Landmark developments
Kia e-Niro ได้บุกเบิกพื้นที่ใหม่ในการเปิดตัวรถยนต์ที่มีการผสมผสานระหว่างระยะวิ่งที่มากขึ้นเข้ากับการใช้งานจริง ในราคาน่าคบหา ตอนนี้ Kia e-Niro กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่สดใหม่
NEW Skoda Enyaq iV 60 Nav Suite
ราคาขาย 34,910* ปอนด์
(ราว 1,745,500* บาท)
ราคาที่น่าลงทุน 34,910* ปอนด์
(ราว 1,745,500* บาท)
Enyaq เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ทันสมัยรุ่นแรกของ Skoda มีความคล้ายคลึงเหมือนเป็นรุ่นเดียวกันกับ Volkswagen ID.4 ที่มีความสามารถสูง แต่มีราคาที่น่าดึงดูดกว่า
Kia e-Niro 64kWh Long Range 2
ราคาขาย 34,945* ปอนด์
(ราว 1,747,250* บาท)
ราคาที่น่าลงทุน 34,945*ปอนด์
(ราว 1,747,250 บาท)
รุ่น 64kWh Long Range ของ e-Niro ยังคงเป็นหนึ่งในรุ่นคุ้มค่ากับการซื้อ และปัจจุบันรุ่นนี้มีจำหน่าย ในราคาประหยัดมากขึ้น
เรากำลังเดินทางจากอินเวอร์เนสไปลอนดอนซึ่งระยะการเดินทางประมาณ 965.4 กิโลเมตร ภายใต้ซุ้มประตูโค้งที่คุณเห็นอยู่นั้นเป็นรถ SUV ไฟฟ้าสองคันและวัตถุประสงค์ของเรามีสองประการ คือ เปรียบเทียบ Skoda Enyaq ใหม่กับ Kia e Niro เวอร์ชันล่าสุดซึ่งเป็นรถยนต์แห่งปี 2019 ของเรา และเครือข่ายสถานีชาร์จสาธารณะซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อรถยนต์ไฟฟ้า
KIA E-NIRO
เรารู้อยู่แล้วว่า e-Niro 64kWh Long Range มีระยะการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีมากแต่ตอนนี้คุณสามารถสั่งซื้อร่วมกับรุ่น 2 ที่ถูกที่สุดได้ (ก่อนหน้านี้มีให้เฉพาะกับแบตเตอรี่ขนาด 39kWh ที่เล็กกว่าเท่านั้น) รุ่นนี้ได้รับการแนะนำโดยเฉพาะเพื่อให้มีสิทธิ์ได้รับเงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลที่ลดลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ ในการรับเงินอุดหนุนมูลค่า 125,000 บาท รถยนต์ไฟฟ้าใหม่ทุกคันต้องมีราคาปลีกต่ำกว่า 1,750,000 บาท
SKODA ENYAQ
Enyaq จะส่งเสียงแหลมภายใต้ขีดจำกัดหากคุณเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็กกว่ารุ่น 60 ซึ่งเก็บพลังงานที่ใช้งานได้จริง58kWh โดยพื้นฐานแล้ว ‘60’ คือรุ่นที่กำหนดอุปกรณ์บน Enyaq ที่คุณจะได้รับแต่คุณยังสามารถเลือกจากชุดอุปกรณ์จัดแต่งที่มีการตกแต่งภายในที่แตกต่างกันรวมถึงการแต่งเบาะนั่งด้วยผ้าขนสัตว์หรือหนังซึ่งรถยนต์ที่เราทดสอบมาพร้อมกับการตกแต่งภายในด้วยหนังสีดำและท่อที่ตัดกัน
