Comparison : BMW 1 Series vs Mercedes-Benz A-Class

Back to front

BMW พลิกโฉม 1 Series รุ่นใหม่ที่ตอนนี้ใช้การส่งกำลังไปขับเคลื่อนล้อหน้าเพื่อช่วยแก้ไขข้อบกพร่องที่สำคัญคือประโยชน์ใช้สอย แต่นั่นไม่ได้ทำให้มันเท่น้อยลง


NEW BMW 1 Series 118d M Sport auto

ราคาขาย 31,040 ปอนด์ (ราว 1,552,000 บาท)

ราคาที่น่าลงทุน 29,242 ปอนด์ (ราว 1,471,200 บาท)

ไม่มีจำหน่ายในไทย

Mercedes-Benz A-Class A200d AMG Line

ราคาขาย 30,385 ปอนด์ (ราว 1,519,250 บาท)

ราคาที่น่าลงทุน 28,033 ปอนด์ (ราว 1,404,650 บาท)

ไม่มีจำหน่ายในไทย


        อินเทอร์เน็ตมีความทรงจำใหญ่เท่าช้าง ปัญหาที่เกิดขึ้นคือบางสิ่งที่คุณต้องการให้มันหายไปจะโผล่ขึ้นมาอีกครั้งและกัดกินคุณ ตัวอย่างเช่นคุณสามารถค้นหาโฆษณาเก่า ๆ มากมายที่สนับสนุนทฤษฎีขับเคลื่อนล้อหลังอันโด่งดังของ BMW นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมบริษัทถึงเกทับการแข่งขันด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหน้า

        แรกเริ่มเดิมที 1 Series เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง แน่นอนว่ามันสร้างปัญหามากมายและยังทำให้มีพื้นที่ภายในน้อย แล้วยังไง? สโลแกนแรกของ BMW ที่ว่า ‘เครื่องจักรในการขับเคลื่อนที่ดีที่สุด’ นั่นคือความคุ้มกับราคาที่ต้องจ่าย จนถึงตอนนี้ คุณรู้ไว้เลยว่า 1 Series เจนเนอเรชั่นที่ 3 เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า

        BMW บอกว่านอกจากมันจะมีภายในที่กว้างขึ้นแล้ว การขับเคลื่อนด้วยล้อหน้ายังช่วยลดการเสียพลังงานจำนวนมากไป นั่นจริงหรอ? ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม? เพื่อค้นหาความจริง เราจะเปรียบเทียบมันกับคู่แข่งเพื่อนร่วมชาติอย่าง Mercedes-Benz A-Class

        แต่ละคันมีสเปกที่เหมาะสมกับผู้ขับรถบริษัทด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร 148 แรงม้า และเกียร์อัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีระดับตกแต่งสูงสุดที่ใกล้เคียงกัน พวกมันจึงมีอุปกรณ์หรูประดับไว้เต็มคัน


การขับขี่

สมรรถนะ, การขับขี่, การควบคุม, รายละเอียด

        รถทั้ง 2 คันดูน่าขับบนทางด่วน A200d เร็วกว่าและยังเร่งได้ไวกว่า “ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น” คุณอาจสงสัยว่า “ในเมื่อพวกมันมีพลังเท่ากัน แล้วทำไม 118d ถึงมีแรงบิดมากกว่า?” แรงบิดสูงๆ นั้นเป็นผลมาจากความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเครื่องยนต์ เมื่อกล้ามเนื้อมากจะสามารถสร้างความเร็วได้ง่ายโดยไม่จำเป็นต้องออกแรงเยอะ แต่สิ่งสำคัญก็คือการทำให้ความแข็งแกร่งนั้นกระจายไปทั่วช่วงรอบเครื่องยนต์เพื่อให้คุณสามารถใช้งานได้บ่อยขึ้น

BMW 1 Series

        เพื่อให้เข้าใจ แรงบิดก็เหมือนกับเนื้อบดปาเตบนขนมปังปิ้ง มันถูกทาไปทั่วบนขนมปังเหมือนกับ A200d คุณจะได้รับความรู้สึกที่ดีทุกครั้งเวลากัด กัดคำใหญ่ๆ แต่ให้สมาธิจดจ่อไปที่ตรงกลางแผ่นขนมปัง เริ่มต้นด้วยการไม่รู้สึกถึงอะไร จากนั้นก็สัมผัสรสชาติที่ทรงพลัง แล้วก็ไม่รู้สึกถึงอะไรอีก นั่นคือ 118d และเหตุผลว่าทำไมมันถึงไม่โดดเด่นที่รอบต่ำและรอบสูง

