[First Drive] Audi A1 Sportback กะทัดรัด ขับสนุก คล่องแคล่ว ตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง

      ปกติแล้วรถหรูระดับพรีเมี่ยมมักจะไม่ค่อยมีทรงแฮทช์แบ็ก 5 ประตูให้เลือกมากนัก Mercedes-Benz มี A-Class แต่ตัวล่าสุดก็เป็นซีดาน 4 ประตู ด้าน BMW 1 Series โฉมใหม่ล่าสุดก็ยังไม่เข้าไทย Volvo ก็ไม่มีรถรุ่นใหม่ที่เป็นทรงแฮทช์แบ็ก 5 ประตูเลย สรุปแล้วมีเพียง Audi เจ้าเดียว และนั่นก็คือ A1 Sportback

      ในต่างประเทศ A1 Sportback ไม่ได้เป็นคู่แข่งกับ Mercedes-Benz A-Class และ BMW 1 Series โดยตรง แต่เป็น A3 ต่างหาก คู่แข่งโดยตรงจริงๆ คือ Mini 5-Door Hatch ดังนั้นมันจึงเป็นรถในคลาส Supermini หรือเทียบเท่ากับ B-Segment ในบ้านเรา ถ้าจับรถรุ่นเล็กสุดจาก 3 ค่ายเยอรมันมาเทียบกันตรงๆ ก็ดูจะไม่เป็นธรรมสักเท่าไร แต่ข้อดีคือ Audi วางราคาได้ต่ำกว่า และยังมาพร้อมกับอุปกรณ์หรูตามมาตรฐานค่ายสี่ห่วง

       A1 Sportback ที่เห็นนี้คือเจเนอเรชั่นที่ 2 ของตระกูล เปิดตัวครั้งแรกปี 2018 เข้าสู่ตลาดเมืองไทยเดือนตุลาคม ปี 2019 สเปกของไทยจะได้เป็นเครื่องยนต์รหัส 35 TFSI เบนซิน 4 สูบเรียง ความจุ 1.5 ลิตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ S tronic 7 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า

       เครื่องยนต์รุ่นนี้ให้สมรรถนะไม่ธรรมดา เร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.7 วินาที ความเร็วสูงสุดทะลุเกิน 200 กม./ชม. ดังนั้นอย่าคิดว่าเป็นรถเล็กแล้วจะไม่มีอะไรน่าสนใจ Audi ก็คือ Audi สเปกระดับนี้รถรุ่นใหญ่กว่าต้องมีเสียวสันหลังบ้างล่ะ

ขับสนุกตามสไตล์รถเล็ก

        ข้อดีของการเป็นแฮทช์แบ็กขนาดเล็กคือความคล่องตัว ขับง่าย และเป็นมิตรต่อผู้ขับขี่ A1 Sportback มาพร้อมกับฟีลลิ่งแบบสปอร์ตหน่อยๆ มีความกระชับ ช่วงล่างแน่นเฟิร์ม อัตราเร่งทำได้น่าพอใจตามมาตรฐานรถระดับนี้ อาจจะไม่ได้ดึงโหดเหมือนพวกรุ่นใหญ่กว่าแต่ก็มอบความสนุกได้พอตัว เร่งแซงทันใจ ขับความเร็วสูงให้ความมั่นใจได้ดี

        เกียร์ S tronic 7 สปีด ตอบสนองต่อการใช้งานได้ดี มีความนุ่มนวลทั้งจังหวะชิฟท์อัพและชิฟท์ดาวน์ มีโหมด S ที่เพิ่มการตอบสนองแบบสปอร์ต ลากรอบมากขึ้น เกียร์กระชับและไวขึ้น ถ้าดันตำแหน่งเกียร์ไปที่ + หรือ – จะกลายเป็นโหมดแมนวลทันที สำหรับคนชอบอารมณ์รถเกียร์กระปุกน่าจะถูกใจเป็นอย่างมาก ทั้งยังช่วยให้การขับขึ้น-ลงทางลาดชันเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น

        เราลองทำการคิ๊กดาวน์ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. ในโหมดเกียร์ D ปกติ ต้องเหยียบคันเร่งจนสุดเกียร์ถึงจะลดระดับลง กำลังที่ได้ไม่หวือหวามากแต่ยังพอเร่งแซงรถพ่วงยาวๆ ได้อย่างปลอดภัยไม่ต้องลุ้น โหมดเกียร์ S ลองแล้วคิ๊กดาวน์ไม่ได้ โหมดขับขี่เลือกได้ 4 แบบ ประกอบด้วย Efficiency เน้นประหยัดพลังงาน, Auto โหมดขับขี่ปกติ , Dynamic ตอบสนองแบบสปอร์ต และ Individual ปรับแต่งในแบบของตัวเอง