การขับขี่
สมรรถนะ, การขับขี่, เสถียรภาพ, ความประณีต
จากการจอดนิ่งไปจนถึง 48.27 กม./ชม. Enyaq ส่งเสียงแหลมพุ่งนำหน้า e-Niro ไปก่อนจะเบาลงโดยสามารถไปถึง 100 กม./ชม. ในเวลา 6.7 วินาที สิ่งที่มีประโยชน์มากกว่าคือความได้เปรียบ 1.7 วินาที จากการเร่ง 48.27 ถึง 112.63 กม./ชม. หมายความว่าคุณสามารถแล่นผ่านการจราจรที่ช้าลงได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น
e-Niro สามารถจัดการการสำรองแบตเตอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นจนน่าประหลาดใจ เราทำการทดสอบประสิทธิภาพมาตรฐานของเราด้วยเส้นทางวิ่งของเรา
การประเมินการใช้พลังงานของรถทั้งสองคันอยู่ภายใต้สภาวะควบคุม ซึ่ง e-Niro ใช้พลังงานน้อยกว่าต่อกิโลเมตร และเมื่อรวมกับแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่าเล็กน้อยจะมีระยะที่คาดการณ์ไว้ (ในวันที่อากาศอบอุ่นและแห้ง โดยมีการจำลองการขับขี่ในเมือง ถนนทางหลวงและทางหลวงพิเศษ) ที่ 391 กิโลเมตร Enyaq’s อยู่ห่างออกไป 289.62 กิโลเมตร
KIA E-NIRO
เมื่อพูดถึงการเข้าโค้ง e-Niro จะตอบสนองได้ดีขึ้นในระหว่างการเข้าโค้งครั้งแรก และยังคงตั้งตรงมากขึ้นเมื่อเข้าโค้ง อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ยึดเกาะแน่นเท่ากับ Enyaq และการบังคับเลี้ยวของมันก็ไม่ได้ถ่วงน้ำหนักอย่างเป็นธรรมชาติ
ความแตกต่างที่มากที่สุดและตัวเลขเหล่านั้นมีความสัมพันธ์คร่าว ๆ กับสิ่งที่เราประสบระหว่างการเดินทางไกล แบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่าของ e-Niro ไม่เพียงหมายถึงการหยุดชาร์จน้อยลงเท่านั้นแต่ยังช่วยลดความกังวลด้าน ระยะทางเมื่อเครื่องชาร์จแบบรวดเร็วเครื่องถัดไปอยู่ห่างออกไปอีก 241.35 กิโลเมตรหรือมากกว่านั้น
รุ่นใดที่มอบความผ่อนคลายมากที่สุดหากไม่คำนึงถึงระยะวิ่ง คำตอบคือ Enyaq มันเงียบสงบกว่า e-Niro โดยมีเสียงรบกวนจากช่วงล่างน้อยกว่าเมื่อเคลื่อนที่บนถนนที่ขรุขระและโดยทั่วไปแล้วจะมีเสียงรบกวนจากถนนน้อยกว่าที่ความเร็ว 112.63 กม./ชม. แต่มันยังคงสร้างเสียงคำรามบนพื้นผิวที่หยาบ ซึ่งทั้งคู่ยังคงมีเสียงลมเบา ๆ เว้นแต่ว่าจะมีลมพัดแรงซึ่งในกรณีนี้คุณจะได้ยินเสียงลมกระโชกแรงแทรกเข้ามาจากกระจกข้าง
