Comparison : Audi A3 vs Mercedes-Benz A-Class vs Volkswagen Golf

Put a socket in it

แฮทช์แบ็ก plug-in hybrid สำหรับครอบครัวอาจจะยังเป็นรถยนต์ระดับสูงแต่ต้องรับประกันการใช้งานที่ประหยัด เรามาดูกันว่ารุ่นไหนจะคุ้มค่าแก่การบอกต่อ


NEW Audi A3 40 TFSIe S line

ราคาปกติ 34,960 ปอนด์ (1,748,000 บาท) 
ราคาที่น่าลงทุน 33,333 ปอนด์ (1,666,650 บาท)

การกำเนิดเกิดขึ้นอีกครั้ง ล่าสุด รถยนต์ plug-in แฮทช์แบ็กสำหรับครอบครัวของ Audi ได้รับการตั้งชื่อใหม่และได้รับการพัฒนาระยะวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน เราเลือกทดสอบรุ่นที่ถูกกว่าจากทั้งสองรุ่นที่มีจำหน่าย


Mercedes-Benz A-Class A250e AMG Line Premium

ราคาปกติ 35,980 ปอนด์ (1,799,000 บาท) 
ราคาที่น่าลงทุน 34,980 ปอนด์ (1,749,000 บาท)

หนึ่งในรถยนต์แฮทช์แบ็ก plug-in hybrid ที่มีระยะวิ่งไฟฟ้ายาวที่สุดในการประชันนี้และมาพร้อมภายในที่สะดุดตา


NEW Volkswagen Golf 1.4 TSI GTE

ราคาปกติ 36,010 ปอนด์ (1,800,500 บาท) 
ราคาที่น่าลงทุน 35,304 ปอนด์ (1,765,200 บาท)

รุ่น Plug-in ของ Golf รุ่นล่าสุดเป็นรถยนต์ที่ทรงพลังและมีระยะที่วิ่งที่พอสู้ Audi A3 ได้


        เมื่อถึงช่วงใกล้สิ้นสุดสัญญาโทรศัพท์มือถือ คุณก็จะเริ่มมองหาตัวแทนตัวใหม่ ที่ทั้งหน้าจอชัดเจน กล้องคมชัด และแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานนานขึ้น ดูเหมือนว่าตลาดสมาร์ทโฟนจะพัฒนาอย่างรวดเร็วกว่าโลกของรถยนต์ที่ทำได้เพียงปรับปรุงสมรรถนะ การประหยัดเชื้อเพลิงและพื้นที่ใช้สอย

AUDI A3

        อย่างไรก็ตามทักษะในการปรับตัวที่ยิ่งใหญ่ของเขาในการผลิตเทคโนโลยี iPhone หรือ plug-in hybrids (PHEVs) มีความเกี่ยวข้องกับผู้คนจำนวนมากขั้นที่มีการเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์น้ำมัน, มอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานร่วมกับระบบไฟฟ้าหลักในการช่วยให้เกิดการใช้พลังงานอย่างประหยัดที่สุดและลดค่าใช้จ่ายระหว่างใช้งานลงอย่างเหลือเชื่อ

        ลองดูตัวอย่างของ Golf GTE ในช่วงที่มีการเปิดตัวใหม่ในปี 2014 ที่มาพร้อมระยะวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วน 64 กิโลเมตรมากพอที่จะไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดค่าน้ำมันแต่ละเดือนแต่ยังช่วยลดภาษีรถยนต์ของ GTE ในช่วง 6% สำหรับรถยนต์บริษัท

MERCEDES-BENZ A-CLASS

        GTE มีความแรง 241 แรงม้าลูกพี่ลูกน้อง Audi A3 e-tron แต่เพราะปัจจุบัน ‘e-tron’ ผลิตแต่รุ่นไฟฟ้าล้วนเท่านั้น plug-in แฮทช์แบ็กรุ่นล่าสุดของตระกูล Audi คือ TFSIe ที่มาพร้อมระยะวิ่งไฟฟ้าล้วน 64 กิโลเมตรบนล้อขนาด 17 นิ้ว (เป็นมาตรฐานของรุ่น Sport และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มในรุ่น S line) แต่ก็ยังมีตัวเลือกรุ่น 201แรงม้า 40 TFSIe ที่เราใช้ทดสอบ และ 242 แรงม้าจาก 45 TFSIe 

