First Drive – All New Subaru XV ครอสโอเวอร์ชั้นดี การควบคุมเยี่ยม ลุยได้ทุกที่

             ครอสโอเวอร์เครื่องสูบนอนขับเคลื่อน 4 ล้อเจนเนอเรชันที่ 2 ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้ Subaru Global Platform ผสานระบบความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และสมรรถนะการควบคุมระดับสูง นี่คือรถที่ขับขี่ได้ดีทั้งในเมืองและออฟโร๊ดอย่างแท้จริง ราคาเริ่มต้น 1,159,000 บาท

            จะดีแค่ไหนถ้ารถคันหนึ่งขับขี่ง่ายและสะดวกสบาย ขับไปมาในเมืองได้คล่องตัว รูปลักษณ์ดีไซน์สวยเด่นไม่เหมือนใคร ขณะเดียวกันเมื่อวัยหยุดทริปยาวมาถึงแล้วทะเลหรือภูเขากำลังเรียกหา เราสามารถขับรถคันเดียวกันนี้ไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องกังวลว่าเส้นทางจะเป็นอย่างไร จะต้องปีนป่าย ลุยน้ำ ลุยโคลน เจอกับทางลื่น ทางลาดชัน ทางคดเคี้ยว แล้วยังเอาอยู่ All-New Subaru XV คือรถในอุดมคติที่ว่า หลายคนอาจจะคิดว่ารถครอสโอเวอร์สำหรับใช้ในเมืองจะทำแบบนี้ได้หรือ วันนี้เรามาพิสูจน์กัน

            หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อช่วงปลายปีที่แล้วในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018 ซูบารุประเทศไทยได้จัดกิจกรรมทดสอบขับ All-New Subaru XV ในงาน Subaru Mega Test Drive ให้สื่อมวลชนและลูกค้าได้สัมผัสกับประสิทธิภาพสูงสุดของครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ

ที่สุดของนวัตกรรม

            All New Subaru XV พัฒนาขึ้นภายใต้ Subaru Global Platform ที่ผู้ผลิตบอกว่ามีความแข็งแกร่งกว่ารุ่นก่อน 70% ช่วยลดการสั่นสะเทือน ลดเสียงรบกวน มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่ารุ่นก่อน 5 มม. ลดการแกว่งของตัวรถ 50% และลดการบิดตัวของตัวถังมากกว่าแพล็ตฟอร์มเก่า นอกจากนี้ยังปรับปรุงเหล็กกันโคลงด้านหลังใหม่ทำให้สามารถลดการโคลงของตัวรถได้ถึง 50% เมื่อเทียบกับรถ XV รุ่นก่อนหน้า

            ขุมพลังของ All New Subaru XV เป็นเครื่องยนต์เบนซินบ็อกเซอร์สูบนอนขนาด 2.0 ลิตรที่มีการปรับลดน้ำหนักลง 12 กก. พร้อมระบบหัวฉีดน้ำมันเป็นแบบฉีดตรง ให้พละกำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติ Lineartronic ที่ออกแบบให้น้ำหนักเบาลง 7.8 กิโลกรัม พร้อมโหมดเกียร์ธรรมดา 7 สปีด การปรับปรุงใหม่ทั้งหมดนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้ง่ายยิ่งขึ้นและยังช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น

            จุดเด่นสำคัญคือระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตร พร้อมด้วย X-MODE สำหรับช่วยขับขี่บนภูมิประเทศที่ท้าทาย ระบบจะช่วยควบคุมเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อนล้อ เบรก และหน้าที่อื่นๆ รวมถึงตั้งค่า Hill Descent Control ช่วยควมคุมความเร็วขณะกำลังลงทางลาดชัน

ผสานความสปอร์ตและอเนกประสงค์

            All New Subaru XV เป็นครอสโอเวอร์ที่มีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมและโดดเด่น เห็นได้ชัดจากรูปลักษณ์ภายนอกที่มีกลิ่นอายแบบเอสยูวีแท้ๆ ขนาดของตัวรถดูเผินๆ แทบไม่ต่างจากรุ่นก่อนแต่ก็มีความทันสมัยและสปอร์ตมากขึ้น กระจังหน้าเป็นแบบตะแกรง 6 เหลี่ยม ไฟหน้าดีไซน์สปอร์ตพร้อมไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์แบบ LED รูปตัว C โดดเด่นมาแต่ไกล ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว และเสริมภาพความเป็นรถสายลุยด้วยคิ้วล้อสีดำและแร็คหลังคา

