BMW X4 2018 เอสยูวีท้ายลาดสไตล์คูเป้เจนเนอเรชันที่ 2 เผยโฉมอย่างเป็นทางการ

          BMW เผยโฉม X4 เจนเนอเรชันที่ 2 หลังจากโฉมก่อนหน้ามีอายุเพียงแค่ 4 ปี ตั้งเป้าเอาชนะ Range Rover Evoque และขยายฐานแฟนคลับพรีเมียมเอสยูวีสไตล์คูเป้

          BMW X4 รุ่นแรกเปิดตัวในปี 2014 มันคือคูเป้เอสยูวีที่มีรูปลักษณ์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว คู่ขับเคี่ยวก็คือ Evoque และ Porsche Macan ก่อนหน้านี้ค่ายใบพัดฟ้าขาวเพิ่งเปิดตัว X3 เจนเนอเรชันที่ 3 ไปเมื่อปีที่แล้ว และตอนนี้ก็ถึงเวลาของ New X4 ใหม่ที่จะมาเขย่าวงการ

          BMW บอกว่า X4 ใหม่เป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในแง่ของการควบคุมและสมรรถนะจากรุ่นก่อนหน้า โดยมีเครื่องยนต์ให้เลือก 4 บล็อก แบ่งเป็นเบนซิน 4 สูบและดีเซล 4 สูบอย่างละ 2 เครื่อง นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชัน M Performance เครื่อง 6 สูบอีก 2 โมเดลตามออกมาในภายหลัง

           เครื่องเบนซิน 2.0 ลิตรพื้นฐานให้พละกำลัง 184 แรงม้า (xDrive20i) และ 252 แรงม้า (xDrive30i) เครื่องตัวหลังสามารถเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 6.3 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 240 กม./ชม. เครื่องดีเซล 2.0 ลิตร ให้กำลัง 190 แรงม้า (xDrive20d) มีอัตราสิ้นเปลือง 18.8 กม./ลิตร ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 142 กรัม/กม. อีกหนึ่งบล็อกให้พลัง 231 แรงม้า (xDrive25d)

           เวอร์ชัน M Performance เริ่มต้นด้วย M40i ขับเคลื่อนโดยขุมพลัง 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบ มีแรงม้า 360 ตัวเท่ากับรุ่นก่อนหน้าแต่มีแรงบิดมากกว่า 34 นิวตันเมตร (500 นิวตันเมตร) พุ่งทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ใน 4.8 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกล็อกไว้ที่ 250 กม./ชม. BMW ยืนยันว่าอัตราสิ้นเปลี่องอยู่ที่ 12 กม./ลิตร ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 209 กรัม/กม.

          อีกหนึ่งโมเดลคือ M40d ใช้เครื่องดีเซล 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบ ให้พละกำลัง 326 แรงม้า แรงบิด 501 นิวตันเมตร ทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ใน 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุดล็อกไว้ที่ 250 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลีอง 15.6 กม./ลิตร ปล่อยคาร์อนไดออกไซด์ 173 กรัม/กม.

          X4 ใหม่มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติทอร์กคอนเวอร์เตอร์ 8 สปีดเป็นมาตรฐาน มีแพดเดิลชิฟท์ที่พวงมาลัยทุกรุ่นยกเว้น xDrive20i และ xDrive20d เกียร์อัตโนมัตินี้ทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive ที่ควบคุมโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมีการตั้งโปรแกรมให้แบ่งเบาการขับเคลื่อนของล้อหลัง มันทำงานร่วมกับฟังก์ชัน Performance Control ซึ่งขะช่วยกระจายแรงบิดที่จะไปขับเคลื่อนล้อหลังทั้งสองล้อให้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีระบบ Driving Experience Control ระบบนี้จะช่วงให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ระหว่าง Sport, Comfort และ Eco-Pro ในโมเดลสเปคสูงจะมีอีกหนึ่งโหมดพิเศษเพิ่มเข้าคือ Sport Plus

          X4 ใหม่สร้างบนพื้นฐาน CLAR Platform ใช้อลูมิเนียมและเหล็กกล้าความแข็งแรงสูงเป็นส่วนประกอบ ทำให้รถปราดเปรียดกว่ารุ่นก่อนหน้าและน้ำหนักเบาลง 50 กิโลกรัม มิติตัวรถยาว 4752 มม. กว้าง 1918 มม. สูง 1621 มม. ฐานล้อยาว 2864 มม. กระจายน้ำหนักหน้าหลังแบบ 50:50 

          ภายในของ X4 ใหม่แชร์มาจาก X3 ใช้วัสดุคุณภาพสูงและออกแบบตกแต่งอย่างประณีตสวยงามกว่า X4 ตัวก่อน เบาะนั่งออกแบบใหม่ให้นั่งสบายและซัพพอร์ตมากขึ้น มาพร้อมกับระบบสาระบันเทิง iDrive รุ่นล่าสุด แสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 6.5 นิ้ว (อัพเกรดเป็น 10.3 นิ้วได้) ควบคุมผ่านปุ่มหมุนที่คอนโซลกลาง Voice Control และ Gesture Control มีเป็นออปชันเสริม ฐานล้อที่ยาวขึ้นทำให้ที่ว่างช่วงขาของผู้โดยสารตอนหลังมีมากขึ้น ห้องเก็บสัมภาระเพิ่มความจุอีก 25 ลิตร เป็น 525 ลิตร พนักพิงเบาะหลังพับแยกแบบ 40/20/40 เมื่อพับแล้วความจุจะเพิ่มเป็น 1,430 ลิตร

          X4 ใช้ระบบกันสะเทือนด้านหน้า double-wishbone แบบใหม่ ที่มีประสิทธิภาพดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ทุกรุ่นมาพร้อม M Sport Suspension และระบบบังคับเลี้ยวแบบ Servotronic ที่มีความไวสูงเป็นมาตรฐาน ขนาดล้อมีตั้งแต่ 18 ถึง 20 นิ้ว ยางของล้อ 20 นิ้วด้านหน้าเบอร์ 245/45 ด้านหลังเบอร์ 275/40

          แม้ว่า X4 จะได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อการขับขี่บนทางเรียบแต่ BMW บอกว่ามันก็ออกแบบมาเพื่อจัดการกับเส้นทางออฟโรดด้วยเหมือนกันเพราะมันมีระยะห่างพื้น 204 มม. และความสามารถในการลุยน้ำลึก 500 มม. และมีมุมไต่ มุมคร่อม มุมจาก ที่ 19.4, 25.7 และ 22.6 องศา ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมาพร้อม Hill Descent Control และ Hill Start Assist เป็นมาตรฐาน

X4 ใหม่มีกำหนดเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่งานเจนีวามอเตอร์โชว์เดือนหน้า กำหนดส่งมอบรถคันแรกในอังกฤษวันที่ 15 กรกฎาคม ราคาเริ่มต้นที่ 42,900 ปอนด์ (ราว 2.14 ล้านบาท)

bmw-z4-2018-3829
Exit mobile version