        ไม่ว่าจะเจอทางโค้งหรือวงเวียน เกียร์อัตโนมัติในรถทั้งคู่ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว แต่ของ 118d นั้นเข้ากับกับเครื่องยนต์ได้ดีกว่า มันสามารถวิ่งได้ดีที่สุดในระดับเกียร์ที่เหมาะสมที่สุดได้เกือบตลอดเวลา บางครั้งเกียร์ของ A200d ก็ดูเกะกะและยังกระตุกเมื่อลดเกียร์ นั่นทำให้การขับรถบนถนนเรียบๆ เป็นไปได้ยากและอาจต้องสับสนเมื่อต้องจอดรถในที่แคบ

        เครื่องยนต์ของ 118d เปล่งเสียงทุ่มกว่าทำให้มันรบกวนน้อยกว่าเสียงสูงของ A200d ความต่างจะยิ่งชัดขึ้นท่ามกลางการจราจรที่เชื่องช้า เมื่อสตาร์ทรถทิ้งไว้ A200d จะมีทั้งเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือนมากกว่า ระบบ stop-start ทำหน้าที่ได้ดีแต่ระบบของ 118d นั้นทำงานราบรื่นกว่า

         คุณอาจได้ยินเสียงแปลกๆ จากเครื่องยนต์ของทั้ง 2 คันที่ความเร็ว 110 กม./ชม. แต่ 118d ชนะ A200d ในเรื่องการป้องกันเสียงรบกวน ทั้ง 2 คันมีเสียงถนนและเสียงลมมากกว่า Volkswagen Golf แต่เสียงรบกวนของ 118d จะอยู่รอบๆ กระจกมองข้างเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ A200d เสียงจะมาจากกระจกหน้าต่างหน้าข้างและด้านหลัง

Mercedes-Benz A-Class

        ยิ่งไปกว่านั้น A200d ยังมีเสียงจากระบบกันสะเทือนที่ดังกว่าในจังหวะกระทบกับเนินบนถนนแม้ว่ามันจะให้ความนุ่มในเวลาขับที่ดีก็ตาม คุณจะพบว่าระบบกันสะเทือนทำได้ดีที่สุดบนทางด่วนหรือถนนสายหลักที่เป็นคลื่น มันสงบกว่า 118d M Sport (ยิ่งระดับตกแต่ง Sport น้อยแค่ไหน คุณก็จะผ่อนคลายมากขึ้น) ที่มีสปริงแข็ง มองอีกด้าน A200d นั้นไม่ได้มีการยึดเกาะที่ดีนัก คุณจึงจะสังเกตเห็นได้ว่าแผ่นหลังของคุณจะกระดอนออกจากที่นั่งบ่อยๆ เมื่อเจอถนนเป็นหลุมบ่อ

        น่าแปลกที่ A200d นั้นไม่ได้ลื่นไปกว่า 118d เมื่อขับในเมือง มันเริ่มต้นได้ดีแต่ต้องใช้เวลามากกว่าในการทรงตัวหลังจากพ้นสิ่งกีดขวาง

        ส่วนใหญ่เราจะพบว่า A200d นุ่มสบายกว่าแต่ 118d กลับกระตุ้นให้ผู้ขับมีความกระตือรือร้นได้มากกว่า พวงมาลัยของมันเร็วกว่า A200d มันจึงดูน่าขับมากกว่า โยนน้อยกว่า และมีสมดุลดีกว่า มันสามารถเปลี่ยนทิศทางได้อย่างกระฉับกระเฉงและยังขับสนุกกว่า แต่อย่าเพิ่งตัดใจจาก A200d เพราะมันยึดเกาะได้ดีกว่าทำให้วิ่งได้สมบูรณ์แบบและผ่อนคลายในการขับมากกว่าซึ่งเป็นผลมาจากพวงมาลัยที่ช้ากว่า


