First Drive – BMW X4 xDrive20d M Sport เท่ในแบบตัวเอง บนสมรรถนะที่สายสปอร์ตต้องการ

          มนุษย์ชอบค้นหาหรือลองทำสิ่งใหม่อยู่เสมอไม่ว่าจะสังคมหรือวงการไหนๆ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็มีทั้งสำเร็จและล้มเหลวปะปนกันไป ไม่เว้นแต่วงการรถยนต์ที่ผู้ผลิตมักค้นคว้าพัฒนารถยนต์จากแนวคิดแปลกๆ ผสมผสานจุดเด่นของรถแต่ละแบบเข้าด้วยกันจนออกมาเป็นรถรูปแบบใหม่ที่อาจจะพลิกโฉมวงการหรือเปลี่ยนแปลงกระแสความนิยมไปตลอดกาล

          เดิมทีรถยนต์เอสยูวีกับรถสปอร์ตคูเป้ท้ายลาดเปรียบเหมือนขั้ว + และขั้ว – ที่ตรงข้ามกัน รถทั้งสองแบบต่างมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน เอสยูวีเน้นที่ความอเนกประสงค์ การใช้งาน ความสมบุกสมบันลุยได้ทุกภูมิประเทศ ส่วนสปอร์ตคูเป้จะเด่นที่สมรรถนะการขับขี่ พลังเครื่องยนต์ที่ร้อนแรง เน้นขับทางเรียบไม่สามารถบุกป่าฝ่าดงได้ ด้วยความคิดสร้างสรรค์ของบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ที่ต้องการนำเสนอสิ่งใหม่ การจับเอารถทั้งสองแบบมาฟิวชั่นกันจึงเกิดขึ้น กลายเป็นคูเป้เอสยูวีที่เด่นทั้งสมรรถนะการขับขี่ และความสามารถในด้านออฟโรดพร้อมความอเนกประสงค์

          BMW เป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่นำแนวความคิดดังกล่าวมาใช้อย่างจริงจังจนเกิดเป็น X4 คูเป้เอสยูวีที่มาพร้อมรูปลักษณ์อันเร้าใจ แต่ยังขับออฟโรดได้อย่างไม่มีปัญหา ปัจจุบัน X4 เดินทางมาถึงเจนเนอเรชั่นที่ 2 แล้ว และมันเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยได้ไม่นานโดยมาในรุ่น xDrive20d M Sport

           เป็นโอกาสอันดีที่ BMW Thailand ได้เชิญชวน What Car? ไปสัมผัสและทดสอบสมรรถนะของ X4 xDrive20d M Sport อย่างใกล้ชิดในกิจกรรมสุดพิเศษที่จัดขึ้น ณ สนามแข่งรถแก่งกระจาน เซอร์กิต จังหวัดเพชรบุรี เราจะได้ลองขับทั้งบนแทร็กและสนามออฟโรดจำลอง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไปดูกันเลยว่าเจ้าคูเป้ยกสูงรุ่นนี้ดีงามอย่างไรบ้าง

Warm up

            ก่อนจะไปทดสอบ เราขออธิบายรายละเอียดของ X4 xDrive20d M Sport สักเล็กน้อย ขุมพลังที่ประจำการในรถคันนี้เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาทีแรงบิดสูงสุดที่ 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ Part Time แบบแปรผันระหว่างล้อคู่หน้าและคู่หลัง (xDrive)

            ตัวเลขจากโรงงานเอามาให้ดูไว้อ้างอิงซึ่งเราไม่ได้ทดสอบด้วยตัวเอง อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ทำได้ภายใน 8 วินาที ทะยานสู่ความเร็วสูงสุด 213 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 17.9 กม./ลิตร ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 149 กรัม/กม.

            เอาล่ะ เหลามาเยอะละ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า การทดสอบสมรรถนะวันนี้มีทั้งแบบออนโรดและออฟโรดภายใต้คอนเซ็ปต์การประชันความเร็วแบบแรลลี่ครอสที่ผสมผสานพื้นผิวแบบทางเรียบและทางลูกรังไว้ในสนามแข่ง เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ใหม่ล่าสุดที่มาใน X4 เป็นครั้งแรกกันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเบรกอัตโนมัติที่สามารถตรวจจับรถและคนเดินถนนด้วยความเร็วต่ำ, ระบบเตือนเพื่อป้องกันการชนด้านหลัง และระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร 