VOLKSWAGEN GOLF

        แม้ Mercedes-Benz จะเข้าร่วม PHEV แฮทช์แบ็กช้ากว่าคู่แข่ง แบรนด์ก็ยังสามารถชดเชยช่วงเวลาที่หายไปด้วย A250e ในตระกูล A-Class ที่จริงแล้วนั้นมันมาพร้อมระยะวิ่งที่มากที่สุดโดยสามารถไปได้ไกล 72 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง มันอาจจะไม่ทรงพลังเท่า Golf แต่ด้วยพลัง 215 แรงม้า แน่นอนว่าตัวเลขอาจจะไม่สามารถบอกทุกอย่างได้


การขับขี่

สมรรถนะ, ความรู้สึกในการขับขี่, ความประณีต

        หลังจากที่เราได้นำแรงม้ามาเทียบกันแล้ว เราลองมาดูที่สมรรถนะของรถยนต์แต่ละรุ่น ทั้งสามมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าพลังมากกว่า 100 แรงม้า เมื่อคุณวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าล้วน อัตราเร่งก็ยังคงเพียงพอ ทั้งสามคันสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าลิมิตของมอเตอร์เวย์แม้ว่าการวิ่งด้วยความเร็วสูงจะเป็นการใช้พลังงานแบตเตอรี่ให้หมดลงอย่างรวดเร็วก็ตาม

        ด้วยพลังของแหล่งพลังงานจากเครื่องยนต์ Golf พิสูจน์แล้วว่าทำความเร็วได้ดีที่สุด โดยสามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.8 วินาที แม้ถนนเปียกทั้ง ๆ ที่อาจมีการขัดจังหวะจากการส่งพลังงานไฟฟ้าและล้อหมุน แน่นอนว่า Golf จะต้องทำความเร็วดีที่สุดบนถนนที่แห้งไร้รอยฝนด้วยแต่ล้อหน้าอาจหมุนเกินไปขณะเลี้ยว

AUDI A3

        A3 และ A-Class ไม่ได้ทิ้งห่างกันมากนักทำความเร็วจาก 0- 100 กม./ชม. ภายใน 7.2 วินาที และ 7.3 วินาทีตามลำดับ แม้ว่าในสถานการณ์ส่วนใหญ่ รุ่นหลังจะเคลื่อนที่ได้ไวที่สุด นั่นเพราะ A3 ช่วยลดแรงเสียดทาน A-Class มีอัตราเร่งที่แข็งแกร่งที่สุดเมื่อวิ่งด้วยความเร็วมากกว่า 50 กม./ชม. มันอาจจะไม่ห่างจาก Golf มากเมื่อล้อแตะพื้น

        คุณอาจสงสัยเกี่ยวกับระยะวิ่งด้วยแบตเตอรี่มากกว่าสมรรถนะ น่าเสียดายว่า อุณหภูมิขณะทดสอบรถยนต์เกือบเท่าจุดเยือกแข็ง จึงเป็นเรื่องยากที่จะรู้สมรรถนะที่แท้จริงของแบตเตอรี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในของรถยนต์มีความอบอุ่นที่ประมาณ 21 องศาเซลเซียส แบตเตอรี่ของ Golf ใช้หมดที่ระยะ 31.0 กิโลเมตร ตามด้วย A3 ที่ 33 กิโลเมตร และ A-Class ที่ 35 กิโลเมตร รถจะวิ่งไกลมากขึ้นในวันที่อากาศอบอุ่นและมีแดดออกแต่อย่าคาดหวังว่าคุณจะสามารถวิ่งได้ตามที่แบรนด์เคลมไว้

MERCEDES-BENZ A-CLASS

        คุณอาจรู้สึกว่า A3 และ Golf ให้การขับขี่ที่นุ่มนวลได้อย่างง่ายดายทั้งระบบน้ำมันและไฟฟ้า สำหรับ A-Class คุณอาจจะต้องใช้แรงมากขึ้นในการเลี่ยงการกระตุก ซึ่งเป็นผลจากความรู้สึกของแป้นเบรกและการทำงานระหว่างเครื่องยนต์มอเตอร์ไฟฟ้ากับน้ำมันด้วยเกียร์อัตโนมัติ A-Class ยังมีเครื่องยนต์ที่ส่งเสียงคล้ายเข็มนาฬิกาที่เดินอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่ารถยนต์จะเริ่มอยู่ตัวและเคลื่อนที่อย่างเงียบเชียบด้วยความเร็วระดับมอเตอร์เวย์และมีเสียงรบกวนจากถนนมากกว่าคู่แข่ง