Enyaq ยังสะดวกสบายมากกว่า แต่อาจไม่นุ่มสบายเหมือน SUV รุ่นเบนซินที่เป็นรุ่นขับขี่ดีที่สุดเพราะแบตเตอรี่ที่หนักนั้นต้องการระบบช่วงล่างที่แน่นหนากว่าเพื่อรองรับ มันเป็นรถที่นุ่มนวลกว่าคู่แข่งและให้ความรู้สึกมั่นคงเมื่อเคลื่อนที่ด้วยความเร็วบนมอเตอร์เวย์ซึ่งเมื่ออยู่รอบ ๆ เมือง ช่วงล่างที่แน่นนั้นจะมันไม่ตอบสนองต่อถนนที่ขรุขระและอย่าลืมว่า e-Niro นั้นยังห่างไกลจากการที่โครงสร้างจะสั่นคลอน
SKODA ENYAQ
Enyaq เงียบกว่าและมอบความผ่อนคลายมากกว่า เพราะสามารถเก็บเสียงยางและช่วงล่างได้ดีกว่า และยังเชี่ยวชาญกว่าในการรับมือกับหลุมบ่อในเมืองและบนมอเตอร์เวย์ ซึ่งรถทั้งสองคันสามารถหยุดได้อย่างราบรื่น
ทั้งคู่มีเบรกที่ดีสำหรับการเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่ละคันมีระบบที่สร้างกระแสไฟฟ้าขึ้นมาใหม่ (เพื่อเติมแบตเตอรี่) ขณะที่คุณขับช้า ๆ ซึ่งทำงานร่วมกับเบรกปกติ ทั้งสองระบบได้รับการปรับปรุงอย่างดีโดยรถทั้งสองคันสามารถหยุดได้อย่างมีประสิทธิภาพระหว่างการเบรกกระทันหันภายใต้สถานการณ์จราจรที่คาดการณ์ไม่ได้ นั่นหมายความว่าหากต้องการให้รถหยุดนิ่ง คุณไม่ต้องเหยียบแป้นเบรกแรงอย่างที่คุณคิดแต่คุณอาจทำได้ในรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่น
คุณอาจคิดว่าระบบช่วงล่างที่นุ่มกว่าของ Enyaq จะทำให้รถว่องไวน้อยลงแต่นั่นไม่เป็นความจริงทั้งหมด แน่นอนว่า e-Niro มีการเอียงตัวขณะเลี้ยวน้อยกว่าและระบบเลี้ยวที่ไวกว่า ทำให้มีการพุ่งเข้าโค้งที่ทันใจ แต่การบังคับเลี้ยวที่ถ่วงน้ำหนักอย่างเป็นธรรมชาติของ Enyaq ให้ความมั่นใจที่จะเร่งความเร็วได้มากกว่า นอกจากนี้ยังมีการยึดเกาะที่ดีกว่า ดังนั้นคุณจึงสามารถเร่งระดับความเร็วเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยหากต้องการ แม้ว่ารถทั้งสองคันจะให้ความรู้สึกสนุกในการขับขี่ได้ไม่เท่ากับ Volkswagen ID.3
หลังพวงมาลัย
ตำแหน่งคนขับ, ทัศนวิสัย, คุณภาพการผลิต
SUV เหล่านี้มีตำแหน่งการขับขี่ที่สูงกว่า Volkswagen Golf เล็กน้อย แต่ใน e-Niro นั้นเบาะนั่งจะดูสูงกว่าปกติ แม้จะปรับระดับความสูงให้อยู่ในระดับต่ำที่สุดแล้ว รถทั้งสองคันมาพร้อมกับส่วนรองรับหลังส่วนล่างแบบปรับได้ เราอาจต้องการให้ Enyaq ขยายออกไปทางด้านหลังเล็กน้อยแต่เบาะนั่งรองรับไหล่ได้มากกว่าของ e-Niro
หน้าจอแสดงผลดิจิทัลขนาดใหญ่ของ e-Niro แสดงข้อมูลชัดเจนแต่หน้าจอของ Enyaq มีขนาดเล็กกว่าและตัวแสดงค่าต่าง ๆ เล็กมากอย่างน่าประหลาดใจ นอกจากนี้ยังส่วนควบคุมเครื่องปรับอากาศรวมอยู่ในหน้าจอสัมผัสระบบสาระบันเทิงแต่อย่างน้อยการควบคุมอุณหภูมิจะถูกแสดงอย่างถาวร อย่างไรก็ดีโดยรวมแล้วเราชอบชุดปุ่มและปุ่มควบคุมบนแดชบอร์ดของ e-Niro
