Comparisons : Tesla Model 3 vs Tesla Model S

Like father, like son

Tesla Model S รุ่นก่อนถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างให้ลูกหลานรุ่นเล็ก แต่รถยนต์อายุ 18 เดือนคันนี้จะเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าให้แก่ผู้บริโภคมากกว่า Model 3 ตัวใหม่หรือไม่


NEW Tesla Model 3 Performance

ราคา 56,490 ปอนด์ (ราว 2,824,500 บาท)
ราคาที่น่าลงทุน 56,490 ปอนด์ (ราว 2,824,500 บาท)

Tesla รุ่นใหม่สุดที่กำลังเป็นกระแสหลักในหมู่รถยนต์ไฟฟ้านี้ถือเป็นรถความเร็วสูงจนน่าเหลือเชื่อและคุณสามารถเป็นเจ้าของได้


USED Tesla Model S 7SD

ราคามือสอง 56,490 ปอนด์ (ราว 2,824,500 บาท)

รถยนต์ Model S รุ่นเริ่มต้นอายุ 18 เดือนมีราคาเท่ากัน สมรรถนะดีและวิ่งได้ไกลเหมือนกัน มีเทคโนโลยีอัจฉริยะ ต่างที่ขนาดใหญ่กว่า


       เมื่อคิดถึงรถยนต์ไฟฟ้า (EV) Tesla มักจะเป็นแบรนด์ต้น ๆ ที่ผุดเข้ามาในหัว รถยนต์สัญชาติอเมริกันที่พัฒนารถยนต์ไฟฟ้ามาเป็นสิบปีและปัจจุบันได้ผลิตรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนออกมาแล้ว 3 แบบ (กำลังจะมีแบบ 4) เพื่อตอบโจทย์ของผู้บริโภคที่ต่างกัน

       แต่งบ 55,000 ปอนด์ (ราว 2,750,000 บาท) จะเลือกรุ่นอะไรดี Model 3 เอ็กคลูซีฟซาลูนเป็นรุ่นเดียวของ Tesla ที่คุณสามารถซื้อได้ในราคานี้และคุณจะได้รับรถยนต์สมรรถนะสูงที่สามารถวิ่งได้ไกลในอันดับต้น ๆ ไม่เพียงแค่ว่องไวกว่า Model 3 รุ่นที่ถูกกว่า แต่มันยังขับขี่สนุกกว่าอีกด้วย

       หรืออีกทางเลือกหนึ่งคุณยังจ่ายเงินจำนวนเดียวกันกับรุ่น Model S อายุ 18 เดือน รถยนต์รุ่นหรูที่มีขนาดใหญ่กว่า Model 3 และมีท้ายรถอเนกประสงค์คล้ายฮอทแฮทช์ งบประมาณนี้คุณจะสามารถเป็นเจ้าของ 75D ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้นของก่อนที่ Tesla จะปรับปรุง แม้ว่าจะไม่มีการผลิตออกมาแล้ว 75D ก็เป็นรุ่นที่เราเลือกเมื่อตอนที่เปิดตัวออกมาใหม่


การขับขี่

สมรรถนะ, การขบขี่, เสถียรภาพ, รายละเอียด

       ความเร้นลับหนึ่งของ Tesla คือมีต้นกำเนิดเป็นซูเปอร์คาร์ที่มีความสามารถ จริง ๆ แล้ว 75D ยังมีความเป็นสปอร์ตคาร์โดยมีแรงมากพอที่จะส่งพลังให้รถพุ่งทะยานไปตามถนนถึง 100 กม./ชม. ใน 4.3 วินาที 75D มีมอเตอร์สองตัวด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหน้าและล้อหลังที่สามารถผสานพลัง 362 แรงม้า

TESLA MODEL 3

หากทั้งสองวิ่งด้วยความเร็ว 112.63 กม./ชม. จะมีเสียงล้อบดถนนแต่เมื่อใช้ไฟฟ้าจะเงียบกว่า

       หรือสุดท้ายก็รู้สึกอย่างนั้นจนกระทั่งคุณได้รับประสบการณ์การเร่งความเร็วสุดโหดกว่าบน Model 3 ซึ่งมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถส่งพลังถึง 444 แรงม้า โดยเป็นรถยนต์ที่มีขนาดเล็กและเบากว่า เราสามารถพุ่งจาก 0-100 กม./ชม.ได้ใน 3.7 วินาทีเท่านั้นบนลานวิ่งที่เปียกโชก หากเป็นวันที่อบอุ่น เราคาดว่ามันน่าจะไวกว่านั้น