หลังพวงมาลัย

ตำแหน่งนั่งขับ, ทัศนวิสัย, คุณภาพการผลิต

        ตำแหน่งนั่งขับที่มีคุณภาพและระบบควบคุมที่ใช้งานง่ายเป็นสิ่งที่ต้องการเสมอ แล้วรถคันไหนจะดีกว่ากันล่ะ? คำตอบสั้น ๆ คือ 118d แต่ความแตกต่างอยู่ในรายละเอียด เช่น ไม่ว่าคุณจะตัวใหญ่แค่ไหน ตำแหน่งการขับก็ควรจะปรับได้หลากหลายในรถทั้ง 2 คัน เบาะนั่งของ 118d จะต่ำกว่าเล็กน้อยและพวงมาลัยสามารถยืดเข้า-ออกได้

BMW 1 Series

        ทั้ง 2 คันมีเบาะคนขับที่นุ่มสบายแต่เบาะของ 118d รองรับด้านข้างลำตัวได้ดีกว่า ไม่มีรถคันไหนให้ตัวดันหลังปรับไฟฟ้ามาเป็นมาตรฐานแต่มันมีเป็นออปชั่นเสริมราคาไม่แพงใน 118d กลับกัน A200d ดันรวมอยู่ในแพ็คเกจเสริม Premium Plus ราคาแพง เราจะอธิบายโดยสรุปว่าแพ็คเกจนั้นประกอบด้วยฟีเจอร์ที่น่าสนใจอะไรบ้าง แต่เรามองว่าการเลือกออปชั่นแยกเป็นชิ้นๆ ไปแบบที่ BMW เสนอให้นั้นโอเคกว่า

        A200d มาพร้อมกับจอหน้าปัดดิจิตอล 7.0 นิ้ว ขณะที่ 118d ยังใช้หน้าปัดแบบเข็มอะนาล็อก รถทดสอบของเราแต่ละคันได้รับการอัพเกรดเป็นแพ็คเกจ Premium Plus A200d ได้จอหน้าปัดขนาดใหญ่ขึ้น 10.3 นิ้ว และจอระบบสาระบันเทิงขนาดเท่ากัน ในขณะที่หน้าปัดดิจิตอลของ 118d เป็นส่วนหนึ่งของ Tech Pack II ซึ่งมี Head-up display มาด้วย

Mercedes-Benz A-Class

        เสา A-pillar ที่บางและโค้งของทั้ง 2 คันทำให้มองออกไปข้างนอกได้ง่ายและมองเห็นได้ชัดเจนตามที่คุณคาดหวัง วิสัยทัศน์ด้านหลังไม่ดีนักแต่คุณจะได้กล้องมองหลังใน A200d และเซ็นเซอร์ช่วยจอดหน้า-หลังใน 118d เมื่อพูดถึงทัศนวิสัย รถทั้งสองคันยังมีไฟหน้า LED ที่ให้แสงสว่างในเวลากลางคืนได้อย่างชัดเจนอีกด้วย

        ตอนนี้หนึ่งในเหตุผลที่เลือก BMW หรือ Mercedes มากกว่าที่จะเลือก Ford หรือ Vauxhall คือความคาดหวังใน ‘ความเหนือระดับ’ แน่นอนว่าการเพิ่มเงินในรถคันใดคันหนึ่งในที่นี้จะทำให้คุณได้รับการอัพเกรดแต่มันก็มีความแตกต่างกัน A200d เป็นมากกว่าความดึงดูดและความน่าสนใจ คุณจะได้รับอะไรมากมายไม่ว่าจะเป็นการออกแบบที่น่าทึ่งด้วยการผสมผสานวัสดุที่หลากหลายและไฟบรรยากาศรอบห้องโดยสาร (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Premium Plus Pack) ก็ถูกออกแบบมาอย่างดีเพื่อให้งานปาร์ตี้ดำเนินต่อไปได้ในที่มืด

        ทว่าพลาสติกที่ดูราคาถูกใน A200d ทำให้มันดูน่าดึงดูดน้อยลงและคุณภาพผลิตก็ยังเป็นที่น่าสงสัย แผงควบคุมเครื่องทำความร้อนทำให้คุณเสียสมาธิและช่องระบายอากาศด้านนอกก็ส่ายไปมา ในทางกลับกัน การออกแบบของ 118d มีสีสันน้อยกว่าและเต็มไปด้วยเหลี่ยมมุมที่ตัดกัน แต่มันโดดเด่นในความสมบูรณ์ทางด้านวิศวกรรมอย่างมาก