            ภายในได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความสปอร์ตผสานกับความทันสมัยและความสะดวกสบาย ห้องโดยสารกว้างขวางทั้งตอนหน้าและตอนหลัง เบาะนั่งเป็นสีดำตัดด้วยด้ายสีส้ม แผงคอนโซลออกแบบให้ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวกว่ารุ่นก่อนหน้า โดดเด่นด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พวงมาลัยมังติฟังก์ชันดีไซน์สปอ์ต 3 ก้าน หน้าจอแสดงข้อมูลบริเวณกึ่งกลางด้านบนของคอนโซลหน้า จอนี้จะแสดงผลสถานะการขับเคลื่อน องศาของตัวรถ อุณหภูมิภายนอกรถ และข้อมูลการขับขี่ต่างๆ มันให้อารมณ์เหมือนเป็นรถเอสยูวีเลยก็ว่าได้

            ห้องเก็บสัมภาระมีความจุ 1,240 ลิตร เบาะหลังพับแยกได้แบบ 60/40 ทำให้สามารถใส่ของได้หลากหลายรูปแบบ ง่ายต่อการใช้งานมากขึ้น และยังสามารถลากจูงได้สูงสุด 1,400 กก.

สมรรถนะและการควบคุม

            สำหรับกิจกรรมทดสอบแบ่งเป็น 2 สถานีคือทดสอบสมรรถนะการควบคุม และทดสอบความสามารถในการขับขี่แบบออฟโร๊ด ขับขี่คนละ 2 รอบ รถยนต์ที่ใช้ทดสอบมีทั้งรุ่น 2.0i และ 2.0i-P ทั้ง 2 รุ่นต่างกันเพียงออปชันตกแต่งบางอย่าง ระบบขับขี่ทุกอย่างเหมือนกัน          

            เราเริ่มต้นด้วยสถานีทดสอบสมรรถนะการควบคุมก่อนด้วย XV รุ่น 2.0i-P ก่อนจะขับมีการโชว์เรียกน้ำย่อยจากทีมงานเล็กน้อย เส้นทางมีทั้งซิกแซกซ้ายขวา โค้งตัว U และทางตรง มีการฉีดน้ำให้ถนนลื่นด้วย สัมผัสแรกเมื่อนั่งขับคือรถมีความสูงกำลังดี สูงกว่ารถเก๋งทั่วไปแต่ไม่เท่าเอสยูวีหรือกระบะยกสูง ทัศนะวิสัยรอบคันมองเห็นชัดเจน ปรับตำแหน่งเบาะนั่งได้ง่าย เมื่อปรับอะไรเสร็จสรรพก็ค่อยๆ ออกรถช้าๆ ในรอบแรกเป็นการขับเพื่อสำรวจเส้นทางก่อน ออกจากจุดสตาร์ทมาเจอโค้งขวา 90 องศา แล้วต่อด้วยโค้งซิกแซก จบที่โค้งขวา 90 องศาอีกหนึ่ง ฟีลลิ่งของการขับขี่ทั่วไปถือว่ายอดเยี่ยม ควบคุมง่าย อาการโยนแทบไม่มี

            ต่อมาเป็นทางตรงสั้นๆ รับด้วยโค้งซิกแซกที่มีน้ำขัง เราเร่งความเร็วขึ้นเล็กน้อยขับขี่แล้วปักหัวเข้าโค้งอย่างมั่นใจ พวงมาลัยตอบสนองได้เฉียบคม แม่นยำ และรวดเร็วดีมาก การปรับทดอัตราใหม่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการหักหลบแบบกะทันหัน แม้ว่าพื้นจะเปียกน้ำแต่รถก็ยังทรงตัวได้ดีเหมือนพื้นแห้ง

            หลุดจากโค้งซิกแซกเปียกน้ำมาก็เป็นโค้งตัว U ขวา เราค่อยๆ ยกคันเร่ง แตะเบรกเล็กน้อยก่อนหักพวงมาลัยเข้าโค้งให้เนียนที่สุด สัมผัสได้ถึงการยึดเกาะที่น่าประทับใจ รถควบคุมได้อยู่หมัดไม่มีอาการหน้าดื้อ ออกโค้งมาก็เจอกับโค้งตัว U ซ้าย อาการรถระหว่างโค้งซ้ายและขวาแทบไม่ต่างกันคือรถเกาะโค้งเหนียวหนึบ หน้าไม่ดื้อ ควบคุมง่าย