       หากคุณดูที่ระยะเบรกหน้า 77 และสงสัยว่า Model 3 ที่เบากว่าจะมีการใช้ระยะถนนมากกว่าในการเบรกฉุกเฉินหรือไม่ สภาพอากาศที่แห้งหรือเปียกเป็นปัจจัยสู่คำตอบ ความจริงคือถ้ารถยนต์ทั้งสองถูกทดสอบในสภาวะที่แห้ง Model S จะสามารถซิ่งได้ไกลกว่า

. . ระบบสาระบันเทิง . .

แม้ว่าหน้าจอระบบสัมผัสจะมีขนาด 15.0 นิ้ว และเป็นแนวนอน ใน Model S มีหน้าจอ 17.0 นิ้วแบบแนวตั้ง ระบบสาระบันเทิงมีค่าต่าง ๆ เหมือนกัน เมนูหน้าตาเรียบง่าย หน้าจอมีความละเอียดดีเยี่ยม และตอบสนองไวต่อการสั่งการต่าง ๆ แต่ไอคอนของทั้งสองระบบมีขนาดเล็กที่การใช้งานชวนให้งุนงง ซึ่งระบบปุ่มหมุนของ BMW ใช้งานง่ายมากกว่า

       แต่ยังมีข้อสังเกตน่าสนใจอื่นอีกมากกว่าการวิ่งในแนวเส้นตรง ระบบช่วงล่างแบบสปอร์ตของ Model 3 Performance ช่วยให้รถยนต์เกาะถนนได้ดีขณะเลี้ยวเข้ามุมโดยตัวรถแทบจะไม่เอียงเลย เสริมด้วยยาง Michelin รุ่นยึดเกาะถนนแน่นเป็นพิเศษ จึงทำให้รู้สึกราวกับว่าถนนคดเคี้ยวที่เราเพิ่งขับผ่านมานั้นไม่มีอยู่จริง

       แน่นอนว่ามันอาจจะไม่มีความสมดุลหรือละมุนละไมเท่ารถยนต์ซาลูนแบบสปอร์ต (นึกถึง Alfa Romeo Giulia Quadrifoglio) หรืออาจจะไม่มีความรู้สึกถึงการขับขี่ที่ดีผ่านนิ้วมือที่ครอบครองพวงมาลัยแน่นอนว่าไม่มีใครสงสัยประสิทธิภาพของ Model 3 ของการเดินทางจาก A ไป B อย่างรวดเร็ว

TESLA MODEL S

Model S ทำงานเงียบและเสียงรบกวนจากถนนน้อยกว่าเมื่อใช้ความเร็วต่ำ

       แล้ว Model S เป็นอย่างไร มันค่อนข้างมีน้ำหนักมาก (ประมาณ 250 กก. มากกว่า Model 3) นั่นหมายความว่ามันอาจจะไม่กระฉับกระเฉงในการเปลี่ยนทิศทางและอาจจะถูกรถยนต์ที่มีขนาดเล็กกว่าทิ้งห่างเมื่อเลี้ยว มันค่อนข้างสวยงามเมื่อเทียบกับรถยนต์ซาลูนหรูแบรนด์อื่น พวงมาลัยมีความเบาและเที่ยงตรงเช่นเดียวกับ Model 3 เมื่อพูดถึงความสบายในการขับขี่ Model S ก็มาพร้อมข้อดีเช่นกันด้วยระบบช่วงล่างแบบถุงลมที่เป็นมาตรฐาน มันสามารถรับมือกับถนนในเมืองได้ดีกว่าพี่น้องรุ่นเล็ก ขอเตือนคุณว่า รถยนต์ทั้งสองรุ่นทำงานได้ดีในการมอบความสบายให้คุณระหว่างการเดินทางบนมอเตอร์เวย์ แม้ว่าคุณอาจจะได้ยินเสียงคำรามจากล้อรถที่ความเร็ว 112.63 กม./ชม.บ้าง

. . ระบบสาระบันเทิง . .