        A-Class เป็นรถยนต์ที่นุ่มนวลที่สุดจากทั้งสามคัน มันช่วยลดแรงกระแทกเป็นอย่างดี แต่ด้วยความรู้สึกในการควบคุมที่ต่ำที่สุด มันสามารถรับแรงกระแทกจากฝาท่อได้ดีกว่าอีกสองรุ่น

        A3 มาพร้อมระบบช่วงล่างที่เฟิร์มที่สุด คุณจะรู้สึกถึงพื้นผิวของถนนได้ อย่างไรก็ตามคุณจะไม่รู้สึกถึงการสั่นสะเทือนและรถยนต์ยังอยู่ภายใต้การควบคุมได้ดีกว่า A-Class เมื่อวิ่งด้วยความเร็วมอเตอร์เวย์

        ด้วยระบบช่วงล่างแบบปรับได้ DCC (785 ปอนด์ หรือ 39,250 บาท) ของ Golf ก็สามารถปรับให้การขับขี่นุ่มนวลเกือบเท่า A-Class ได้ แต่ A-Class ก็ยังนุ่มนวลกว่า DCC สามารถเข้าโค้งและมีการควบคุมตัวรถที่ดีกว่า

VOLKSWAGEN GOLF

        ไม่เพียงแต่ Golf จะมีการบังคับทิศทางที่ดีกว่า โหมดการขับขี่ยังมีผล คุณสามารถเปลี่ยนบังคับระบบเลี้ยวได้อย่างทันทีทันใดในการเลี้ยวแบบหักศอก เป็นเรื่องดีสำหรับการจอด แต่ต้องใช้เวลาเพื่อให้ชินกับการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง A-Class มีระบบเลี้ยวที่ช้าที่สุดแต่มันกลับตอบสนองอย่างเป็นธรรมชาติและทำให้คุณรู้ว่าล้อหน้ากำลังไปทิศทางไหน ในขณะที่ A3 มีระบบเลี้ยวที่ดีที่สุดพร้อมน้ำหนักที่เป็นธรรมชาติและการตอบสนองที่คุณคาดการณ์ได้

        แม้ระบบช่วงล่างของ Golf จะเฟิร์มที่สุด A3 พิสูจน์แล้วว่ามันเป็นรถยนต์ที่กระฉับกระเฉงที่สุด ทั้งนี้ต้องขอบคุณการยึดเกาะที่ดีและมีการเอียงตัวขณะเลี้ยวน้อยที่สุด Golf มีแนวโน้มที่จะวิ่งไปตามที่คุณต้องการขณะเลี้ยว ในขณะที่ A-Class มีแรงยึดเกาะถนนขณะเลี้ยวน้อยที่สุดขณะถนนเปียกและมีความมั่นคงน้อยที่สุด อีกทั้งมันยังใช้ระยะทางหยุดนิ่งจาก 110 กม./ชม. มากที่สุดอีกด้วย


หลังพวงมาลัย

ตำแหน่งคนขับ, ทัศนวิสัย, คุณภาพการผลิต

        ผู้ท้าชิงทั้งสามมาพร้อมเบาะคนขับและพวงมาลัยแบบปรับได้ แม้ว่าคันเร่งของ A-Class จะเยื้องไปทางขวามากกว่าของ Golf และ A3 ซึ่งก็ไม่ได้มีผลต่อความสบายนัก Golf มีส่วนซัพพอร์ทหลังส่วนล่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การซื้อเพิ่มในราคา 260 ปอนด์ (13,000 บาท) บน A3 แต่คุณต้องพึ่งเงินถึง 1,500 ปอนด์ (75,000 บาท) ในการติดตั้ง Premium Plus Pack เพิ่มบน A-Class

Audi A3

        คุณจะไม่มีปัญหากับทัศนวิสัยบนรถยนต์ทั้งสามคัน ทั้งนี้ต้องขอบคุณขอบหน้าต่างที่บางของทั้งสามคัน รวมถึงขนาดหน้าต่างที่พอเหมาะ เมื่อมองทางด้านหลัง คุณจะพบว่า A3 มีขอบหน้าต่างหลังที่บางที่สุดเพื่อให้เห็นด้านหลังชัดเจน ทั้งสามคันมาพร้อมเซ็นเซอร์ช่วยจอดด้านหลัง Golf ยังเพิ่มเซ็นเซอร์ด้านหน้ามาให้อีกด้วย ในขณะที่ A-Class มีทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง แต่สำหรับ A3 คุณต้องติดตั้งระบบ Driver Assistance Pack ราคา 1,195 ปอนด์ (59,750 บาท)

