BMW Driving Experience 2017 กับรถรักษ์โลก 330e M Sport

BMW Driving Experience 2017 กับการทดสอบสมรรถนะ BMW 330e M Sport รถปลั๊กอินไฮบริดที่ดีพร้อมด้วยความแรงและประหยัดที่เหนือกว่าเดิม ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้มีสื่อมวลชนเข้าร่วมอบรมและทดสอบขับขี่เพื่อดูว่า 330e คันนี้จะตอบสนองการใช้งานเป็นอย่างไร

         กิจกรรม BMW Driving Experience 2017 ซึ่งจัดขึ้นที่สนามทดสอบไทยบริดจสโตน จังหวัดสระบุรี มุ่งยกระดับประสบการณ์สุดท้าทายและศักยภาพในการขับขี่ ด้วยการให้ความรู้และเทคนิคต่างๆ อย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นการดริฟท์เข้าโค้งอันน่าตื่นตาตื่นใจ การขับขี่บนสภาพพื้นผิวที่ท้าทายอย่างปลอดภัย รวมไปถึงการตอบสนองต่อการขับขี่ซึ่งไม่สามารถจำลองสถานการณ์บนถนนทั่วไปได้ โดยมีผู้ฝึกสอนที่เชี่ยวชาญของบีเอ็มดับเบิลยู พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการขับขี่และตอบสนองต่อสถานการณ์เฉพาะหน้าอย่างฉับไวและปลอดภัย

         BMW 330e M Sport ยังคงมีรูปลักษณ์ไม่แตกต่างจาก Series 3 มีจุดที่สังเกตุได้ชัดเจนที่บริเวณแก้มซ้ายหน้ารถยนต์จะมีช่องเสียบชาร์จไฟฟ้า และสัญลักษณ์อักษรตัว e DRIVE ขณะที่การออกแบบภายนอกและภายในยังคงความเป็นสปอร์ต ผสมผสานความหรูหรา มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายมากมายสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

รูปลักษณ์ภายนอก

         BMW 330e M Sport มาพร้อมความโฉบเฉี่ยวด้วยชุดแต่ง M Aerodynamic ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลาย Double-Spoke และช่วงล่าง M Sport สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งถูกปรับให้ต่ำกว่าเดิม 10 มิลลิเมตร พร้อมสปริงของช่วงล่าง M Sport และท่อนกันโคลงของช่วงล่างด้านหน้าและด้านหลังที่ช่วยลดอาการโยนในโค้ง เพิ่มความแม่นยำของการบังคับเลี้ยวโดยยังไม่ทิ้งความนุ่มนวลในการขับขี่

         นอกจากนี้ BMW 330e M Sport มาพร้อมกับกระจกซันรูฟ สั่งงานเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมแผ่นเบนทางลมที่ติดตั้งมากับกระจกซันรูฟ ช่วยลดลมหมุนเวียนเข้ามาภายในและลดเสียงรบกวนที่เกิดจากลมภายนอก

ภายในห้องโดยสาร

         เติมเต็มความสปอร์ตกับพวงมาลัยหนัง บีเอ็มดับเบิลยู M พร้อมก้านเปลี่ยนเกียร์ ที่พวงมาลัย เบาะนั่งแบบสปอร์ตพร้อมที่หนุนหลังปรับไฟฟ้า (Lumbar support) สำหรับเบาะนั่งตอนหน้า ระบบนำทาง เครื่องเสียงระบบ Hi-Fi แผงคอนโซลลาย Aluminium Hexagon และพนักพิงเบาะหลังสามารถปรับแบ่งพับได้แบบ 40:20:40 เพื่อความคล่องตัวในการบรรทุกสัมภาระได้สูงสุด

หัวใจหลักรักษ์โลก

         รถคันนี้พร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 184 แรงม้า พร้อมแรงบิด 290 นิวตัน-เมตร ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ามอบกำลังเพิ่มเติมสูงสุดอีก 89 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ให้สมรรถนะที่พร้อมตอบสนองในเสี้ยววินาทีตามสไตล์ระบบส่งกำลังไฟฟ้า ทำงานประสานกันกับระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 8 จังหวะเพื่อให้ขับขี่ได้สนุกทันใจ โดยสามารถเลือกขับขี่โดยใช้พลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ที่ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในโหมดไฮบริด BMW 330e M Sport เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไ
ด้ในเวลาเพียง 6.1 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