หาก Model S ของคุณผลิตเดือนมีนาคม 2018 คุณจะได้ไมโครชิพอีกแบบหนึ่งที่ทำงานและเรนเดอร์ภาพไวกว่ารุ่นล่าสุด ทั้งสองรุ่นไม่มีระบบ Smartphone mirroring แต่ก็มีฟีเจอร์อื่นที่คุณต้องการ ทั้งสองรุ่นได้ประโยชน์จาการอัพเดททางไกลจากบริษัทที่ไม่เพียงแต่จะอัพเดทระบบสาระบันเทิงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแบตเตอรี่, มอเตอร์และระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัย

       แน่นอนว่าระยะทางที่คุณวิ่งได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งจะมีผลต่อการตัดสินใจเลือกรถยนต์ EV ซึ่งทั้งสองมีแบตเตอรี่ที่เหมือนกันแต่ก็ไม่เท่า Model 3 ที่มีน้ำหนักเบากว่าจะประหยัดพลังงานมากกว่า ในการทดสอบระยะทางของเรา Model 3 อยู่ในอันดับรถยนต์ไฟฟ้าที่วิ่งระยะทางไกลที่สุดที่เราเคยเห็น 384.55 กิโลเมตร Model S วิ่งได้ 328.23 กิโลเมตร ในอากาศอบอุ่น คุณสามารถไปได้ไกลกว่านั้นหากคุณขับรถยนต์ทั้งสองคันอย่างนุ่มนวล


หลังพวงมาลัย

ตำแหน่งคนขับ, การมองเห็น, คุณภาพการผลิต

       ดีไซน์และการออกแบบภายในของ Model S อาจจะมีอายุถึง 8 ปี แต่ก็ยังมีความเป็นมินิมอลผสานกับ sci-fi มีสองจอ หนึ่งจออยู่หลังพวงมาลัยที่จะแสดงผลและค่าต่าง ๆ ในขณะที่อีกหน้าจอหนึ่งที่มีขนาดใหญ่กว่าอยู่ตรงกลางเป็นศูนย์ควบคุมระบบสาระบันเทิง (ดูที่แผงควบคุม)

TESLA MODEL 3

       Model 3 ควบคุมทุกอย่างด้วยระบบสัมผัส ผลคือ รูปลักษณ์ดูโฉบเฉี่ยวแต่ไม่สอดคล้องกับการใช้งาน เช่น คุณจะต้องชำเลืองทางซ้ายและมองไปที่มุมขวาของหน้าจอเพื่อที่จะเห็นตัวเลขแสดงความเร็ว

       คุณจะไม่ต้องปวดหัวกับความซับซ้อนบน Model S ที่มาพร้อมกับปุ่มแบบดั้งเดิมและแกนให้ดึงในการปรับต่าง ๆ รถยนต์ทั้งสองรุ่นมีตำแหน่งคนขับที่ดีเป็นพื้นฐาน แต่คุณอาจจะรู้สึกว่าคุณอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่ารถยนต์ซาลูนเบนซินหรือดีเซลทั่วไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีแต่หากทั้งสองรุ่นมีอุปกรณ์ซัพพอร์ตหลังเพิ่มจะดียิ่งขึ้น

TESLA MODEL S

       Tesla ทั้งสองมาพร้อมกับกล้องมองด้านหลังและเซนเซอร์ช่วยจอด นับว่าเหมาะสมกับ Model S เพราะทัศนวิสัยเหนือหัวไหล่ค่อนข้างจะแย่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า Model 3 จะไร้ที่ติ ขอบกระจกหน้าอยู่ในมุมที่บังสายตาคุณจากทางแยกพอดี

       Model 3 พิสูจน์แล้วว่า Tesla ได้ปรับปรุงคุณภาพตลอดปีที่ผ่านมานี้ ภายในตกแต่งแบบมินิมอลด้วยวัสดุคุณภาพดี ในขณะที่คุณภาพความประณีตหลังการผลิตไม่เข้าตากับผู้ที่ชื่นชอบ BMW ทุกส่วนดูบอบบาง เมื่อเปรียบเทียบกับ Model S ที่เก่ากว่าให้ความรู้สึกไม่แข็งแรงเท่าและรวมถึงมีเสียงของวัสดุภายในที่จะไม่หายไปเมื่อใช้งานเป็นระยะเวลานาน


