให้มาเยอะพอตัวแล้ว แต่ Pajero Sport ใหม่ก็ไม่อยากน้อยหน้าใครเลยเพิ่มระบบความปลอดภัยเสริมเข้ามาทั้ง ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning, ระบบเตือนขณะเปลี่ยนเลน Lane Change Assist, ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด Rear Cross Traffic Alert, ระบบเบรกมือควบคุมไฟฟ้าอัตโนมัติ Auto Parking Brake, และระบบ Brake Auto Hold เรียกว่าให้มาครบถ้วนกระบวนความที่สุดรุ่นหนึ่งในเซกเมนต์

            นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่ Mitsubishi Remote Control App เชื่อมต่อรถยนต์เข้ากับแอพฯ บนมือถือ สามารถสั่งเปิด-ปิดประตูท้ายได้จากสมาร์ทโฟน แจ้งเตือนสภานะของรถ ค้นหารถ สั่งล็อก-ปลดล็อกรถ แสดงข้อมูลประวัติการใช้งาน รวมถึงแจ้งเตือนปัญหาและช่วยเหลือเบื้องต้น

การขับขี่

                 จบเรื่องออปชั่นที่เพิ่มเข้ามาใหม่ มาดูที่เรื่องการขับขี่กันต่อ Pajero Sport ใหม่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง MIVEC CLEAN DIESEL แบบ 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ความจุ 2.4 ลิตร พร้อมวาล์วไอดีแปรผัน, เทอร์โบแปรผัน และอินเตอร์คูลเลอร์ ให้พละกำลัง 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิด 430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Sport mode และระบบ INC (Idle Neutral Control) G-Sensor พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Super Select 4WD-II และระบบล็อกเฟืองท้าย (Rear Differential Lock) ที่ทำงานร่วมกับระบบล็อกเฟืองท้ายกลาง (Center Differential Lock) ซึ่งเป็นระบบที่ติดตั้งในรถอเนกประสงค์ไม่กี่รุ่น

            ด้วยความที่ Pajero Sport เป็นรถอเนกประสงค์ยกสูง ดังนั้นการก้าวขึ้น-ลงรถจึงไม่ใช่เรื่องลำบาก ทัศนะวิสัยและตำแหน่งนั่งขับดีมาก มองเห็นรอบคันได้ชัดเจน ห้องโดยสารมีความโปร่งสบายนั่งขับนานๆ แล้วไม่อึดอัด เบาะคนขับนุ่มและใหญ่ ปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง มีความโอบกระชับกับสรีระดี เสาหน้าไม่บังการมองจนเกินไป กระจกมองข้างใหญ่มองเห็นชัดเจน มุมมองผ่านไหล่ไปกระจกหลังก็เคลียร์

            เริ่มต้นเดินทางจากกรุงเทพฯ กับการจราจรที่หนาแน่น Pajero Sport เคลื่อนที่อย่างนุ่มนวลไปบนถนน เครื่องยนต์เดินเรียบทั้งรอบเดินเบาและรอบต่ำ ขับในเมืองก็ไม่ส่งเสียงดังมาก เกียร์ส่งต่อกำลังอย่างนุ่มนวลทุกจังหวะเพิ่มและลดเกียร์ แอบมีสะดุดเล็กๆ ในเกียร์ต่ำขณะขับคลานตามการจราจรซึ่งเป็นเรื่องปกติ

            พวงมาลัยค่อนข้างเบามือถ้าขับในเมืองโดยใช้ความเร็วไม่สูงมาก ทำให้ไม่ต้องใช้แรงในการหมุนควงมากนัก ช่วงล่างนุ่มนวลไม่กระด้าง ดูดซับแรงสะเทือนจากพื้นถนนได้ดีตามมาตรฐานเอสยูวี