KIA E-NIRO
1 e-Niro ส่วนใหญ่ประกอบด้วยวัสดุแข็งและมีสัมผัสที่ดี เช่น ไฮไลท์สีดำมันวาวและขอบเป็นมันเงา แต่โดยรวมแล้วดูมีราคาถูกกว่า
2 ไม่มีการวางผังที่ดูผิดรูปแบบ คือ สวิตช์และปุ่มที่มีฉลากชัดเจนทำให้ใช้งานง่ายและเครื่องมือต่าง ๆ ก็ยอดเยี่ยม
3 รถทั้งสองคันมีตำแหน่งการขับขี่ที่สูงกว่าที่คุณพบในรถแฮทช์แบคทั่วไป แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะตำแหน่งนั่งที่ e-Niro ตั้งไว้ค่อนข้างสูงกว่าแดชบอร์ด
ระบบสาระบันเทิง
หน้าจอของรุ่น 2 ค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับของ Enyaq แต่มันมีความชัดเจนและใช้งานได้ง่ายในเมนูต่าง ๆ และมีปุ่มลัดสำหรับสลับไปมาระหว่างกัน นอกจากนี้ซอฟต์แวร์มีความเสถียรมากหกว่าด้วย โดยปัญหาระหว่างการใช้งานน้อย กว่าของ Enyaq อย่างไรก็ตามคุณไม่ได้รับ sat-nav ในตัว และคุณไม่สามารถเพิ่มฟีเจอร์อื่นได้ เช่น การชาร์จแบบไร้สาย เว้นแต่คุณจะเลือกรุ่นที่สูงกว่านี้
ทั้งคู่มาพร้อมทัศนวิสัยที่ดี คุณสามารถมองผ่านเสากระจกหน้าของ e-Niro ได้ง่ายกว่าเสาที่หนากว่าของ Enyaq แต่คุณจะมองเห็นด้านหลังของ Enyaq ได้ง่ายกว่าเนื่องจากมีหน้าต่างด้านหลังที่ใหญ่กว่า กล้องมองหลังถูกติดตั้งมาเป็นมาตรฐานบน e-Niro (เป็นตัวเลือก 25,250 บาท สำหรับ Enyaq) และรถทั้งสองคันมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ช่วยจอดด้านหลัง มีเพียง Enyaq เท่านั้นที่มีไฟหน้า LED และหลอดฮาโลเจนที่คุณได้รับบน e-Niro ดูจะไม่สว่างเท่าเมื่อเทียบกัน
SKODA ENYAQ
1 มีการผสมผสานวัสดุที่น่าพึงพอใจ รวมถึงขอบโครเมียมสว่างและขอบสีดำมันวาว ขณะที่พลาสติกที่มีพื้นผิวดี ช่วยให้พื้นผิวส่วนบนส่วนใหญ่ดูสวยงาม
2 ค่าต่าง ๆ บนแผงหน้าปัดแบบดิจิตอลนั้นชัดเจนเพียงพอ แต่ตัวเลขเล็ก ๆ ที่แสดงค่าของแบตเตอรี่ค่อนข้างดูยาก
3 รถทั้งสองรุ่นมีระบบปรับพวงมาลัยและเบาะนั่งแบบแมนนวล รวมถึงส่วนรองรับหลังส่วนล่าง ซึ่ง Enyaq ช่วยรองรับไหล่ของคนขับได้มากกว่า
ระบบสาระบันเทิง
หน้าจอขนาดใหญ่ 13.0 นิ้ว ที่ชัดเจนดูน่าประทับใจ และ Skoda ยังวางผังฟีเจอร์ทั้งหมดอย่างเหมาะสมแต่มีสิ่งแปลกปลอมซ่อนอยู่หลังไอคอนทำให้สับสน แต่ความคุ้นเคยช่วยลดปัญหานี้ได้ โดยทั่วไปแล้วจะตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว แต่ความกังวลที่ใหญ่ที่สุดของเราคือซอฟต์แวร์หยุดทำงาน โดยที่สิ่งนี้เกิดขึ้นสองสามครั้ง นอกจากนี้คุณสามาถใช้งาน sat-nav (ซึ่งคุณสามารถใช้เพื่อค้นหาสถานีชาร์จ) และเช่นเดียวกับ e-Niro ที่สามารถใช้งาน smartphone mirroring ได้