พื้นที่และความอเนกประสงค์

พื้นที่ด้านหน้า, พื้นที่ด้านหลัง, ความยืดหยุ่นในการปรับเบาะ, ห้องเก็บสัมภาระ

       พื้นที่ภายในเหลือเพราะไม่ต้องเผื่อที่สำหรับเก็บเครื่องยนต์ ทั้งสองคันมีพื้นที่เหลือเฟือเมื่อเทียบกับรถยนต์เบนซินและดีเซลทั่วไป Model S มีขนาดโดยรวมมีความใหญ่และความยาวระหว่างด้านหน้า ด้านหลังมากกว่า เกือบจะใหญ่เต็มถนน แต่ความต่างนี้ไม่ได้ทำให้ภายในยอดเยี่ยมอย่างที่หลาย ๆ คนคาดเดา

TESLA MODEL 3

       พื้นที่ด้านหน้าของทั้งสองรุ่นคล้ายกัน Model S รองรับผู้โดยสารด้านหลังได้เป็นอย่างดี และผู้โดยสารที่สูงเกิน 180 ซม. นั่งอย่างสบายบน Model 3

       หนึ่งในข้อจำกัดด้านหลังคือพื้นที่เบาะหลังจะถูกยกสูงขึ้นมาเพื่อเก็บแบตเตอรี่ข้างใต้ นั่นหมายความว่าตำแหน่งของที่นั่งจะรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อขาและเข่าของคุณอยู่สูงกว่าตำแหน่งของ BMW 3 Series แต่คุณจะชินกับมัน

TESLA MODEL S

       รถยนต์ทั้งสองรุ่นมีพื้นที่เก็บสัมภาระ เราสามารถเก็บกระเป๋าเดินทาง Carry-on บน Model 3 และ 11 ใบบน Model S เพื่อการเปรียบเทียบ 3 Series สามารถจัดเก็บได้เพียง 7 ใบเท่านั้น เทคนิคหนึ่งของ Tesla คือ การมีพื้นที่เก็บสัมภาระสองตำแหน่ง ตำแหน่งใหญ่ตามที่คุณคาดหวัง และตำแหน่งเล็กใต้ฝากระโปรง ทั้งสองรุ่นสามารถพับเบาะลงเพื่อเพิ่มพื้นที่ได้


การซื้อและการเป็นเจ้าของ

ราคา, อุปกรณ์, ความน่าเชื่อถือ, ความปลอดภัย

       รุ่น Model S 7D ปี 2018 ที่มีเลขไมล์น้อยจะช่วยคุมงบของคุณให้ไม่เกิน 2,800,000 บาท น้อยกว่า Model 3 Performance คันใหม่ประมาณ 25,000 บาท อย่างไรก็ตามรุ่นล่าสุดจะสามารถคงมูลค่าได้มากกว่าช่วยลดภาวะขาดทุนในระยะยาว

       แน่นอนว่าคุณอาจจะเลือกเป็นเจ้าของ Model S ที่มีเลขไมล์มากกว่าเพื่อประหยัดเงิน แต่คุณจะไม่ได้รับการประกันการใช้งาน สำหรับรถใหม่ทั้งสองรุ่น คุณจะได้รับประกัน 4 ปีต่อ 160,900 กิโลเมตร และประกันที่ครอบคลุมแบตเตอรี่ยาวนานถึง 8 ปีโดยไม่จำกัดระยะทาง

       Tesla ไม่ค่อยทำแยกในแต่ละรุ่นและไม่ใส่ออปชั่นเสริมยาวเหยียด นอกจากการตกแต่งภายใน ภายนอก ผู้เข้าแข่งของเรามีอุปกรณ์ทุกอย่างแทบจะเหมือนกัน ระบบ Autopilot, cruise control ของ Tesla และแพ็คเกจผู้ช่วยพวงมาลัยสำหรับการเดินทางบนมอเตอร์เวย์ แต่จะเป็นตัวเลือกใส่เพิ่มสำหรับ Model S ในช่วงเวลานั้น และในส่วนของ Enhanced Autopilot ที่ช่วยให้รถยนต์จอดได้ด้วยตัวเอง, การเปลี่ยนเลนอัตโนมัติบนมอเตอร์เวย์และสั่งการด้วยสมาร์ตโฟนในช่วงความเร็วต่ำ เป็นการดีที่คุณจะมองหา Model S มือสองที่ติดตั้งพวกนี้

