Ferrari Roma เปิดตัวอย่างเป็นทางการแก่สื่อมวลชนทั่วโลกใจกลางกรุงโรม ดีไซน์สง่างามเหนือกาลเวลา ทั้งยังเปี่ยมด้วยพละกำลังและความคล่องตัว ให้ผู้ขับได้สัมผัสกับประสบการณ์การอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามแบบฉบับอิตาเลียนขนานแท้
Ferrari Roma โดดเด่นด้วยภาพลักษณ์ที่เรียบง่ายสะอาดตา สัดส่วนที่ลงตัวและความสง่างามถูกผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน มันคือรถแกรนด์ทัวริ่งเครื่องยนต์วางกลางด้านหน้าที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจาก 250 GT Berlinetta Lusso และ 250 GT แบบ 2+2 ที่นั่ง
การออกแบบตัวถังภายนอกเป็นฝีมือของ Ferrari Styling Centre ที่เน้นดีไซน์อันเรียบหรู และแน่นอนว่ายังคงไว้ซึ่งองค์ประกอบของส่วนเว้าส่วนโค้งและความสง่างามที่ผสานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว รูปโฉมของตัวรถเริ่มจากเส้นสายที่โฉบเฉี่ยวลากยาวจากฝากระโปรงหน้า ต่อเนื่องไปยังช่วยไหล่ของรถเพื่อเน้นแสงเงา ไปสู่ช่วงห้องโดยสารที่มีขนาดกะทัดรัดและลาดเอียงไปจรดท้ายรถ มีการลดรายละเอียดบางส่วนออกไปเพื่อเน้นย้ำสไตล์แบบมินิมอลให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
กระจังหน้าแบบใหม่ที่มีช่องรับลมสำหรับระบายความร้อนหม้อน้ำ ชุดไฟหน้า Full-LED adaptive headlights ถูกแบ่งครึ่งด้วยแถบไฟแนวนอนที่มีโครงสร้างฝังลึกลงไปในตัวถัง กระจกหลังที่โอบล้อมห้องโดยสารส่วนท้ายของรถ เก็บซ่อนสปอยเลอร์แบบแอคทีฟเข้าไว้ได้อย่างแนบเนียน ขณะที่ชุดไฟท้ายคู่ก็ถูกออกแบบให้ดูราวกับอัญมณีที่เปล่งประกาย ในส่วนของสปอยเลอร์ที่ติดตั้งซ่อนอยู่ในกระจกหลังนั้นสามารถยกตัวขึ้นได้อัตโนมัติที่ความเร็วสูง
โครงสร้างตัวถังของ Ferrari Roma ใช้เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษเพื่อใช้ในสปอร์ตคาร์เจเนอเรชั่นใหม่ ชิ้นส่วนต่างๆ กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นแบบใหม่ทั้งหมด ดังนั้นทั้งตัวถังและแชสซีส์จึงได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับการลดน้ำหนัก นั่นทำให้ Ferrari Roma เป็นรถที่มีอัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้า 2.37 กก./แรงม้า ดีที่สุดในคลาส มิติตัวรถยาว 4656 มม. กว้าง 1974 มม. สูง 1301 มม. ความยาวฐานล้อ 2670 มม. น้ำหนักรถเปล่า 1472 กก. ความจุห้องเก็บสัมภาระ 272 ลิตร ถังน้ำมันจุ 80 ลิตร ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว ยางหน้า 245/35 ZR20 ยางหลัง 285/35 ZR20
Ferrari Roma ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบ ผลิตกำลังได้ถึง 620 แรงม้า ที่ 5,750 – 7,500 รอบ/นาที แรงบิด 750 นิวตันเมตร ที่ 3,000 – 5,750 รอบ/นาที ส่งให้มันเป็นรถที่มีพลังมากที่สุดเมื่อเทียบกับรถในคลาสเดียวกัน เครื่องยนต์ตัวนี้ยังมีระบบควบคุมแรงบูสต์แบบแปรผัน (Variable Boost Management) ช่วยให้คันเร่งตอบสนองได้ฉับไวในทุกจังหวะความเร็ว นอกจากนั้น ระบบไอเสียยังได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ด้วยการเปลี่ยนจากหม้อพักไอเสียมาเป็นการใช้บายพาสวาล์วแบบใหม่แทน
ชุดเกียร์ใหม่แบบคลัทช์คู่ 8 สปีด มีขนาดกะทัดรัดยิ่งขึ้น ทั้งยังเบากว่าเกียร์ 7 สปีดรุ่นที่แล้วถึง 6 กิโลกรัม และไม่เพียงแค่ช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงรวมถึงการปล่อยมลพิษเท่านั้น แต่ชุดเกียร์รุ่นใหม่นี้ยังเปลี่ยนจังหวะได้รวดเร็วและนุ่มนวลกว่าเดิม อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 3.4 วินาที 0-200 ใน 9.3 วินาที ความเร็วสูงสุดมากกว่า 320 กม./ชม.
ระบบควบคุมประสิทธิภาพการทรงตัวอันล้ำสมัยอย่างระบบควบคุมการลื่นไถลด้านข้างเวอร์ชั่น 6.0 (Side Slip Control 6.0) ถูกติดตั้งมาใน Ferrari Roma ซึ่งถือเป็นสปอร์ตคาร์จีทีคันแรกของเฟอร์รารี่ที่ใช้ระบบนี้ ด้วยสวิตช์มาเนตติโน 5 ตำแหน่ง และระบบเพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัว (Ferrari Dynamic Enhancer) ซึ่งจะควบคุมองศาการเอียงของตัวรถด้วยการปรับแรงดันน้ำมันเบรกที่คาลิเปอร์โดยตรง
ห้องโดยสารของ Ferrari Roma มีรูปแบบที่แบ่งแยกฝั่งผู้ขับและผู้โดยสารออกจากกันเป็นสองส่วนอย่างชัดเจน แนวคิดห้องโดยสารแบบคู่นี้ไม่ใช่เพียงแค่แดชบอร์ดเท่านั้นที่โอบล้อมห้องโดยสาร แต่เป็นทุกองค์ประกอบที่เชื่อมโยงต่อเนื่องกันอย่างกลมกลืน พวงมาลัยดีไซน์ออกแบบให้ควบคุมฟังก์ชันหลักๆ ได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัสโดยผู้ขับไม่จำเป็นต้อปล่อยมือ จอแสดงผลแบบดิจิตอลขนาด 16 นิ้ว สามารถให้ข้อมูลที่จำเป็นได้อย่างครบถ้วน ในขณะที่จอแสดงผลส่วนกลางขนาด 8.4 นิ้ว แนวตั้ง รวมทั้งจอฝั่งผู้โดยสาร ต่างก็ใช้งานได้อย่างสะดวกและทำความเขาใจได้ง่าย กุญแจแบบใหม่ของเฟอร์รารี่มาพร้อมกับฟังก์ชัน “Comfort Access” ช่วยให้ผู้ขับสามารถเปิดรถได้ด้วยการสัมผัสปุ่มซึ่งติดตั้งอยู่ถัดจากมือเปิดประตูแบบใหม่ที่แนบสนิทไปกับตัวรถ
Ferrari Roma ยังมีชุดไฟหน้าแบบ Matrix LED และระบบช่วยเหลือขณะขับขี่ (ADAS – Advanced Driver Assistance System) ซึ่งประกอบด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบอะแดพทีฟที่จะมอบประสบการณ์ที่แสนสะดวกสบายให้กับการขับขี่ทางไกลได้อย่างเต็มพิกัด
Gallery
