Electric Car Awards 2021 : Best hybrid family car

Audi A3 Sportback 40 TFSIe Sport

ราคา 33,550 ปอนด์ (ราว 1,677,500 บาท) ราคาเป้าหมาย 32,237 ปอนด์ (ราว 1,611,850 บาท) ราคาเป้าหมาย PCP 350 ปอนด์ (ราว 17,500 บาท) 0-100 กม./ชม. 7.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 226.8 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลือง 120.1 กม./ลิตร CO2 25 กรัม/กม.


        หากคุณต้องการให้รถยนต์คันต่อไปของครอบครัวมีแบตเตอรี่อยู่ด้านหลังแต่หากคุณยังไม่พร้อมที่จะใช้ไฟฟ้าอย่างเต็มที่ รถยนต์รุ่นใดที่คุณควรเลือก นั่นคือ Audi A3 Sportback

        อันที่จริง ปลั๊ก-อิน ไฮบริด A3 รุ่นเริ่มต้น 40 TFSIe Sport ซึ่งจะเหมาะกับผู้ปกครองและผู้ขับขี่รถยนต์ของบริษัท นั่นเพราะมันมีราคาเริ่มต้นที่ 1,677,500 บาท ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวเลือกปลั๊กอินที่มีราคาไม่แพงมากและขอบล้อแบบสปอร์ตมีขนาดล้ออัลลอยด์ที่เล็กกว่า (17 นิ้ว) กว่ารุ่นพี่ ๆ โดยเพิ่มระยะวิ่งด้วยไฟฟ้าเป็น 64.36 กิโลเมตร จึงพอดีกับช่วงเกณ์ต่ำ (7%) ของภาษี BIK 

ภายในของ A3 ดูฉลาดและสวยงามมากเมื่อรวมกัน

        A3 มีการยึดเกาะและความคล่องตัวมากกว่าคู่แข่งอย่าง Mercedes-Benz A250e จึงช่วยเพิ่มความมั่นใจของคุณในระหว่างการเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว ซึ่งสามารถนำพา A3 ไปตามถนนชนบทที่คดเคี้ยวเหมือนกับการหลบหลีกเข้าไปในช่องชาร์จในที่จอดรถของห้างสรรพสินค้า

        อีกหนึ่งข้อดีของ A3 คือการขับขี่ที่นุ่มนวลกว่า A250e มาก เพราะมันมีแป้นเบรกที่สม่ำเสมอมากกว่า ทำให้การหยุดรถทำได้ง่ายขึ้น อีกทั้งเครื่องยนต์ก็มีเสียงน่าฟังกว่า

        ประสิทธิภาพอาจจะไม่ได้ดีที่สุดในรถระดับเดียวกันแต่ความเร็ว 0-100 กม./ชม. ที่ 7.2 วินาทีนั้นเร็วเพียงพอและเร็วกว่ารถครอบครัวส่วนใหญ่อย่างแน่นอน นอกจากนี้ A3 ยังเอาชนะคู่แข่งทั้งหมดด้วยความเพียบพร้อมเมื่อวิ่งด้วยความเร็วต่ำ เนื่องจากสามารถวิ่งในโหมดที่เกือบเงียบด้วยไฟฟ้าเท่านั้น เสียงลมจะเบาลงเมื่อขับด้วยความเร็วสูง อีกทั้งล้อที่เล็กกว่าก็ช่วยลดเสียงลมบนทางหลวงได้

‘The Sport อยู่ในช่วงภาษีรถยนต์ของบริษัทที่ต่ำกว่ารุ่นพี่น้อง’