           และที่ท้าทายไปกว่านั้นคือต้องขับย้อนแทร็กในสนามแข่งซึ่งรูปแบบสนามไม่ได้ออกแบบมาให้ขับแบบนี้ แถมยังมีบางช่วงที่ต้องขับลัดสนามลงบนพื้นหญ้า เพื่อทดสอบระบบ xDrive ว่ามันสามารถปรับเปลี่ยนการขับขี่อย่างทันทีทันใดได้ดีแค่ไหน โดยรวมถือว่าเป็นการทดสอบที่หินพอสมควรเลยทีเดียว

           ทันทีที่ก้าวเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งหลังพวงมาลัย ความรู้สึกแรกคือรถค่อนข้างสูง มุมมองด้านหน้าดี เสาหน้าค่อนข้างใหญ่แต่ไม่รู้สึกอึดอัด ข้อจำกัดของรถคูเป้คือมุมมองผ่านกระจกมองหลังที่ค่อนข้างจำกัด ถ้าจะขับรถประเภทนี้ต้องทำความเคยชินให้ได้

           เสียงเครื่องยนต์รอบเดินเบาเงียบมาก แถมยังนุ่มนวล สุ้มเสียงที่ออกจากท่อมีความนุ่มเป็นลูกๆ ชวนน่าฟัง ปรับเบาะ ปรับกระจก ปรับพวงมาลัยจนเข้าที่ แล้วจึงเคลื่อนรถไปเข้าจุดสตาร์ท การคลานที่ความเร็วต่ำนุ่มนวลแทบไม่ต่างจากรถซีดาน ถึงตอนนี้ความตื่นเต้นเริ่มก่อตัวพร้อมกับความอยากรู้ว่าพลังที่แท้จริงของ X4 คันนี้เป็นอย่างไร

Track Test

            แน่นอนว่าเมื่อขับในสนาม โหมดขับขี่ต้องเป็น Sport อยู่แล้วเพื่อดูประสิทธิภาพสูงสุดของรถ ทันทีที่กดคันเร่ง เครื่อง 2.0 ลิตร 190 แรงม้ากระชากให้หลังติดเบาะอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงเครื่องที่คำรามลั่น แรงดึงอันมากล้นจากขุมพลังดีเซลโผล่มาให้เห็นตั้งแต่รอบต่ำที่ 1,750 รอบต่อนาที ลากขึ้นไปถึงเกือบๆ  3,000 รอบ ก่อนจะตัดเข้าสู่เกียร์ต่อไป แค่จังหวะออกตัวมันสร้างความประทับให้กับเราอย่างมาก

            ฟิลลิ่งในการเข้าโค้งของ X4 ทำให้เราประทับใจมาก มันให้ความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับรถที่มีความสูงน้อยกว่านี้มาก พวงมาลัยไฟฟ้าเมื่อยู่ในโหมด Sport ก็มอบความเฉียบคมและมีระยะฟรีน้อยกว่าปกติ ทำให้ควบคุมหน้ารถได้ไว พุ่งสู่ไลน์เข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ อาการหน้าดื้อแทบไม่มี โดยรวมแล้วให้ความมั่นใจได้เป็นอย่างดี ประกอบกับช่วงล่างแบบ M Sport และระบบควบคุมการขับขี่ขณะเข้าโค้ง มอบความหนึบแน่นและช่วยในเรื่องการทรงตัว อาการโยนจึงมีไม่มาก

             บางช่วงของสนามเป็นเนินเขาเล็กๆ แต่มันก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้กับ X4 แม้แต่น้อย เครื่องดีเซล 190 แรงม้าพารถคันโตทะยานผ่านไปอย่างง่ายดายโดยไม่สูญเสียกำลัง เช่นเดียวกับโค้งตัว S ที่ไม่ว่าใครเจอก็ต้องชะลอให้ถึงระดับที่ปลอดภัย แต่ X4 ยังสามารถฝ่าไปได้โดยไม่ต้องชะลอความเร็วลงมากนัก รถยังคงนิ่งและหนึบไว้ใจได้

              มาถึงจุดไคลแม็กซ์ที่ต้องลัดสนามลงดิน เราใส่มาที่ความเร็วประมาณ 60 กม./ชม. ตามที่เจ้าหน้าที่บอกเพื่อดูการทำงานของระบบ xDrive ซึ่งเจ้า X4 ของเราก็ขับผ่านอย่างสุขุมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ช่วงล่าง M Sport ทำหน้าที่ได้อย่างดีเนียนตา ด้วยความที่มันเซ็ตมาแบบสปอร์ตที่ให้ฟีลแข็งและหนึบ เราจึงแทบไม่เห็นอาการยวบของช่วงล่างเลย