            เครื่องยนต์ 181 แรงม้าให้การตอบสนองแบบนุ่มนวล ไม่ว่าจะกดคันเร่งในลักษณะใดรถก็จะค่อยๆ เพิ่มความเร็วแบบค่อยเป็นค่อยไปไม่ได้ดึงมากนัก มากคิ๊กดาวน์ต้องกดลึกและมีการอจังหวะนิดนึงก่อนเกียร์จะชิฟท์ดาวน์ เรี่ยวแรงที่ได้ก็พอรู้สึกว่ารถมันดึงแล้วนะ เร่งแซงได้แบบไม่ต้องกังวล หากต้องการความฉับไวในการเปลี่ยนเกียร์ให้ลองเล่นแป้นแพดเดิลชิฟท์ดูซึ่งก็ตอบสนองได้ถนัดมือดีพอสมควร

            ที่ความเร็วเดินทางนั้น Pajero Sport มอบความมั่นใจด้วยคาแร็กเตอร์แบบนุ่มหนึบ ช่วงล่างเกาะถนนดีที่ความเร็วสูง รถนิ่ง ไม่ส่าย ไม่สั่น ไม่โคลง พวงมาลัยปรับเพิ่มความหนืดขึ้นตามความเร็วทำให้รู้สึกกระชับและมั่นใจมากขึ้น ช่วงเข้าโค้งอาจจะมีอาการโยนบ้างเล็กน้อยตามประสารถอเนกประสงค์ยกสูง แต่มีความหนึบและสมดุลที่ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าพอสมควร เข้าโค้งเร็วๆ แล้วยังมั่นใจว่าเอาอยู่ ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากที่มิตซูบิชิตัดสินใจถอดยางอะไหล่ทิ้งไปแล้วแทนที่ด้วยชุดปะยางฉุกเฉินทำให้น้ำหนักด้านท้ายลดลง พร้อมกับมีการปรับค่า K ของสปริงหลังใหม่ ผลที่ได้คือนิ่มนวลมากขึ้น และในแง่การขับขี่มันตอบโจทย์กว่าเดิมเนื่องจากไม่มีจุดศูนย์เหวี่ยงทางด้านท้าย

            ระบบเบรกเป็นดิสก์ 4 ล้อที่ให้ความมั่นใจได้ดีในทุกย่านความเร็ว การตอบสนองของแป้นเบรกมีความสมูธนุ่มนวลกะระยะจังหวะเบรกได้ง่าย การเบรกหนักๆ มีการถ่ายเทน้ำหนักที่พอใช้ได้ กดเบรกลงไปลึกๆ หน้ารถมีอาการทิ่มลงไม่มากรวมถึงอาการซวนเซเสียการทรงตัวก็ไม่ปรากฏให้เห็น

            เราใช้ความเร็วเดินทางที่ 110 กม./ชม. เกียร์อยู่ในตำแหน่งเกียร์ 8 ซึ่งใช้รอบเครื่องต่ำเพียง 1,600-1,700 รอบต่อนาทีเท่านั้น แสดงให้เห็นว่ารถอเนกประสงค์คันนี้มีอัตราสิ้นเปลืองที่ไม่ดุเมื่อขับไกลๆ สำหรับการป้องกันเสียงรบกวนจัดว่าทำได้ดีตามมาตรฐาน เสียงลมเริ่มเล็ดลอดเข้ามาที่ 100 กม./ชม. เสียงยางไม่รู้สึกว่าดังมากจนเกินไป

            การขับขี่ทั่วไปบนทางเรียบควรใช้โหมด 2H เพื่อไม่ให้เป็นการสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ แต่หากเจอพื้นเปียกและต้องการการยึดเกาะที่มากขึ้นก็สามารถเปลี่ยนมาขับ 4H ได้ ซึ่ง Pajero Sport สามารถปรับเปลี่ยนโหมดขับเคลื่อนได้ง่ายดายเพียงหมุนปุ่มปรับโดยที่ไม่ต้องหยุดรถ โดยทริปทดสอบครั้งนี้มิตซูบิชิได้จัดให้มีการขับขี่บนเส้นทางออฟโรดด้วย ซึ่งเราจะต้องพาเจ้า Pajero Sport ขับลุยเข้าไปที่ห้วยคมคมกฤต ส่วนหนึ่งในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