        พวงมาลัยของ A1 Sportback ปรับเซ็ตมาได้น้ำหนักเหมาะสมสำหรับคนขับทั้งชายและหญิง ที่ความเร็วต่ำจะเบา หมุนควงง่าย ยิ่งความเร็วมากขึ้นก็ยิ่งหนักขึ้น ระยะฟรีค่อนข้างน้อยทำให้การปรับเปลี่ยนทิศทางทำได้ไว มีความแม่นยำสูง การเข้าโค้งด้วยความเร็วสามารถบังคับทิศทางหน้ารถได้ง่าย

        ด้วยระยะฐานล้อและขนาดตัวถังที่กะทัดรัดทำให้รถมีแฮนด์ลิ่งที่ดี คุมง่าย คล่องแคล่ว ตอบสนองไว เล่นโค้งได้โดยไม่หวาดเสียว บนความเร็วสูงทั้งนิ่งแลเกาะถนน การทรงตัวในโค้งทำได้ดี อาการโยนมีไม่มาก ชุดโช๊คอัพและสปริงสามารถดูดซับแรงสะเทือนได้ดีตามาตรฐานรถแฮชท์แบ็ก มีความกระด้างในบางจังหวะให้พอรู้สึกแอคทีฟ ไม่ได้นุ่มนวลชวนหลับเหมือนพวกรถรุ่นใหญ่

         ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ ให้ความมั่นใจในการหยุดรถได้ดี การตอบสนองของแป้นเบรกมีความนุ่มนวล มีแรงต้านเป็นธรรมชาติ สามารถกะจังหวะเบรกได้ง่ายและแม่นยำ

        การป้องกันเสียงรบกวนต้องยอมรับยังไม่ดีเท่า Audi รุ่นใหญ่ แต่ถ้าเทียบกับแฮทช์แบ็กค่ายญี่ปุ่นถอืว่ากันเสียงได้สนิทกว่า เสียงลมเริ่มดังที่ 90 กม./ชม. พร้อมๆ กับเสียงยางบดถนน เสียงเครื่องตอนสตาร์ทเช้าๆ เครื่องเย็นๆ จะค่อนข้างดัง แต่ในขณะขับขี่ก็เงียบเป็นปกติ จะได้ยินชัดๆ เมื่อใกล้ 3,000 รอบต่อนาที

         ด้านอัตราสิ้นเปลืองเรามองว่าไม่ได้ถึงขั้นประหยัดจ๋า แต่ก็ไม่ได้กินดุเว่อร์ แนะนำว่าอย่ายึดติดกับคำว่ารถเล็กต้องประหยัด นี่คือรถเครื่อง 1.5 ลิตร เทอร์โบ 150 แรงม้า มันกินน้ำมันตามที่เท้าเหยียบนั่นแหละ ถังน้ำมันจุ 40 ลิตร หน้าปัดรถแจ้งว่าวิ่งได้ราว 500 กม. ก็ถือว่าโอเคเพียงพอกับการเดินทางข้ามจังหวัด อย่างไรก็ตาม มันยังมีระบบตัดการทำงานเครื่องยนต์อัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความประหยัดได้นิดหน่อยเมื่อเหยียบเบรกค้างตอนรถติด

โดดเด่นมีสไตล์

         A1 Sportback สเปกไทยมาพร้อมกับแพ็คเกจตกแต่งภายนอกแบบ S line และ Contrast package หลังคาสีดำตัดกับสีบอดี้รถ ติดตั้งล้ออัลลอย 18 มาเป็นมาตรฐาน  สวยงามเต็มซุ้มพอดิบพอดี ดีไซน์ตัวถังก็ตามสไตล์ Audi ที่เน้นเส้ยสายโฉบเฉี่ยวเป็นเหลี่ยมคม ไฟหน้า-ไฟท้าย LED รูปทรงทันสมัย ภาพลักษณ์ของมันดูสปอร์ตมาก กันชนหน้า-หลังทรงสปอร์ต มีสปอยเลอร์หลังคา ขนาดตัวที่กะทัดรัดก็แฝงความน่ารักไปในตัว