            ผ่านโค้งตัว U ทั้ง 2 โค้งมาก็จะเจอกับโค้งหักศอกขวาอีก 2 โค้งก่อนจะเป็นทางตรงยาวให้วัดอัตราเร่งและระยะเบรก เรากดคันเร่งจนมิดจากจุดหยุดนิ่ง เครื่อง 2.0 ลิตรสูบนอนดึงให้หลังติดเบาะจนถึงความเร็วประมาณ 60 กม./ชม. ก็ถึงจุดเบรก แล้วจึงเหยียบเบรกจนสุดให้รถหยุดนิ่ง อัตราเร่งทำได้น่าพอใจ อาจไม่ได้เร็วปรู๊ดปร๊าดแต่ถือว่ากำลังดีไม่อืดเกินไป ระยะเบรกจากความเร็ว 60-0 กม./ชม. คร่าวๆ ประมาณ 3 เมตร ระบบช่วยเบรกต่างๆ ทั้ง ABS EBD และ EBA ช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่ ป้องกันล้อล็อกตายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

            รอบที่ 2 เจ้าหน้าที่ให้ลองเพิ่มความเร็วขึ้นจากรอบแรก เราสัมผัสได้ว่ารถยังเกาะโค้งได้ดีอยู่ พวงมาลัย ช่วงล่าง ตอบสนองต่อการควบคุมได้ดี อาการโยนมีมากขึ้นตามความเร็ว โดยรวมแล้วประทับใจมาก รถที่สูงจากพื้น 220 มม. ทำได้ขนาดนี้ถือว่าดีงามเลยทีเดียว ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การควบคุมของรถเป็นไปตามใจสั่งก็คือระบบ Active Torque Vectoring ใช้เซ็นเซอร์ตรวจสอบตำแหน่งพวงลัยและแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลางหรือแรง G โดยระบบนี้สามารถสั่งเบรกไปยังล้อหน้าที่อยู่ในโค้ง และกระจายแรงบิดไปที่ล้อที่อยู่ด้านนอกโค้ง ทำให้การขับขี่ขณะเข้าโค้งควบคุมได้ง่ายขึ้น

            ลองมานั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลังบ้างพบว่านั่งสบายไม่รู้สึกอึดอัด พื้นที่ช่วงศีรษะและช่วงขากว้างขวาง ช่วงล่างมีความนุ่มนวลกำลังดีไม่แข็งกระด้าง แต่เรารู้สึกว่าด้านหลังจะโยนเยอะกว่าด้านหน้าตอนเข้าโค้งหนักๆ ถ้าเจอทางคดเคี้ยวไกลๆ แล้วสาดโค้งหมดแบบเต็มสตรีมอาจมีมึนๆ บ้างเล็กน้อย

การขับขี่แบบออฟโร๊ด

            เมื่อจบสถานีทดสอบสมรรถนะก็ได้เวลาโยกมาสถานีขับขี่แบบออฟโร๊ดกันบ้าง สถานีนี้ประกอบด้วยเส้นทางที่จำลองมาจากการทดสอบรถออฟโร๊ดจริงๆ แต่ทางซูบารุมั่นใจว่า XV ที่ไม่ใช่ออฟโร๊ดพันธุ์แท้ก็สามารถขับขี่ได้และเป็นการทดสอบประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตรและ X-MODE ว่ามันจะช่วยเราอย่างไร ขับ 2 รอบสนามเช่นเดียวกัน

            รอบแรกเป็นการนั่งไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ก่อนเพื่ออธิบายถึงการทำงานของ X-MODE ระบบนี้จะช่วยความคุมการขับขี่บนเส้นทางออฟโร๊ดโดยเฉพาะ ทำงานที่ความเร็วไม่เกิน 40 กม./ชม. ด่านแรกเป็นการจำลองพื้นผิวที่มี Traction ไม่เท่ากันระหว่างล้อซ้ายและล้อขวาหรือง่ายๆ คือตกหล่มโคลน เมื่อระบบพบว่าล้อทั้ง 2 ฝั่งหมุนไม่เท่ากันก็จะปรับกำลังขับที่ล้อโดยอัตโนมัติให้รถสามารถเคลื่อนผ่านไปได้ ซึ่งมันก็ขับผ่านมาง่ายๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