       หากต้องการฟังก์ชั่นที่กล่าวมาบน Model 3 คุณอาจจะต้องเพิ่มเงิน 290,000 บาท หรือ Full Self-Driving เมื่อกฎหมายอนุญาตความสามารถนี้จะสามารถสังเกตไฟจราจรและป้ายต่างๆ และปฏิบัติตามสัญญาณต่าง ๆ พาคุณเดินทางรอบเมืองได้โดยอัตโนมัติ สำหรับค่าธรรมเนียมต่าง ๆ คุณสามารถเพิ่มปฏิบัติการ Full Self-Driving Capability on the Model S ได้ด้วย

       ทั้งสองก็มีความสามารถในการชาร์จไฟกับระบบ Supercharger ของบริษัท ซึ่งมีมากกว่า 650 สถานีชาร์จ ใน 70 แห่งทั่วอังกฤษ ซึ่งคุณสามารถชาร์จไฟจาก 10-80% ได้ในเวลา 30 นาที หากคุณขับ Model 3 คุณจะมีค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟแต่ละครั้ง แต่เป็นราคาที่สมเหตุสมผล Model S รุ่นก่อนจะมาพร้อมการใช้ Supercharger ฟรีตลอดชีวิต

       คุณสามารถชาร์จ Model 3 กับจุดชาร์จ CCS ได้ ซึ่งเป็นข้อดีที่คุณจะมีความสะดวกในการชาร์จไฟมากขึ้น คุณสามารถหาซื้ออะแดปเตอร์ CCS สำหรับ Model S ได้เช่นกัน เฉพาะรุ่นที่ผลิตหลัง 1 พฤษภาคม 2562 เท่านั้น คุณสามารถชาร์จที่บ้านขนาด7kW ใช้เวลา 12 ชั่วโมง

       Model 3 เป็นรถยนต์ที่มอบความปลอดภัยแก่ผู้โดยสารอย่างน่าทึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ปลอดภัยที่สุดที่ได้รับการรับรองโดยผู้เชี่ยวชาญจาก Euro NCAP Model S ก็ได้รับการการันตีด้วยเช่นกัน


TESLA MODEL 3

หากคุณชอบความเฟิร์ม กระฉับกระเฉงและความแม่นยำในการควบคุม อยากให้ลอง Model 3

TESLA MODEL S

Model S ที่มีน้ำหนักตัวถังมากกว่าอาจจะต้องทำใจสภาพถนนที่คดเคี้ยวแต่ในเมืองขับฉลุย


‘Model 3 สามารถใช้งานร่วมกับจุดชาร์จไฟ CCS อำนวยความสะดวกในเติมพลังให้กับรถคุณ’


. . WHATCAR SAYS . .

Model S เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถวิ่งได้ในระยะทางไกลต่อการชาร์จหนึ่งครั้งและมีการออกแบบภายในที่อเนกประสงค์ รวมถึงลักษณะในการขับขี่น่าพึงพอใจและการเปลี่ยนความเร็วที่น่าทึ่ง แต่นอกจากขนาดที่ใหญ่กว่า Model 3 และมีการขับขี่ที่นุ่มนวลรอบเมือง มันก็ไม่ได้มีอะไรที่เหนือไปกว่ารุ่นก่อนหน้า

ในขณะที่ Model 3 Performance ไวกว่าและขับขี่สนุกกว่า มันยังสามารถไปได้ไกลกว่าต่อการชาร์จหนึ่งครั้งและมีค่าใช้จ่ายในการใช้งานต่าง ๆ น้อยกว่าเมื่อวัดจากระยะเวลา 3 ปี เมื่อคำนึงถึงความจริงที่ว่ามันมีระบบป้องกันการชนและรถยนต์คันใหม่มาพร้อมกับประกันและนี่คือการตัดสินใจของเราว่าเงิน 55K หรือกว่าเกือบสามล้านของคุณจะไปที่ไหน


Tesla Model 3

ข้อดี เคลื่อนที่อย่างน่าตื่นเต้น แม่นยำ ขับขี่สนุก เสื่อมราคาค่อนข้างช้า

ข้อเสีย หากขับช้าจะแข็งเกินไป ระบบสาระบันเทิงน่ารำคาญ

ไม่มีอุปกรณ์เสริมที่จะแนะนำ

Tesla Model S

ข้อดี ขับขี่สบายรอบเมือง มีพื้นที่กว้างขวางสำหรับผู้โดยสารและจุสัมภาระ

ข้อเสีย วัสดุมีคุณภาพผสมผสานกัน ไม่สามารถชาร์จแบบ CCS ได้

ออปชั่นเสริมที่แนะนำ ระบบ Enhanced Autopilot

Exit mobile version