         ภายในห้องโดยสารเรียกว่ากะทัดรัดของจริง ถ้าขับคนเดียวหรือมีเพื่อนนั่งข้างๆ ก็ไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าชวนเพื่อนมานั่งสัก 4 คน อันนี้จะรู้เลยว่าคับแคบ การเข้า-ออกรถทำได้ง่าย ตำแหน่งนั่งขับอยู่ต่ำ เบาะปรับมือ พวงมาลัยปรับมือ 4 ทิศทาง ขึ้น-ลง-เข้า-ออก ทัศนวิสัยการมองรอบคันค่อนข้างดี เสา A-pillar ไม่ใหญ่เกินไป

         การตกแต่งภายในยังคงสไตล์แบบ Audi แดชบอร์ดมีเหลี่ยมมุมที่ชัดเจน หุ้มวัสดุซอฟต์ทัช แต่มีหลายจุดที่ใช้พลาสติกแข็งธรรมดา เบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์ผสมผ้า บอขนาดพอดีตัว หนา หนุ่ม นั่งสบาย แต่ไม่ค่อยโอบกระชับ จอหน้าปัดดิจิตอล Virtual Cockpit ขนาด 10.25 นิ้วแสดงผลคมชัด สีสันสวยงาม อ่านค่าง่าย บอกข้อมูลครบถ้วน พวงมาลัยเป็นทรงสปอร์ตฐานตัดมาพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง ครูสคอนโทรลเป็นก้านปรับที่คอพวงมาลัยด้านซ้าย ไม่มีแพดเดิลชิฟท์มาให้เล่นเกียร์

         ระบบสาระบันเทิง MMI Radio Plus แสดงผลบนจอสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว กลางแดชบอร์ด จอนี้แหงนทำองศาเข้าหาผู้ขับขี่ทำให้มองง่ายยิ่งขึ้น รองรับการเชื่อมบลูทูธ Apple CarPlay และ Android Auto จอความละเอียดสูง กราฟิกสวยงาม หน้าตาเมนูต่างๆ ดูง่าย มีฟังก์ชั่นครบสะดวกกับความบันเทิงทุกรูปแบบ ระบบเสียงเป็นลำโพงคุณภาพสูง 6 ตำแหน่ง ฟังสนุกทุกแนวเพลง นอกจากนี้ยังมีกล้องมองหลัง

         เบาะหลังนั่งสบาย เข้า-ออกง่าย พนักพิงทำองศาได้ดี คนสูง 180 ซม. ยังเหลือพื้นที่ เข้าไม่ชนเบาะหน้า ศีรษะไม่ชนเพดาน ห้องเก็บสัมภาระจุ 335 ลิตร เบาะหลังพับแยกแบบ 60/40 เมื่อพับลงจะเพิ่มพื้นที่เป็น 1,090 ลิตร พับแล้วพื้นไม่เป็นขั้นบันได

สรุปความน่าใช้

         เราคิดว่า A1 Sportback น่าจะเหมาะกับหนุ่ม-สาวคนเมืองที่ชอบความแตกต่าง อยากลองรถระดับพรีเมี่ยมทางเลือกใหม่ๆ ชอบรถเล็กขนาดกะทัดรัดที่มาพร้อมดีไซน์โดนใจ แม้ภายในไม่กว้างแต่ถ้าขับคนเดียวไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ไปไหนไปกัน ถ้ามีเพื่อนไปด้วยก็พอไหว ขับเที่ยวต่างจังหวัดได้ไม่มีปัญหา เน้นจอดแวะยืดเส้นยืดสายบ่อยๆ ก็ได้

         ในแง่สมรรถนะการขับขี่ A1 Sportback เป็นรถที่แรงพอตัว ตอบสนองฉับไว แฮนด์ลิ่งดี ช่วงล่างแน่นและเกาะถนน ขับเร็วแล้วมั่นใจ อัตราสิ้นเปลืองเหมาะสม ทั้งนี้ ด้วยราคาค่าตัว 2.149 ล้านบาท อาจทำให้ผู้ซื้อที่ซีเรียสเรื่องความคุ้มค่าต้องคิดหนัก ดังนั้นการตัดสินใจซื้อรถรุ่นนี้น่าจะใช้เหตุผลเดียวกับคนซื้อรถ Mini คือความชอบต้องมาก่อน ถ้าคุณชอบแบรนด์ Audi รักในความเป็น Audi แฮทช์แบ็กรุ่นนี้จะกลายเป็นรถคันแรกของคุณ

ดูรายละเอียดสเปก Audi A1 Sportback 35 TFSI S line ได้ที่ http://bit.ly/32V0uwQ

Gallery

Exit mobile version