            ต่อมาเป็นการจำลองสถานการณ์ในกรณีที่ล้อทั้ง 4 ไม่ได้เกาะพื้นผิวพร้อมๆ กัน ด่านนี้ทั้งตื่นเต้นและน่าหวาดเสียวเพราะรู้สึกเหมือนรถกำลังลอยอยู่ ระบบ X-MODE ตรวจจับแล้วพบว่ามีล้อที่ไม่ได้ยึดเกาะกับพื้น มันจึงสั่งการให้ส่งกำลังเพิ่มไปที่ล้อที่เกาะพื้นอยู่ทำให้รถเคลื่อนผ่านไปได้

            ด่านสุดท้ายเป็นการขึ้นภูเขาจำลองที่มีความลาดชัน ค่อยๆ ขับขึ้นไปช้าๆ รถก็เคลื่อนที่ขึ้นไปอย่างนุ่มนวล พอถึงจังหวะลงให้เหยียบเบรกเล็กน้อยระบบ X-MODE จะรู้ทันทีจากองศาของตัวรถว่ากำลังลงเขาอยู่และจะเข้ามาช่วยควบคุมความเร็วร่วมกับระบบ Hill Descent Control ไม่ให้รถไหลลงเขาด้วยความเร็วสูงเกินไป ระบบนี้ถือว่ามีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่ไม่ชำนาญในการขับลงเขาลาดชัน

            ลองเปลี่ยนมาขับเองบ้างก็รู้สึกว่า XV ใหม่ขับขี่บนทางออฟโร๊ดได้ดีไม่แพ้เอสยูวีเลย มันทำอุปสรรคยากๆ ที่ไม่คิดว่าครอสโอเวอร์จะทำได้ให้เป็นเรื่องง่าย เรามองว่าคู่แข่งแบรนด์อื่นๆ ทำแบบนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ เหมาะอย่างยิ่งกับคนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวป่าเขาเพราะมันสามารถลุยไปได้จริงๆ ฝากไว้นิดนึงว่าการขับขี่แบบออฟโร๊ดไม่จำเป็นต้องรีบเร่งเพื่อทำเวลา แต่ควรใช้ความระมัดระวังให้มาก เน้นช้าแต่ชัวร์ไว้ก่อนดีกว่า

สไตล์แบบคนเมืองที่พร้อมลุยไปทุกที่

            เมื่อสมรรถนะการควบคุมและความสามารถในการขับขี่แบบออฟโร๊ดยอดเยี่ยมแล้ว ที่ไม่พูดไม่ได้ก็คือเรื่องความปลอดภัย แน่นอนว่านี่คือจุดเด่นของ Subaru Global Platform อยู่แล้วซึ่งมันสามารถดูดซับแรงกระแทกจากการชนได้มากกว่ารุ่นก่อนถึง 40% แต่ XV ใหม่ก็ยังมาพร้อมกับระบบความปลอดภัยขั้นสูงการันตีด้วยรางวัลความปลอดภัยเชิงรับสูงสุดจากประเทศญี่ปุ่น โดยมาพร้อมถุงลมนิรภัย 7 จุดทั้ง 2 รุ่นย่อย เข็มขัดนิรภัย 3 จุด ระบบป้องกันคันเร่งค้าง และระบบ Break Away Engine ที่ออกแบบให้เครื่องยนต์ตกลงด้านล่างเมือเกิดการชนด้านหน้า

                ต้องยอมรับเลยว่า All New Subaru XV เป็นครอสโอเวอร์ที่แตกต่างจากคู่แข่งอื่นๆ ในท้องตลาด แต่เป็นความแตกต่างที่พิเศษและน่าลิ้มลอง มันผสมผสานดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวและความอเนกประสงค์แบบรถเมืองเข้ากับความสมบุกสมบันและความสามารถในการขับขี่แบบออฟโร๊ดที่มี X-MODE เป็นตัวชูโรงได้อย่างกลมกล่อม อีกทั้งยังมาพร้อมกับสมรรถนะการควบคุมที่ยอดเยี่ยม และระบบความปลอดภัยในระดับสูงที่ไว้ใจได้ ทุกอย่างเป็นเหตุผลที่ทำให้รถคันนี้น่าใช้เป็นอย่างมาก ถ้าหากใครเป็นนักเดินทาง รักการขับขี่ท่องเที่ยวทางไกล รักการผจญภัยพร้อมลุยไปทุกที่ เราขอยืนยันว่า All New Subaru XV คือสิ่งที่จะมาเติมเต็มให้กับไลฟ์สไตล์และจิตวิญญาณของคุณทุกประการ

 

ขอขอบคุณ ซูบารุ ประเทศไทย สำหรับกิจกรรมทดสอบในครั้งนี้

Exit mobile version