BMW X7 เอสยูวีเรือธงลำยักษ์เผยโฉมแล้ว หรูที่สุด ใหญ่ที่สุด

          BMW เผยโฉมเอสยูวีรุ่นใหญ่ที่สุด BMW X7 มาพร้อมกับความหรูหรา ใหญ่โตโอ่อ่า และเทคโนโลยีแห่งอนาคต เป็นการเปิดศึกท้ารบกับ Mercedes-Benz GLS และ Range Rover อย่างเต็มตัว

          หลังจากเวอร์ชันต้นแบบ X7 iPerformance Concept ปรากฏตัวสู่สาธารณะชนครั้งแรกเมื่อปีก่อน บัดนี้ X7 เวอร์ชันผลิตขายจริงได้โฉมแล้วก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่งาน LA Motor Show 2018 เดือนพฤศจิกายนนี้

          BMW แสดงตัวตนเพื่อก้าวเข้าสู่ตลาดเอสยูวีหรูด้วย X7 ที่มาพร้อมกับความหรูหราแบบ 7 Series ผสานกับความสามารถแบบออฟโรดของ X5 รุ่นล่าสุด ซึ่งมีการแชร์เทคโนโลยีทางวิศวกรรมและโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมหลายอย่างร่วมกัน

           X7 มาพร้อมกับโค้ดเนม G06 ดีไซน์ภายนอกของรถต้นแบบ Concept X7 ถูกถ่ายทอดมายังเวอร์ชันผลิตจริงคันนี้ในหลายๆ ส่วน ไล่มาตั้งแต่กระหน้าไตคู่ขนาดใหญ่, ไฟหน้า LED ดีไซน์แหลมคม, ฝากระโปรงดีไซน์บึกบึน, แนวหลังคาทรงสูง และประตูท้ายไฟฟ้า 2 บาน

          ภายนอกถูกตกแต่งตามแบบฉบับรถหรูด้วยวัสดุโครเมียม มี 2 ระดับตกแต่งให้เลือกคือ มาตรฐาน และ M Sport ความยาวตัวรถ 5151 มม. กว้าง 1990 มม. สูง 1805 มม. ความยาวฐานล้อ 3105 มม. นี่คือเอสยูวีที่ใหญ่โตที่สุดของ BMW ณ ปัจจุบัน

         ภายในของ X7 มาในดีไซน์ใกล้เคียงกับ X5 รุ่นล่าสุดด้วยแดชบอร์ดแบบหลายชั้น โดดเด่นด้วยหน้าปัดดิจิตอลเต็มรูปแบบ และหน้าจอระบบสาระบันเทิงขนาด 12.3 นิ้ว อุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่นย่อยประกอบด้วย เครื่องปรับอากาศ 4 โซน ประตู Soft Close หลังคากระจกซันรูฟแบบ 3 ชิ้น และฟังก์ชันช่วยจอดรถที่มาพร้อมกับกล้องมองหลัง

         X7 มีเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่งเป็นมาตรฐาน เป็นเบาะปรับไฟฟ้าทั้งหมดทุกที่นั่ง ผู้ซื้อสามารถเลือกออปชันเบาะ 6 ที่นั่งแบบ 2+2+2 ได้ ซึ่งเบาะแถว 2 เป็นแบบ VIP มีพนักวางแขนและปรับได้อิสระ ที่ว่างช่วงขาและที่ว่างเหนือศีรษะจะมากกว่า X5 รุ่นล่าสุด 90 และ 30 มม. ตามลำดับ

        ความจุห้องเก็บสัมภาระจะแตกต่างกันเริ่มจาก 326 ลิตรเมื่อไม่พับเบาะ ไปจนถึง 740 ลิตรเมื่อพับเบาะแถวหลังสุด 2 ตัวลง ทั้งนี้เบาะแถว 2 สามารถพับได้ด้วยกลไกไฟฟ้า เมื่อพับแล้วจะได้ความจุสูงสุดถึง 2,120 ลิตร

        BMW ยืนยันแล้วว่า X7 จะมี 4 โมเดลย่อยให้เลือก คาดว่าโมเดลที่น่าจะขายดีที่สุดคือ X7 xDrive40i ที่มาพร้อมขุมพลังเบนซิน 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร 335 แรงม้า เร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.1 วินาที อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 11.5 กม./ลิตร และปล่อย CO2 198 กรัม/กม.

         อีกโมเดลที่น่าสนใจได้แก่ xDrive30d เครื่องดีเซล 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร 261 แรงม้า เร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.0 วินาที อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 15.2 กม./ลิตร และปล่อย CO2 171กรัม/กม.

         โมเดลสมรรถนะสูงตัวท็อปสุดของไลน์อัพจะเป็น X7 M50d เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบ 4 ลูก มาพร้อมฝูงม้า 394 ตัว แรงบิด 760 นิวตันเมตร นี่จะเป็นขุมพลังที่ขับเคลื่อนเอสยูวีที่ตัวใหญ่ที่สุดและหนักที่สุดของ BMW ให้ทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 5.4 วินาที และความทำความเร็วสูงสุดได้ 250 กม./ชม. ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยและค่าการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 14.1 กม./ลิตร และ 185 กรัม/กม. ตามลำดับ

        X7 ทุกโมเดลติดตั้งเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive เป็นมาตรฐาน X7 M50d มีระบบล็อกเฟืองท้าย M Sport ควบคุมด้วยไฟฟ้าติดตั้งมาเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์มาตรฐาน Off-Road Package ที่ประกอบด้วยโหมดขับขี่บนพื้นผิวต่างๆ 4 โหมด มีให้เลือกเป็นออปชันเสริม

        ช่วงล่างด้านหน้าของ X7 เป็นแบบดับเบิล-วิชโบน ด้านหลังเป็นแบบไฟว์ลิงก์ พร้อมถุงลม โช๊คอัพควบคุมการปรับระดับด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน เช่นเดียวกับล้ออัลลอยสแตนดาร์ดขนาด 20 นิ้ว ออปชันเสริมเกี่ยวกับช่วงล่างและระบบขับเคลื่อนได้แก่ ระบบบังคับเลี้ยวล้อหลัง Integral Active Steering, ระบบป้องกันการโคลงควบคุมด้วยไฟฟ้า และล้ออัลลอยขนาด 21 และ 22 นิ้ว

        เวอร์ชันปลั๊กอินไฮบริดของ X7 ยังไม่ยืนยันว่าจะมีหรือไม่ในตอนนี้ แต่มีความเป็นไปได้ว่า BMW อาจจะใช้ระบบขับเคลื่อนเบนซิน-ไฟฟ้า ของ X5 xDrive45e iPerformance พร้อมกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่ มาประจำการใน X7 เวอร์ชันปลั๊กอิน-ไฮบริดในอนาคต ส่วนราคาค่าตัวคาดว่ารุ่นเริ่มต้นอย่าง xDrive30d จะอยู่ที่ 72,155 ปอนด์ (ราว 3.6 ล้านบาท)

Gallery

[embedyt] https://www.youtube.com/watch?v=9X_uPjJW9mY[/embedyt]

Exit mobile version