            Super Select 4WD II คือหนึ่งในระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ดีที่สุดในคลาสก็ว่าได้ ความสามารถของมันครอบคลุมทุกสภาพพื้นผิวที่เมืองไทยมี ประกอบด้วยโหมดขับเคลื่อน 4 แบบ คือ 2H 4H 4HLc และ 4LLc พร้อมด้วยโหมดการส่งกำลังเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิว 4 โหมดคือ Gravel, Mud/Snow, Sand และ Rock ดังนั้นไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน ไม่ต้องกังวลเลยว่า Pajero Sport จะพาไปไม่ได้

            การลุยทางออฟโรดในครั้งนี้เราปรับไปที่โหมด 4HLc แล้วขับลุยดินอย่างมั่นใจ Pajero Sport มีพละกำลังเหลือเฟือรวมทั้งระบบขับเคลื่อนก็ทำงานได้ดีมาก ถึงแม้ว่าเส้นทางจะมีความทุรกันดารและยังมีฝนตกตลอดทั้งวันจึงเพิ่มความลื่นเป็นอีกเท่าตัวแถมยังต้องลุยลำธารน้ำลึกครึ่งล้ออีก แต่เราก็พาเจ้า Pajero Sport เดินทางเข้าไปถึงห้วยคมกฤตได้อย่างไม่ยากเย็น ต่อให้มีทักษะการขับขี่ออฟโรดเพียงน้อยนิด เส้นทางแบบนี้ก็ชิลมากสำหรับรถอเนกประสงค์คันนี้

            อย่างไรก็ตาม ถ้าหากจำเป็นต้องบุกป่าฝ่าดงจริงๆ ก็ควรเปลี่ยนไปใช้ยางออฟโรดซึ่งจะตอบโจทย์ในการขับลุยดินโคลนได้ดีกว่า และยังป้องกันความเสียหายกับยางและตัวรถได้ด้วย

สรุปความน่าใช้

                Mitsubishi Pajero Sport ยังคงเป็นรถอเนกประสงค์ที่โดดเด่นเรื่องการขับขี่และความสามารถในการลุยทางออฟโรดอยู่เหมือนเดิม การปรับเพิ่มออปชั่นใหม่ๆ เข้ามาหลายรายการทำให้รถคันนี้น่าสนใจขึ้นมากโดยเฉพาะระบบช่วยขับและระบบความปลอดภัยที่เรียกได้ว่าเยอะเป็นลำดับต้นๆ ของคลาส คุณจะไม่ผิดหวังเลยเมื่อมานั่งไล่ดูรายการอุปกรณ์ในโบรชัวร์เพราะมันเยอะมากจนตาลาย อีกทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องโดยสารและลูกเล่นใหม่ๆ ที่น่าจะถูกใจผู้ซื้อที่ต้องการรถที่เป็นดั่งศูนย์กลางของครอบครัว รถคันนี้สามารถขับใช้งานในเมืองได้ ขับไปเที่ยวป่าเที่ยวภูเขาได้ ขนของได้มาก ขนคนได้ถึง 7 คน พละกำลังดีเยี่ยม อัตราสิ้นเปลืองไม่ดุ ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของคุณแล้วว่า Pajero Sport โดนใจมากแค่ไหน สำหรับเราแล้ว 1,599,000 บาท กับสิ่งที่ได้สัมผัสในทริปครั้งนี้เป็นความคุ้มค่าที่น่าลงทุนและน่าจะร่วมสนุกไปกับมันได้ยาวๆ

ขอขอบคุณ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย สำหรับกิจกรรมทดสอบในครั้งนี้

ดูรายละเอียดสเปก Mitsubishi Pajero Sport ได้ที่ http://bit.ly/2Gv20MN

Gallery 

Exit mobile version