พื้นที่และการใช้งานจริง

พื้นที่ด้านหน้า, พื้นที่ด้านหลัง, ความยืดหยุ่นในการปรับเบาะ, ห้องเก็บสัมภาระ

        รถทั้ง 2 คันของเราติดตั้งหลังคาพาโนรามิกที่เป็นออปชั่นเสริมซึ่งลดพื้นที่เหนือศีรษะลงเล็กน้อย A200d เหลือพื้นที่เหนือศีรษะด้านหน้าน้อยกว่า แต่ตราบใดคุณสูงไม่เกิน 6 ฟุต คุณจะนั่งสบายในรถทั้งคู่ คุณก็จะมีพื้นที่วางเท้ากว้างขวางแต่ 118d มีพื้นที่มากกว่า A200d อยู่ 2-3 ซม.

        รถทั้ง 2 คันมีพื้นที่เก็บของเพียงพอ แต่ละคันมีพื้นที่สำหรับวางแก้วที่คอนโซลกลาง ช่องใส่ขวดน้ำที่แผงประตูมีขนาดพอเหมาะ และมีพื้นที่พอสำหรับทุกสิ่งที่คุณต้องการซ่อนในช่องเก็บของขนาดใหญ่หรือช่องเก็บของใต้ที่วางแขนด้านหน้า

BMW 1 Series

        น่าแปลกสำหรับรถระดับพรีเมียมเพราะไม่มีคันไหนเลยที่มาพร้อมที่วางแขนตรงกลางสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง นั่นเป็นออปชั่นเสริมที่มีค่าใช้จ่ายในรถทั้งคู่ แต่พื้นที่ด้านหลังของ 1 Series รุ่นใหม่นี้ดีกว่ารุ่นก่อนๆ มาก ทำให้มันเทียบเท่ากับ A-Class มีแฮชท์แบ็คครอบครัวมากมายที่มีพื้นที่กว้างกว่า แต่ทั้ง 2 คันก็มีพื้นที่วางเท้าและพื้นที่เหนือศีรษะด้านหลังเพียงพอสำหรับคนตัวสูง 2 คน โดย A200d มีพื้นที่มากกว่ารุ่นก่อนหน้า ขณะที่ 118d มีพื้นที่มากกว่า A200d เล็กน้อย ผู้ใหญ่ตัวโต 3 คนอาจต้องนั่งเบียดกันแม้ว่าอุโมงค์กลางที่เล็กกว่าของ A200d จะทำให้คนที่นั่งตรงกลางสบายขึ้นแล้วก็ตาม

Mercedes-Benz A-Class

        ห้องเก็บสัมภาระของ A200d นั้นยาวกว่าทำให้เราสามารถยัดกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กได้ถึง 6 ใบ ห้องเก็บสัมภาระของ118d จุได้แค่ 5 ใบซึ่งไม่ได้ดีไปกว่า 1 Series รุ่นก่อนแต่ว่าพอๆ กับ Ford Fiesta ในด้านบวก มันมีขอบประตูหลังต่ำกว่า A200d และยังมีช่องเก็บของใต้พื้นห้องเก็บสัมภาระใหญ่กว่า นอกจากนี้ พื้นตรงนี้สามารถกดเปิดได้ คุณจึงไม่ต้องงัดมันด้วยข้อศอกในขณะที่กำลังขนถ่ายสิ่งของ

        เมื่อคุณต้องการพื้นที่เพิ่มขึ้น เบาะหลังพับแยก 40/20/40 ของ A200 ให้ความยืดหยุ่นมากกว่า คุณสมบัตินี้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มใน118d ซึ่งเบาะมาตรฐานพับแยกได้แบบ 60/40


การซื้อและการเป็นเจ้าของ

ราคา, อุปกรณ์, ความน่าเชื่อถือ, ความปลอดภัย

        จนถึงตอนนี้รถทั้ง 2 คันแข่งกันได้สูสี แม้ว่า 118d จะดูเหนือกว่าอยู่บ่อยครั้งแต่ไม่ใช่กับเรื่องนี้ มันราคาแพงกว่าหากคุณซื้อเป็นรถส่วนตัว