Skoda ทำได้ดีมากด้านการตกแต่งภายในของ Enyaq สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในราคานี้มีบางอย่างที่ดีกว่า ID.3 มาก โดยรวมแล้วมันถูกประกอบเข้าด้วยกันเป็นอย่างดี มีการใช้พลาสติกแบบอ่อนและดูเท่ ทั้งยังมีโครเมียมสว่างและสีดำ มันวาวเป็นส่วนประกอบให้ความรู้สึก ‘plush-o meter’ สำหรับ e-Niro มีการออกแบบที่ไม่แย่สำหรับเงินที่จ่ายไป แต่ผิวเคลือบไม่ค่อยน่าพอใจและมีพลาสติกที่ดูแข็งมากกว่า
พื้นที่และความอเนกประสงค์
พื้นที่ด้านหน้า, พื้นที่ด้านหลัง, ความยืดหยุ่นของเบาะนั่ง, พื้นที่ท้ายรถ
e-Niro เป็นรถยนต์ขนาดเล็ก ด้านหน้ามีพื้นที่เพียงพอสำหรับผู้โดยสารสูง 180 ซม. แต่ Enyaq มีพื้นที่เหนือศีรษะและพื้นที่วางขามากกว่า อีกทั้งยังมีพื้นที่จัดเก็บที่มากกว่าเล็กน้อย ต้องขอบคุณช่องอเนกประสงค์ข้างประตูขนาดใหญ่ที่ปูด้วยพรมเพื่อกันสิ่งของไม่ให้ส่งเสียงดัง ซึ่งรถทั้งสองคันมีถาดและที่วางแก้วที่เหมาะสม
KIA E-NIRO
เบาะหลังของ Enyaq นั้นกว้างกว่าอย่างเห็นได้ชัด ผู้ใหญ่ตัวสูงสองคนมีพื้นที่วางขาและพื้นที่เหนือศีรษะมากกว่าบน e-Niroซึ่ง Enyaq นั้นเหมาะสมสำหรับผู้ใหญ่สามคนมากกว่า อีกทั้งยังไม่มีพื้นนูนตรงกลางพื้น (บน e-Niro มีนูนขึ้นมาเล็กน้อย) และมีพื้นที่สำหรับไหล่เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยสำหรับสามคน ข้อดีอื่น ๆ ได้แก่ มีช่องเก็บของด้านหลังเบาะนั่งด้านหน้าสำหรับแท็บเล็ตและโทรศัพท์และมีช่องเก็บของที่ประตูใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ Enyaq ยังมีตัวเลือกเพิ่มพอร์ต USB ด้านหลัง ส่วนบน e-Niro มีไว้ด้านหน้าเท่านั้น
SKODA ENYAQ
พื้นที่ท้ายรถของ Enyaq ทำให้ท้ายของ e-Niro แคบลงไปถนัดตา คุณสามารถขยายพื้นที่บน e-Niro เพิ่มขึ้นได้อีกเล็กน้อยและยังมีพื้นที่ใต้พื้นสำหรับสายชาร์จและเมื่อพับเบาะด้านหลังคุณสามารถขยายพื้นที่ให้เรียบไปจนถึงเบาะหน้าเช่นเดียวกับใน Enyaq นอกจากนี้ Enyaq ยังเพิ่มช่องเก็บสกีแต่เมื่อพับที่นั่งลงจะพบว่าเป็นพื้นต่างระดับซึ่งคุณสามารถเพิ่มแพ็คเกจการขนส่งเสริม (13,000 บาท) ซึ่งจะช่วยให้คุณปรับความสูงของพื้นได้