MERCEDES-BENZ A-CLASS

        ทั้งสามรุ่นมีหน้าจอแสดงผลแบบดิจิทัลแทนแบบอะนาล็อก ทั้งหมดมีกราฟฟิกที่คมชัดและสามารถแสดงข้อมูลได้หลากหลาย โดย A3 มีการใช้งานที่ง่ายที่สุดด้วยแป้นกดบนพวงมาลัยแทนที่จะเป็นระบบควบคุมแบบ touch-sensitive เช่นเดียวกับคันอื่น

Volkswagen Golf

        Golf พัฒนาไปได้ไกลโดยการมีปุ่มกดแบบ touch-sensitive บนแผงหน้าจอที่ควบคุมทั้งเครื่องปรับอากาศและระบบเสียงที่เรามีความเห็นว่ายากต่อการใช้งานขณะขับขี่ และในขณะที่เรากำลังชื่นชมกล่องข้างประตูที่ดูเข้ากันเป็นพิเศษ คุณก็จะพบพลาสติกแข็งและวัสดุที่ดูราคาถูกในอีกสองรุ่น ภายในของ A3 อาจดูไม่วิบวับสะดุดตาเท่าของ A-Class แต่มันให้ความรู้สึกแข็งแรงและคุณภาพที่ดี


พื้นที่และความอเนกประสงค์

พื้นที่ด้านหน้า, พื้นที่ด้านหลัง, ความยืดหยุ่นของเบาะนั่ง, พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถ

        ผู้โดยสารสูง 180 ซม.ขึ้นไปก็ยังมีพื้นที่วางขาและพื้นที่เหนือศีรษะเหลือเฟือ แม้ว่าผู้โดยสารขายาวที่สุดรู้สึกว่าตัวเองนั่งค่อนไปทางด้านหลังสักหน่อยบน A-Class สำหรับ Golf มีพื้นที่เหนือศีรษะมากที่สุด ขอบมีขนาดเล็กและมีพื้นที่เก็บของมากที่สุด พร้อมกล่องข้างประตูขนาดกำลังพอดี ที่ชาร์จโทรศัพท์และที่วางแก้วขนาดใหญ่

Audi A3

        เมื่อดูที่ด้านหลัง แน่นอนว่าคุณมีพื้นที่เหนือศีรษะเพียงพอและพื้นที่วางขาเพียงพอสำหรับผู้โดยสารขายาว แม้จะนั่งข้างหลังผู้โดยสารขนาดตัวพอ ๆ กัน แต่ก็ยังมีพื้นที่ให้ยืดเหยียดไม่มากเท่า Skoda Octavia iV หรือ Seat Leon Hybrid หากคุณมีเพื่อนตัวสูง A-Class จะมีพื้นที่เหนือศีรษะให้มากกว่า Golf เล็กน้อย แต่มันกลับมีพื้นที่วางขาน้อยที่สุด ซึ่งเป็น A3 และ Golf พยายามที่จะเก็บแต้มจากส่วนนี้ การรองรับผู้โดยสารสามคนทางด้านหลังอาจจะแน่นเกินไปสำหรับทั้งสามคัน แม้ว่าผู้โดยสารตำแหน่งตรงกลางอาจจะชอบ A-Class ที่มีพื้นนูนน้อยที่สุด

MERCEDES-BENZ A-CLASS

        เช่นเดียวกับ PHEV ส่วนใหญ่ ผู้เข้าแข่งขันทั้งสามคนของเรามีพื้นที่ท้ายรถขนาดเล็กกว่ารุ่นปกติ A3 และ Golf สามารถกลืนกระเป๋าเดินทางได้ในจำนวนเท่ากันกับรุ่นปกติ (5 ใบ) A-Class จะได้ 5 ใบเช่นกัน แต่ก็ยังน้อยกว่ารุ่นอื่น ๆ แต่ก็ยังมีพื้นที่เหลือเล็กน้อย ในขณะที่คู่แข่งกลับไม่เหลือพื้นที่อีก