             เราได้ขับรอบสนามจำนวน 2 รอบ ยอมรับเลยว่า X4 ขับสนุกกว่าที่คิดไว้พอสมควร เครื่องยนต์ 190 แรงม้าที่ตอนแรกเราแอบตระหนักว่ามันจะเพียงพอกับขนาดตัวที่ใหญ่โตรึเปล่า แต่เมื่อได้ขับแล้วมันกลับเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย การติดตั้งช่วงล่าง M Sport มาเป็นมาตรฐานช่วยให้ขับสนุกจริง แม้จะเป็นรถยกสูงแต่ก็ให้ความรู้สึกใกล้เคียงรถเตี้ย ขณะเดียวกันมันก็ไม่อาจนุ่มสบายเท่ารถซีดาน แต่เรามองว่านี่มันคูเป้เอสยูวีนี่น่ามันต้องสปอร์ตสิถึงจะถูก

Slalom Test

             หลังจากจบ Track Test ไปด้วยความประทับใจ เราก็มาต่อที่การทดสอบขับแบบสลาลอม แต่สลาลอมธรรมดาโลกไม่จำ BMW จึงจัดให้สลาลอมบนพื้นกรวดซะเลย และมีการแข่งจับเวลาเพื่อเพิ่มความเมามันส์ด้วย

             การขับในสถานีนี้ต้องใช้ทักษะการควบคุมรถที่สูงพอสมควร การขับสลาลอมความเร็วไม่ใช้ตัวแปรสำคัญแต่เป็นระบบบังคับเลี้ยวและช่วงล่างมากกว่า พวงมาลัยไฟฟ้าที่เฉียบคมและว่องไวของ X4 ตอบสนองต่อการหักเลี้ยวได้อย่างรวดเร็ว ทำให้หน้ารถพุ่งไปในทิศทางที่ต้องการในแทบจะทันที อาการหน้าดื้อหรือ Understeer ไม่มีให้เห็น ทำให้เราสามารถกะจังหวะในแต่ละกรวยได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ส่งผลถึงเวลาที่ดีตามไปด้วย

            จังหวะเบรกและเติมคันเร่งก็สำคัญไม่แพ้กัน ต้องควบคุมให้สัมพันธ์กับความเร็วเพื่อไม่ให้รถบานออกห่างกรวย จุดนี้นี้ช่วงล่าง M Sport และระบบควบคุมการทรงตัวกลับมาเป็นพระเอกอีกครั้งเพราะมันช่วยให้เราไมต้องเหนื่อยมากในการควบคุมรถ ตลอดการขับรถไม่มีการเสียการควบคุมเลย ควบคุมง่าย ทรงตัวดี ช่วงล่างไม่มียวบย้วย X4 จึงทะยานผ่านกรวยต่างๆ ได้อย่างมั่นคง

           ห๊ะ! อะไรนะ! เราลสาลอมบนพื้นกรวดหรอ! เป็นอีกครั้งที่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะ xDrive ได้ปล่อยของ มันจัดการการส่งกำลังขับเคลื่อนไปหาล้อแต่ละล้อได้อย่างชาญฉลาด ช่วยป้องกันการลื่นไถลของล้อ แม้จะขับซิกแซกไปมาอย่างรวดเร็วแต่ระบบก็ยังเอาอยู่ ต้องปรบมือให้เลยจริงๆ มันทำให้เราลืมไปเลยว่ากำลังหวดอยู่บนพื้นกรวด

Off Road Test

           มาถึงอีกความสามารถที่บรรจุอยู่ใน X4 XDrive 20d คันนี้ นั่นก็คือการขับขี่ออฟโรด ซึ่งข้างๆ สนามมีทั้งหินและเนินดินพร้อมสำหรับให้เราได้ทดสอบกันอย่างเต็มที่ คราวนี้เราจะมาทดสอบระบบ XDrive แบบเพียวๆ เลยเพื่อดูว่ามันจะเจ๋งแค่ไหน

           เราค่อยๆ เคลื่อนรถเข้าเนินดินอย่างช้าๆ ตอนนี้ปรับโหมดกลับมาที่ Comfort แล้ว รถค่อยๆ ไหลขึ้นเนินดินอย่างสุขุมนุ่มนวล เมื่อล้อใดล้อหนึ่งลอยไม่แตะพื้น ระบบ XDrive จะตัดการส่งกำลังไปที่ล้อนั้นแล้วเพิ่มกำลังไปที่ล้ออื่นๆ ที่แตะพื้นอยู่ในแบบเรียลไทม์โดยอัตโนมัติ สำหรับช่วยตะกุยให้รถเคลื่อนผ่านอุปสรรคไปได้ ขับมาสักพักก็ผ่านพ้นเนินดินเหล่านั้นมาได้อย่างง่ายดายจนต้องอุทานนี่ขับผ่านแล้วหรอ ทำไมมันง่ายจัง!