การซื้อและการเป็นเจ้าของ
ราคา, อุปกรณ์, ความน่าเชื่อถือ, ความปลอดภัยและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัย
อย่างที่เรากล่าวไปพวกมันถูกตั้งราคาเพื่อให้มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยอุดหนุนจากรัฐบาล ที่น่าสนใจคือเงินช่วยเหลือนั้นอิงตามราคาปลีกของรถยนต์เท่านั้น ดังนั้นคุณสามารถเพิ่มตัวเลือก ได้มากเท่าที่คุณต้องการ เพิ่มได้จนถึง 1,750,000 บาท และยังคงได้รับเงินอุดหนุนอีก 125,000 บาท
คาดว่า Enyaq จะสูญเสียมูลค่าในอัตราที่ช้ากว่า e-Niro เล็กน้อยและมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าด้านการประกันและการบริการ ในระยะการใช้งานสามปี Enyaq จะถูกกว่าถึง 65,000 บาทสำหรับผู้ซื้อเงินสดส่วนตัวเมื่อเทียบกับ e-Niro
หากคุณกำลังจัดหาเงินทุนหากเลือก Enyaq คุณจะมีข้อได้เปรียบอย่างมาก สมมติว่าคุณวางมัดจำ 175,000 บาท ในการผ่อนแบบ PCP ระยะเวลาสามปี หากคุณวิ่งไม่เกิน 8,000 กิโลเมตรต่อปี ซึ่ง Enyaq จะอยู่ที่ 21,650 บาทต่อเดือน แต่ e-Niroมากกว่านั้น 1,650 บาท นอกจากนี้ Enyaq ยังเป็นประโยชน์ในการเช่าโดยมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าประมาณ 2,000 บาทต่อเดือน รถยนต์เหล่านี้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันหากคุณเป็นเจ้าของในฐานะบริษัทโดยรวมแล้วคุณจะจ่ายภาษี BIX เพียง 32,500 บาทในระยะเวลาสามปี หากคุณอยู่ในช่วง 40%
รถยนต์ทั้งสองไม่ได้มีอุปกรณ์ครบครันเป็นพิเศษ คุณจะได้รับอุปกรณ์บางอย่าง ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับระบบช่วยรักษาความปลอดภัยแบบแอ็คทีฟรวมถึงการเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติและระบบรักษาเลนซึ่ง e-Niro ไม่เคยผ่านขั้นตอนการทดสอบของEuro NCAP เราจึงไม่สามารถบอกได้ว่ามันปลอดภัยแค่ไหนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ แต่ Enyaq ได้รับการทดสอบและแสดงผลงานที่น่าประทับใจสำหรับผู้ใหญ่ เด็ก และคนเดินถนน ดังนั้นจึงได้รับคะแนนระดับห้าดาวเต็ม
ตัวเลือกหนึ่งที่ควรเพิ่มให้กับ Enyaq คือสายชาร์จอย่างรวดเร็ว 100kW (22,000 บาท) ตามปกติจะสามารถชาร์จที่ความจุ 50kW และการเพิ่มความเร็วเป็นสองเท่าทำให้สามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ในเวลาเพียง 30 นาที ส่วนอัตราสูงสุดของ e-Niro อยู่ที่ 77kW และแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่าเล็กน้อยทำให้การชาร์จช้าออกไปอีกโดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที กล่องชาร์จสำหรับบ้านเรือนขนาด 7kW จะช่วยเติมพลังทั้งคู่จากศูนย์จนเต็มในเวลาประมาณ 10 ชั่วโมง ในด้านของการชาร์จ