VOLKSWAGE GOLF

        ในการเพิ่มพื้นที่โดยสาร A3 และ A-Class สามารถพับเบาะหลังได้แบบ 40/20/40 ซึ่งมีความยืดหยุ่นกว่า Golf ที่สามารถพับเบาะลงได้แบบ 60/40 สุดท้ายแล้ว Golf มาพร้อมที่ยึดสกีที่ซ่อนอยู่ตรงกลางของที่เท่าแขนด้านหลัง คุณน่าจะพอใจกับเบาะหลังที่พับได้จนเพิ่มเรียบเสมอกัน อีกทั้งยังมีขอบท้ายรถต่ำเพื่ออำนวยความสะดวกแก่คุณในการขนย้ายสิ่งของ


การซื้อและการเป็นเจ้าของ

ราคา, อุปกรณ์, ความน่าเชื่อถือ, ความปลอดภัยและระบบรักษาความปลอดภัย

        หากคุณต้องการรถยนต์ที่วิ่งด้วยไฟฟ้าได้ไกลที่สุด A-Class มาพร้อมแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดแต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูงที่สุดเพราะต้องชาร์จข้ามคืน อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 15.2 กม./ลิตร เพราะมันมีแบตเตอรี่แบนและมีการผสานพลังงานไฟฟ้าและน้ำมันมากที่สุด A3 ประหยัดพลังงานที่สุดด้วย 17.6 กม./ลิตร และมีค่าใช้จ่ายในการชาร์จเท่ากับ Golf โดยธรรมชาติแล้วคุณสามารถวิ่งด้วยระบบไฟฟ้าได้นานขึ้นหากสภาพอากาศอบอุ่น ค่าน้ำมันของคุณจึงจะลดลงในทั้งสามคัน

        สำหรับรถยนต์บริษัท A3 เป็นรุ่นที่มีภาระภาษี BIK ถูกที่สุด หากคุณเลือกรุ่นล้อ 17 นิ้ว (เป็นตัวเลือกที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มของรุ่น S line) คุณจะอยู่ในเกณฑ์ภาษี 6% หากล้อรุ่น 18 นิ้ว คุณจะอยู่ในเกณฑ์ภาษี 10% เพราะระยะวิ่งไฟฟ้าที่สั้นกว่า อีกสองรุ่นอยู่ในเกณฑ์ภาษี 6% แต่ด้วยราคาที่สูงกว่าหมายความว่าคุณจะมีภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือนมากกว่า

        หากคุณซื้อในนามรถยนต์ส่วนตัวด้วยเงินสด เมื่อคุณลองคำนวณส่วนลด ค่าเสื่อม ค่าบริการ และค่าอื่น ๆ แล้ว A3 เป็นรถยนต์ที่มีต้นทุนการใช้งานถูกที่สุดในระยะ 3 ปี ตามด้วย A-Class และ Golf ซึ่งมีราคาสูงที่สุด

        แน่นอนว่า หลายคนเลือกที่จะซื้อรถผ่านระบบไฟแนนซ์ ซึ่ง A-Class มีภาระผ่อน PCP ต่อเดือนที่ 450 ปอนด์ (22,500 ปอนด์) และ 486 ปอนด์ (24,300 ปอนด์) สำหรับ A3 และ 504 ปอนด์ (25,200 ปอนด์) สำหรับ Golf ด้วยเงินมัดจำ 3,500 ปอนด์ (175,000 บาท) และจำกัดระยะ 10,000 กิโลเมตร ตลอด 36 เดือน

        ในรุ่นที่เราเลือก Golf มาพร้อมอุปกรณ์ครบครันที่สุด เช่น ระบบ cruise control แบบปรับได้ และระบบปรับอากาศแยกสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ตามมาด้วย A-Class มีระบบไร้กุญแจเช่นเดียวกับ Golf โดย A3 มีอุปกรณ์น้อยที่สุด เช่นไม่มีระบบไร้กุญแจ โดยคุณจะต้องเพิ่มเงินติดตั้งแพ็กเสริมราคาแพง

        ทั้ง A3 และ Golf ยังใหม่เกินไปที่จะถูกโหวตในการสำรวจรถยนต์ที่น่าเชื่อถือประจำปี 2020 โดย A-Class ถูกจัดอยู่ในอันดับท้ายสุดของตาราง ทั้งสามแบรนด์อยู่ในอันดับที่น่าผิดหวังในตารางอันดับแบรนด์ เช่น Volkswagen อยู่ในอันดับที่ 20 จาก 31 Audi อันดับที่ 22 และ Mercedes อันดับที่ 26 ผู้เข้าท้าชิงทั้งสามมีระยะประกัน 3 ปีเป็นมาตรฐาน โดย A-Class ไม่จำกัดระยะไมล์ แต่อีกสองจำกัดที่ 60,000 กิโลเมตร แบตเตอรี่ขนาดใหญ่มีระยะประกัน 8 ปี/100,000 กิโลเมตร

