BMW X5 xDrive45e นิยามของคำว่าเพอร์เฟกต์

หากคุณเป็นแฟนคลับของ BMW คุณน่าจะรู้ว่าแบรนด์เยอรมันกำลังพยายามขยายไลน์อัพรถเอสยูวีทั้งรุ่นใหม่และรุ่นปรับปรุงให้ได้ครบ 10 รุ่นภายในปี 2020 และหนึ่งในนั้นก็คือ X5 xDrive45e ปลั๊กอินไฮบริดโมเดลที่มาแทน xDrive40e ในเจเนอเรชั่นก่อน แถมสามารถเอาชนะคู่แข่งด้วยการทำระยะทางด้วยไฟฟ้าล้วนได้ไกลที่สุด

     ปีนี้เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดกำลังขาดตลาดอย่างหนัก ทั้ง Audi และ Volvo ต่างมีคนละ 2 โมเดลเท่านั้นในไลน์อัพของพวกเขา XC90 T8 ของ Volvo ก็เพิ่งคว้ารางวัล Plug-in Hybrid of the Year มาหมาดๆ ขณะที่ Mercedes-Benz ก็กำลังปล่อยเวอร์ชั่นเสียบปลั๊กของ GLC และ GLE ส่วน Land Rover มี Range Rover Sport P400e ถึงอย่างไร BMW X5 xDrive45e ก็เป็นเอสยูวีหรูปลั๊กอินไฮบริดโมเดลใหม่แซงหน้าคู่แข่งด้วยระยะทางขับขี่โหมดไฟฟ้าล้วนที่ไกลถึง 87 กม.

     เป็นที่รู้กันอยู่ว่า X5 เวอร์ชั่นปกตินั้นทั้งสะดวกสบาย สวย และหรูหรามาก เมื่อเพิ่มระบบไฟฟ้าเข้ามาก็ยิ่งผ่อนคลายมากขึ้นที่ความเร็วต่ำแถมบิลค่าน้ำมันก็ถูกลง ฟังดูแล้วนี่คือส่วนผสมที่เพอร์เฟกต์

     xDrive45e ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ มอเตอร์ไฟฟ้าได้รับพลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 24kWh ใต้เบาะหลัง ถังน้ำมันถูกออกแบบไว้ใต้พื้นห้องเก็บสัมภาระเป็นอย่างดีทำให้มันมีพื้นที่สำหรับวางแบตเตอรี่ที่เหมาะสม ส่งผลให้ขนาดห้องเก็บสัมภาระหายไป 150 ลิตรเมื่อเทียบกับ X5 ปกติ และคุณจะไม่มีล้ออะไหล่

      X5 มีพื้นที่ภายในไม่กว้างเท่า Audi Q7 และไม่ได้มี 7 ที่นั่งเหมือน XC90 แต่พื้นที่ทุกส่วนไม่มีคำว่าคับแคบ ระบบสาระบันเทิง iDrive ชนะคู่แข่งทั้งหมดในแง่ของการใช้งานและความลื่นไหล

      จุดเด่นสำคัญที่ทำให้ X5 เหนือกว่าทุกคู่แข่งคือระยะทางขับขี่โหมดไฟฟ้าล้วนที่ไกลถึง 87 กม. นี่มันมากกว่าที่คู่แข่งส่วนใหญ่วิ่งได้เกือบสองเท่า นั่นหมายความว่า X5 เป็นรถบริษัทที่ถูกมากเมื่อคำนวณภาษีจากระยะทางขับขี่โหมดไฟฟ้าล้วน

      ข่าวดีต่อมาเกิดขึ้นเมื่อคุณกำลังขับรถ มันสมูธ เงียบ และเร็วมากถ้าคุณคาดหวังถึงสมรรถนะจากรถประหยัดน้ำมัน การควบคุมของมันก็ยอดเยี่ยมไม่ต่างจาก X5 ปกติด้วยพวงมาลัยที่แม่นยำและฉับไวกว่า XC90 ช่วงล่างถุงลมช่วยให้รถนุ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะการขับขี่บนมอเตอร์เวย์ และมันยังนุ่มกว่า XC90 ตอนขับในเมืองด้วย

      ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดได้ระหว่าง Sport, Hybrid และ Electric เพื่อกำหนดให้รถเลือกการใช้พลังงานว่าจะเบนซินหรือไฟฟ้า แต่ให้ที่ดีที่สุดควรเลือก Hybrid ในโหมดนี้คุณแทบจะไม่รู้สึกถึงการสลับการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ เมื่อเครื่องยนต์เบนซินติดมันจะให้แรงดึงที่มากตามที่ต้องการ นอกจากนี้ ระบบเบรกยังให้ฟีลลิ่งไม่ต่างจาก X5 รุ่นปกติด้วย ซึ่งปกติแล้วรถยนต์ที่มีระบบไฟฟ้าจะเบรกได้ไม่ดีเหมือนรถน้ำมันปกติ สายชาร์จมาตรฐานที่ติดมากับรถรองรับอัตราการชาร์จสูงสุด 3.7kW ชาร์จ 0-80% ราว 5 ชม. หากอยากให้ชาร์จเร็วขึ้นต้องซื้อสายพิเศษเพิ่มเติม

       เมื่อดูด้านราคาค่าตัว X5 ถูกกว่า Q7 และ XC90 ระดับเดียวกันอยู่เล็กน้อย ชัดเจนว่า X5 เวอร์ชั่นปลั๊กอินไฮบริดเหมาะสมอย่างมากโดยเฉพาะกับการเป็นรถบริษัท ที่จริงแล้วจุดด่างพร้อยจุดเดียวของมันก็คือการไม่มีเบาะแถวสามแค่นั้นเอง

Exit mobile version