         เมื่อใช้งานร่วมกันเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้จะมอบกำลังสูงถึง 252 แรงม้า ให้เร่งความเร็วได้อย่างใจนึก ทั้งยังประหยัดน้ำมันด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 55.6 กิโลเมตรต่อลิตรและลดระดับมลภาวะในการขับขี่กับอัตราการปล่อย CO2 ที่ 42 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น

         อีกจุดเด่นที่น่าสนใจ คือ แบตเตอรี่ของรถมีความจุ 7.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งประกอบไปด้วยโมดูลแบตเตอรี่ 5 ตัว โดยแต่ละโมดูลสามารถถอดเปลี่ยนได้ตามความจำเป็น จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและสามารถชาร์จได้กับปลั๊กไฟบ้านทั่วไป โดยมีช่องเก็บสายชาร์จอยู่ใต้พื้นที่เก็บสัมภาระตอนท้าย เมื่อแบตเตอรี่หมดสามารถชาร์จด้วยไฟบ้านให้เต็มได้โดยใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง หรือเลือกเสริมประสิทธิภาพการชาร์จด้วยอุปกรณ์ บีเอ็มดับเบิลยู ไอ วอลล์บ็อกซ์ เพียว (BMW i Wallbox Pure) ที่ทั้งปลอดภัย ใช้งานง่าย และรวดเร็วด้วยกำลังไฟถึง 3.7 กิโลวัตต์ (16 แอมป์ / 230 โวลท์) จึงสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลาที่น้อยกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง ทั้งนี้ แบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูงของBMW 330e M Sport มีระยะเวลารับประกัน 6 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร

ภาพรวมการร่วมกิจกรรม

         หลังจากที่ได้ขับทดสอบ 330e M Sport ในแต่ละสถานีทำให้ผู้ขับรับรู้ถึงสมรรถนะเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ที่ทำอัตราเร่งได้ในระยะเวลาอันสั้นเมื่อต้องการแซงเปลี่ยนเลนบนถนน ขณะเดียวกันระบบเบรกก็ทำได้ดีเยี่ยมเช่นเดียวกันเราได้ทดสอบในสถานีการใช้เบรกพร้อมเปลี่ยนเลนกระทันหัน พบว่ามีอาการโยนของตัวถังน้อยมาก เพราะรถยนต์ของ 330e M Sport มีจุดเด่นด้านการกระจายน้ำหนักตัวรถด้วยการออกแบบวางตำแหน่งเครื่องยนต์ ถังน้ำมัน รวมถึงก้อนแบตเตอรี่ไฟฟ้าอย่างเหมาะสม 50 ต่อ 50 จึงทำให้ควบคุมการขับขี่ได้ดั่งใจ มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ดี แถมยังปล่อย CO2 ที่ 42 กรัมต่อกิโลเมตรเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภาพรวมถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในกลุ่มรถยนต์ขนาดเดียวกันอีกคันหนึ่งสำหรับคนที่ชื่นชอบสนุกกับการขับขี่

         นอกเหนือจากกิจกรรมทาง BMW ยังมีโปรแกรม The Ultimate JOY Experience ที่รวมกิจกรรมและสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย สำหรับเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม BMW Alpine xDrive ซึ่งจะพาลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยู บินลัดฟ้าไปสัมผัสกับประสบการณ์การขับรถบนพื้นผิวหิมะและน้ำแข็งในประเทศนิวซีแลนด์ กิจกรรมไลฟ์สไตล์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกอล์ฟรอบพิเศษที่จัดขึ้นเพื่อตามรอยเส้นทางการแข่งขัน BMW Golf Cup International รอบชิงชนะเลิศระดับโลก ณ Emirates Golf Club นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และประสบการณ์ระดับโลกกับการวิ่งแข่งใน BMW Berlin Marathon รวมไปถึงการฝึกทักษะการขับขี่ในกิจกรรม BMW Driving Experience 2017 กับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ในครั้งนี้ด้วย

         เจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและรับสิทธิพิเศษจาก “The Ultimate JOY Experience” ด้วยการสมัครเข้าร่วม The Ultimate JOY Lounge คลับของคนรักบีเอ็มดับเบิลยูได้ที่ www.BMWultimateJOY.com

BMW 330e M Sport พร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด รุ่นประกอบในประเทศไทย

ราคาจำหน่าย 2,799,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

Exit mobile version