        ระบบรักษาความปลอดภัย เช่น ระบบเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะและรักษาเลน ถูกติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน Golf มาพร้อมระบบช่วยเตือนจุดบอดและระบบที่ช่วยรักษารถให้อยู่กลางเลน

        รุ่น non-PHEV ของทั้งสามได้รับ 5 ดาวจาก Euro NCAP แม้ว่าส่วนหน้าของ A3 ได้คะแนนต่ำที่สุด นั่นเป็นเพราะมันได้รับการทดสอบกับกฎใหม่ที่เข้มงวดกว่าเดิม จึงทำให้เปรียบเทียบได้ยาก น่าเสียดายที่รุ่น plug-in ของรถยนต์รุ่นนี้ยังไม่ได้รับการทดสอบ



. . WHATCAR? SAY . .

ศึกในครั้งนี้ช่างดูสูสีด้วยจุดแข็งและจุดอ่อนเฉพาะตัว เราสัมผัสถึงสมรรถนะที่เปี่ยมไปด้วยพลังของ Golf รายการอุปกรณ์ยาวเหยียดและความสามารถของระบบช่วงล่างแบบปรับได้ แต่กลับได้ตำแหน่งที่สามไปครอง ด้วยราคาที่สูง, การออกแบบภายในที่ไม่สมราคาและระบบสาระบันเทิงที่น่าผิดหวังที่สุด

A-Class มาเป็นอันดับสอง ด้วยความสามารถในการรวมสมรรถนะที่ปราดเปรียวและความสบายในการขับขี่เข้าด้วยกัน รวมถึงยังมาพร้อมระยะวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามระบบ hybrid ที่ยังไม่เรียบร้อย, ระบบเครื่องยนต์ที่กินน้ำมันและความสนุกในการขับขี่ที่เฉย ๆ ทำให้มันพ่ายให้กับ A3 

ระบบช่วงล่างของ A3 ช่วยผสานความนุ่มสบายและการขับขี่ที่กระฉับกระเฉง ในขณะที่มันมาพร้อมสมรรถนะยอดเยี่ยมเกินจำเป็น ทั้งการออกแบบภายในที่ดึงดูดสายตา, ตำแหน่งคนขับที่ยอดเยี่ยม, รถยนต์ควบคุมง่าย และที่สำคัญที่สุดค่าใช้จ่ายระหว่างการใช้งานต่ำที่สุดในกลุ่ม ทำให้มันคู่ควรกับตำแหน่งชนะเลิศ


ข้อดี ขับขี่ดีที่สุดและมีเสถียรภาพสมดุล ออกแบบภายในคลาสสิกที่สุด ค่าใช้จ่ายระหว่างการใช้งานต่ำ

ข้อเสีย ภาษีรถยนต์บริษัทสูงด้วยล้อขนาด 18 นิ้ว ระบบสัมผัสตอบสนองช้า

อุปกรณ์เสริมที่แนะนำ แพ็ก Comfort and

ข้อดี ระยะวิ่งไฟฟ้าสูงที่สุด ขับขี่สบายบนมอเตอร์เวย์ ชาร์จไวที่สุด พื้นที่ท้ายรถใหญ่ที่สุด

ข้อเสีย กินน้ำมันมากที่สุดและมีเครื่องน้ำมันเสียงดัง มีระบบ hybrid ที่ดังที่สุด บางครั้งเสถียรภาพไม่ราบเรียบ

อุปกรณ์เสริมที่แนะนำ สีเมทัลลิค (595 ปอนด์ หรือ 29,750 บาท)

ข้อดี สมรรถนะเปี่ยมไปด้วยพลัง อุปกรณ์ครบครัน เดินทางสบายที่สุด อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมมีมาเป็นมาตรฐาน

ข้อเสีย ราคาสูงที่สุดในการซื้อหรือผ่อน แรงยึดต่ำเมื่อสภาพอากาศแย่ ระยะวิ่งไฟฟ้าสั้นที่สุด ระบบสาระบันเทิงแย่ที่สุด

อุปกรณ์เสริมที่แนะนำ สีเมทัลลิค (625 ปอนด์ หรือ 31,250 บาท)

Exit mobile version