           อย่างไรก็ตาม ระบบ xDrive สามารถช่วยอำนวยความสะดวกยามเจอสภาพพื้นผิวที่เป็นอุปสรรคได้จริง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากคุณขับใช้งานจริง สำคัญที่สุดคือคุณต้องรู้จักขีดความสามารถของรถตัวเอง X4 ลุยได้จริงแต่มันก็ไม่ได้มีเกียร์ขับเคลื่อน 4 ล้ออัตราทดต่ำพวก 4Hi หรือ 4Low แบบรถ 4×4 ดังนั้นการลุยทางโหดๆ เช่นลุยโคลน ปีนหิน ข้ามลำธาร จึงไม่ใช้เรื่องที่เหมาะที่ควรสักเท่าไร อย่าลืมว่านี่คือคูเป้เอสยูวีที่เน้นการขับขี่แบบสปอร์ต ระบบ xDrive จึงมีมาเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ทางเรียบให้ดีขึ้นมากกว่า

            การทดสอบครั้งนี้เป็นการขับขี่ในรูปแบบต่างๆ จนครบทุกขีดความสามารถของรถ เราจึงไม่ได้สัมผัสกับความยอดเยี่ยมด้านอื่นๆ ของ X4 มากนัก แต่จากการได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดในวันนี้บอกเลยว่าเจ้าคูเป้ยกสูงคันนี้มีจุดเด่นอีกหลายอย่างนอกเหนือจากการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม เริ่มตั้งแต่ดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่นจากชุดแต่ง M Sport พร้อมล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว ไปจนถึงภายในห้องโดยสารที่ให้อารมณ์สปอร์ตเต็มขั้นแฝงด้วยความพรีเมี่ยมหรูหราตามแบบฉบับ BMW

             นอกจากนี้ X4 ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อันทันสมัย ได้แก่ ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติที่สามารถตรวจจับรถและคนเดินถนนด้วยความเร็วต่ำ, ระบบเตือนเพื่อป้องกันการชนด้านหลัง, ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร, ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา, ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง และระบบเตือนป้ายจราจร นอกจากนี้ระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะอย่าง BMW ConnectedDrive ก็มีด้วยเช่นกัน

สรุปความน่าใช้

            เราขอบอกว่าประเทศไทยเหมาะมากสำหรับประเภทนี้ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบรถดีไซน์สปอร์ต ชอบรถที่มีความสามารถครอบคลุมรอบด้าน ไม่เกี่ยงทางเรียบหรือทางฝุ่น พร้อมความอเนกประสงค์ที่พึ่งพาได้ รถคูเป้เอสยูวีแบบ X4 xDrive20d M Sport นี่แหละคือสิ่งที่คุณมองหา ด้วยความบันเทิงของสภาพพื้นผิวถนน รวมถึงสภาพการจราจร หรือปัญหาน้ำท่วมเมื่อเจอฝนตกหนัก การขับสปอร์ตตัวเตี้ยอาจทำให้คุณหมดสนุกไปเลย  ลองเปลี่ยนใจมามองรถยกสูงที่มอบนิยามความสปอร์ตได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยแบบนี้ดูสิแล้วคุณจะติดใจ

            X4 xDrive20d M Sport คือความลงตัวที่กำลังดี นี่คือรถบ้านที่ขับสนุก ให้ฟีลแบบสปอร์ต การควบคุมดี ลุยได้พอหอมปากหอมคอ สะดวกสบายและพรีเมี่ยมตามแบบฉบับ BMW อยากรู้จักรถคันนี้มากขึ้นแล้วใช่ไหมล่ะ? แนะนำว่าไปลองเลยแล้วจะรู้ว่าค่าตัว 3.999 ล้านบาท คุ้มค่าอย่างไร

ขอขอบคุณ บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย สำหรับกิจกรรมทดสอบในครั้งนี้

ดูสเปค BMW X4 xDrive20d M Sport ได้ที่นี่

Gallery

Exit mobile version