        วัสดุภายในเป็นอีกก้าวที่นำหน้ารถ Volkswagen Golf GTE ที่ให้ความรู้สึกถึงราคาที่ถูกกว่า (แต่จริง ๆ แล้วแพงกว่า) และ A3 ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งกว่ารุ่น Glitzier A250e มีเทคโนโลยีมากมายเช่นกัน ระบบสาระบันเทิงมีหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่10.1 นิ้ว (พร้อมการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเต็มรูปแบบ) และแผงหน้าปัดดิจิตอลที่กำหนดค่าได้มีความน่าใช้งานมีเป็นคุณสมบัติมาตรฐานคุณจะไม่ได้ยินเสียงบ่นจากผู้โดยสารด้านพื้นที่ ไม่ว่าจะทั้งด้านหน้าหรือด้านหลัง ในขณะเดียวกันแม้ว่าแบตเตอรี่จะกินที่พื้นที่สำหรับบรรจุกระเป๋าเดินทางแต่ท้ายรถก็ยังสามารถบรรจุกระเป๋าเดินทางแบบ carry-on ได้ห้าใบเหมือนกับ A3 ปกติ


Hyundai Ioniq 1.6 GDi Plug-in Hybrid

ระยะเวลาผลิต 2017 – ปัจจุบัน ราคาเริ่มต้นที่ 12,000 ปอนด์ (ราว 600,000 บาท) 0-100 กม./ชม. 10.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 176.99 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลือง 109.18 กม./ลิตร CO2 26 กรัม/กม.

        Ioniq เป็นผู้บุกเบิกสำหรับผู้เริ่มต้นซึ่งเป็นรถคันแรกที่เปิดตัวด้วยรูปแบบของการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ต่างกัน 3 รูปแบบ คือ ไฮบริดธรรมดา ปลั๊กอินไฮบริดและพลังงานไฟฟ้าบริสุทธิ์

        เป็นเวอร์ชันปลั๊กอินไฮบริดที่เรามุ่งเน้นและดีมากเช่นกัน รถยนต์รุ่นก่อนสามารถเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 48.2 กิโลเมตร และเพิ่มขึ้นเป็น 62.7 กิโลเมตร ซึ่งมากเกินพอที่จะครอบคลุมการเดินทางของคนส่วนใหญ่โดยอาจมีค่าเชื้อเพลิงที่ต่ำมาก ซึ่งตัวเลขการประหยัดเชื้อเพลิงเฉลี่ยอย่างเป็นทางการเป็นที่น่าประทับใจถึง 109.18 กม./ลิตร

        รถยนต์รุ่นนี้ถูกประกอบมาอย่างดีพร้อมอุปกรณ์ครบครันและใช้งานได้จริง ภายในกว้างขวาง สะดวกสบายและเต็มไปด้วยพลาสติกสัมผัสนุ่ม ซึ่งความรู้สึกโดยรวมถือว่ามีคุณภาพสูง

        ในขณะเคลื่อนที่ Ioniq ทำงานได้อย่างเหมาะสมและมีการขับขี่บนท้องถนนที่ดีเช่นกัน ซึ่งที่จริงแล้วมันมีการขับขี่ที่ดีกว่าคู่แข่งหลักในตลาดมือสองอย่าง Toyota Prius เนื่องจากมีกระบบเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ที่ทำงานได้ไหลลื่นกว่า CVT ที่ดื้อรั้นของPrius

        มันยังมีราคาที่สบายกระเป๋ามากกว่า Prius อีกด้วยและยังคุ้มค่ากว่าคู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดในแง่ของความสามารถรอบด้าน เช่น Audi A3 e-tron ซึ่งตัวอย่างของ Ioniq PHEV ในตลาดมือสองเริ่มต้นเพียง 600,000 บาท สำหรับรถยนต์ ปี 2017 

        ยิ่งไปกว่านั้น Ioniq ยังได้รับประโยชน์จากการรับประกันห้าปีที่น่าประทับใจและเปลี่ยนมือได้ของฮุนได ดังนั้นรถยนต์ในช่วงอายุนี้จะยังคงให้ความคุ้มครองคุณอีกสองสามปี

        หากคุณกำลังตามหารถแฮทช์แบคสำหรับครอบครัวที่มีความสามารถและราคาไม่แพงพร้อมระบบ plug-in Ioniq ก็คงจะตอบโจทย์


Best hybrid estate Next

Exit mobile version