‘เราทำให้มันเป็นเสมือนบ้าน ดังนั้นสิ่งจำเป็นคือเครือข่ายการชาร์จสาธารณะสามารถใช้งานได้’
สก็อตแลนด์มีจำนวนสถานีชาร์จแบบรวดเร็วน้อยกว่านอกเมืองหลัก แต่เครือข่ายสถานีชาร์จในประเทศนั้นใช้งานได้ฟรี ในประเทศอังกฤษคุณมักจะพบสถานีชาร์จแบบรวดเร็ว (โดยเฉลี่ยคือ 50-100kW) แต่สำหรับบางพื้นที่อาจต้องการ ให้คุณลงชื่อสมัครใช้ก่อนจึงจะใช้งานอุปกรณ์บางอย่างได้ และความน่าเชื่อถือนั้นไม่แน่นอนอย่างเห็นได้ชัด
คำแนะนำของเราคือการวางแผนการเดินทางของคุณระหว่างสถานีชาร์จ (สามารถใช้งาน ZapMap ที่เป็นประโยชน์ในการช่วยเหลือคุณได้) และให้เหลือแบตเตอรี่สำรองอยู่เสมอ
. . WHATCAR? SAY . .
e-Niro ยังคงสร้างความประทับใจเหมือนเดิม โลกกำลังคลั่งไคล้ขนาดของแบตเตอรี่ที่มากขึ้นแต่รุ่น Long Range นี้ยังคงห่างไกลจากความล้าสมัย
การทดสอบนี้มุ่งหาว่ารถคันไหนที่วิ่งได้ไกลกว่าจะเป็นผู้ชนะเท่านั้นหรือจริง ๆ แล้วยังมีอะไรมากกว่านั้น แพ็คเกจโดยรวมของ e-Niro นั้นยังคงยอดเยี่ยมแต่เมื่อเทียบกับ Enyaq มันกลับตามหลังในบางจุด เช่น การใช้งานจริง
อันที่จริงแล้วสำหรับเงินจำนวนเท่านี้ Enyaq เป็น EV ใหม่ที่ดีที่สุดที่เราเคยทดสอบมา ทั้งยังมอบความสะดวกสบายและมีพื้นที่มากมายสำหรับครอบครัวที่โดดเด่นท่ามกลางจุดแข็งด้านต่าง ๆ ใครก็ตามที่กำลังจะต้องเดินทางระยะไกลเป็นประจำยังมีรุ่น 80 ที่ราคาสูงกว่าให้คุณเลือก แต่หลังจากการทดสอบแบบสุดขั้วของเราแล้ว กลุ่มผลิตภัณฑ์รุ่น 60 ก็เพียงพอสำหรับวันหยุดของครอบครัวและมากเกินพอสำหรับการเดินทางในแต่ละวัน
ข้อดี นั่งสบาย ตอบสนองต่อการเร่งแม่นยำมากกว่า เงียบกว่าเมื่อวิ่งด้วยความเร็ว ราคาถูกกว่า มีความเอนกประสงค์มากกว่า คะแนนความปลอดภัยมากกว่า
ข้อเสีย การเร่งความเร็วที่ช้าลง ระยะวิ่งสั้นกว่า ซอฟต์แวร์สาระบันเทิงไม่เสถียร
ออปชั่นเสริมที่แนะนำ สายชาร์จ DC 100kW 440 ปอนด์ (ราว 22,000 บาท)
ข้อดี ระยะขับขี่จริงยอดเยี่ยม สมรรถนะแข็งแกร่ง การควบคุมน่าพอใจ มีความเอนกประสงค์มากกว่ารถยนต์ระดับเดียวกัน
ข้อเสีย ไม่มีคะแนน Euro NCAP ผ่อนผ่านระบบ PCP แพงกว่า การขับขี่แข็งกว่า ภายในหรูหราน้อยกว่า
ออปชั่นเสริมที่แนะนำ ไม่มี