.สิ่งที่คุณต้องจ่าย. ราคาทั้งหมดอยู่ในช่วงการทดสอบ

BMW 1 Series

ยังไม่ได้รับการรับรอง RED2 ดังนั้นภาษีรถบริษัทจึงสูงกว่า

Mercedes-Benz A-Class

ถูกกว่าทั้งการซื้อเงินสด เงินผ่อน และซื้อเป็นรถบริษัท


        ค่าใช้จ่ายรายเดือนของ 118d แพงกว่า A200d ไม่ว่าจะเป็นเช่าหรือการผ่อนแบบ PCP กล่าวได้ว่า BMW กำลังเสนอข้อตกลงทางการเงินที่น่าสนใจกว่าในบางประเด็น รถทั้ง 2 คันทำได้ดีในการทดสอบความประหยัดน้ำมันแต่โดยรวมแล้ว A200d ประหยัดกว่า

        คนขับรถบริษัทจะต้องจ่ายมากกว่าสำหรับ 118d ส่วน A200d ตรงตามมาตรฐานการปล่อย CO2 ของ RDE2 ล่าสุด จึงไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมดีเซล 4% ตามปกติสำหรับภาษี BIK, 118d ยังไม่ได้ทดสอบ RDE2 (จะเริ่มในเดือนเมษายน) ดังนั้น ตอนนี้ผู้ขับต้องเสียภาษี BIK ที่ 40% เมื่อเกิน 3 ปี

        รถทั้ง 2 คันมีอุปกรณ์มาตรฐานที่เหมาะสม อาทิ เครื่องปรับอากาศ, เบาะหนัง และล้ออัลลอย 18 นิ้ว 118d มาพร้อมกับเบาะหน้าทำความร้อนและกระจกมองข้างแบบพับได้ ขณะที่ A200d มีหน้าต่างด้านหลังสีอ่อน รถทั้ง 2 คันมาพร้อมกับระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติและระบบช่วยให้อยู่ในเลนเป็นมาตรฐาน



.. WHATCAR? SAY ..

        BMW 118d รุ่นใหม่นี้เป็นรถที่ขับได้ดีกว่า มันล้าหลังนิดหน่อยแต่ก็ไม่ใช่ข้อเสียที่มีน้ำหนักมากพอจะทำให้เราหักคะแนน การควบคุมของมันก็มีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อคุณอยากหาอะไรสนุกๆ ทำ แน่นอนว่าการวิ่งของมันมั่นคงกว่าหากคุณไปเลือกระดับตกแต่ง M Sport มันทั้งควบคุมได้และค่อนข้างนั่งสบายเกือบตลอดเวลา และเนื่องจากมันเงียบกว่าเวลากระแทกเนินและกระตุกน้อยกว่าเมื่อการจราจรติดขัด มันจึงเป็นรถที่ดีกว่าในภาพรวม

        ในประเด็นที่ Mercedes-Benz A200d ตามหลังอยู่นั้นมันก็ไม่ได้ทิ้งห่างมากนัก มันมีจุดแข็งที่ชัดเจนของตัวเองซึ่งรวมถึงความนุ่มสบายในการขับและการใช้งานจริงโดยไม่ต้องคิดถึงค่าใช้จ่าย มันราคาถูกกว่าไม่ว่าคุณจะซื้อแบบไหน และยิ่งเมื่อพิจารณาว่ารถคันไหนจะเป็นที่ต้องการของผู้ขับรถบริษัท คุณจะเสียภาษี BIK สำหรับ A200d น้อยกว่า ถึงแม้มันจะเป็นที่สองในที่นี้แต่ก็ไม่ได้ทิ้งห่างมากนัก


ข้อดี การควบคุมที่คล่องตัว, การขับที่มั่นคง, ภายในอัจฉริยะ, ตำแหน่งนั่งขับยอดเยี่ยม, ระบบสาระบันเทิงยอดเยี่ยม

ข้อเสีย ห้องเก็บสัมภาระเล็กกว่า, ราคาและค่าใช้จ่ายแพงกว่า, คะแนน Euro NCAP ต่ำกว่า

ออปชั่นเสริมที่แนะนำ เบาะหลังพับแยก 40/20/40, ตัวดันหลังปรับไฟฟ้า

ข้อดี คะแนนความปลอดภัยยอดเยี่ยม, ถูกกว่าสำหรับรถบริษัท, ค่าผ่อน PCP เหมาะสม, ประหยัดกว่า, เครื่องยนต์ทรงพลังกว่า

ข้อเสีย เกียร์สั่นขณะรถติด, ระดับความน่าเชื่อถือแย่, เสียงดังกว่าเล็กน้อย

ออปชั่นเสริมแนะนำ Executive Pack, Advanced Smartphone Pack


Exit mobile version