BMW 320d M Sport / 330e M Sport รุ่นประกอบในประเทศ ความสปอร์ตกับราคาที่ถูกลงหลายแสน

      บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประกาศเปิดตัว BMW 3 Series เจนเนอเรชั่นที่ 7 รุ่นประกอบในประเทศ (CKD) มาครบทั้ง 320d M Sport และ 330e M Sport สเปกดีงาม ราคาถูกลงจากรุ่นนำเข้าหลายแสนบาท 

ราคาอย่างเป็นทางการ

        1 ปีที่แล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประกาศการมาถึงของ BMW 3 Series เจนเนอเรชั่นที่ 7 รหัสตัวถัง G20 มีให้เลือกเป็นเจ้าของ 2 รุ่น คือ 320d Sport เครื่องยนต์ดีเซล และ 330i M Sport เครื่องยนต์เบนซิน ในตอนนั้นทั้ง 2 รุ่นยังเป็นรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศ ราคาค่าตัวจึงค่่อนข้างสูง โดย 320d Sport มาในราคา 2.959 ล้านบาท ขณะที่ 330i M Sport มีราคา 3.359 ล้านบาท 

        1 ปีต่อมา รถ 3 Series ทั้ง 2 รุ่นถูกแทนที่ด้วยโมเดลใหม่จากฝีมือการประกอบของพนักงานชาวไทย พร้อมกับปรับหน้าตาและสเปกเล็กๆ น้อยๆ 320d Sport ถูกแทนที่ด้วย 320d M Sport ได้อัพเกรดชุดแต่งภายนอกที่ดูสปอร์ตมากขึ้น ส่วน 330i M Sport แทนที่ด้วย 330e M Sport เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด เหนือสิ่งอื่นใดคือเรื่องราคาค่าตัวที่ถูกลงอย่างมาก 320d ถูกลง 4.1 แสนบาท ขณะที่ 330e ถูกลง 5.6 แสนบาท ทำให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น

        เรือนร่างภายนอกของ 3 Series ใหม่ทั้ง 2 รุ่น มีความใกล้เคียงกันเพราะมาพร้อมกับชุดแต่งภายนอก M Sport เหมือนกัน สืบทอดรูปโฉมที่ทันสมัยและปราดเปรียวด้วยเส้นสายที่แข็งแกร่งและคมชัด ด้านหน้าของตัวรถคือกระจังหน้าไตคู่ขนาดใหญ่สีดำเงาและขอบช่องดักอากาศสี Chrome ที่เชื่อมกับไฟหน้าคู่ LED ทรงเรียวยาว ส่งเสริมรูปลักษณ์ความสง่าแบบรถสปอร์ตให้โดดเด่นด้วยดีไซน์แบบ Hofmeister Kink อันเป็นเอกลักษณ์ด้วยกรอบหน้าต่างที่ได้รับการออกแบบให้เป็นหนึ่งเดียวกับเสา C-pillar พร้อมด้วยไฟท้ายดีไซน์ใหม่เรียวยิ่งขึ้นในรูปทรง L แนวนอนสีหม่นแบบสามมิติ และท่อไอเสียแบบคู่ให้ท้ายรถดูกว้างและสปอร์ตกว่าเดิม

        มิติตัวถังของทั้ง 2 รุ่นมีขนาดเท่ากัน ยาว 4,709 มม. กว้าง 1,827 มม. สูง 1,435 มม. น้ำหนักของ 320d อยู่ที่ 1,530 กก. ห้องเก็บสัมภาระจุ 480 ลิตร ส่วน 330e หนักกว่าที่ 1,740 กก. ห้องเก็บสัมภาระจุ 375 ลิตร การออกแบบสไตล์ M Sport ยังรวมถึงออปชั่นที่มีความพิเศษยิ่งกว่า อาทิ ช่วงล่าง M Sport ใน 320d และช่วงล่าง Adaptive M ใน 330e มาพร้อมระบบพวงมาลัยไฟฟ้าแปรผันตามการหมุนและความเร็วแบบ Servotronic รวมถึงคาลิเปอร์เบรกแบบ M Sport 

       นอกจากนี้ 320d จะได้ล้อล้ออัลลอย M ขนาด 18 นิ้ว ลาย Double-spoke หุ้มยางรันแฟลตขนาด 225/45 R18 ขณะที่ 330e จะได้ล้ออัลลอย M ขนาด 19 นิ้ว ลาย Double-spoke หุ้มยางรันแฟลตขนาด 225/40 R19 ที่ล้อหน้า และ 255/35 R19 ที่ล้อหลัง

        ใต้ฝากระโปรงของ 320d เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 4000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด แบบ Steptronic อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ทำได้ใน 6.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 22.7 กม./ลิตร ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย 115 กรัม/กม.

         ส่วนรุ่น 330e เป็นขุมพลังลูกผสมที่ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo 184 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,500 รอบต่อนาที แรงบิด 300 นิวตันเมตร ที่ 1,350 – 4,000 รอบต่อนาที กับมอเตอร์ไฟฟ้า 113 แรงม้า แรงบิด 265 นิวตันเมตร เมื่อรวมกำลังทั้งระบบจะได้ 292 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ทำได้ใน 5.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 47.6 กม./ลิตร ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ย 48 กรัม/กม.

         330e ยังมีทีเด็ดอยู่ที่ฟังก์ชั่น XtraBoost ที่จะเผยสมรรถนะสูงสุดของรถยนต์ออกมาได้มากยิ่งขึ้นในโหมด SPORT เพียงเหยียบคันเร่งเพื่อกระตุ้นการทำงานของ XtraBoost ก็ปลดปล่อยพละกำลังเสริมมากถึง 40 แรงม้า ภายในเวลาเพียง 10 วินาที ในโหมดการขับขี่แบบ HYBRID สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 110 กม./ชม. ซึ่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้า 30 กม./ชม. โดยใช้เพียงพลังงานไฟฟ้าก่อนสลับไปเป็นการใช้พลังงานเครื่องยนต์ ขณะเดียวกันในโหมด ELECTRIC ซึ่งเป็นโหมดการขับขี่แบบไร้มลพิษ สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กม./ชม. มากกว่ารุ่นเดิมที่ทำได้ 120 กม./ชม.

         นอกจากนี้ 330e ยังได้ปรับปรุงให้มีระยะทางขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนสูงสุดที่  55-68 กม. มากกว่ารุ่นก่อน 50% ในขณะเดียวกันยังลดการใช้อัตราการสิ้นเปลืองและการปล่อยมลพิษในโหมดขับขี่อื่น ๆ ได้มากกว่า 15% มีระบบสร้างเสียงจำลองเพื่อให้ผู้ใช้ทางเท้าได้ยินในขณะขับขี่ด้วยระบบพลังงานไฟฟ้าเพื่อส่งเสียงเตือนผู้ใช้ทางเท้าผ่านระบบลำโพงติดตั้งภายนอก

         ภายในของ 320d และ 330e ใหม่เพิ่มความเพลิดเพลินในการขับขี่ด้วยความสะดวกสะบายและความหรูหรา ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมจอหน้าปัดดิจิตอล BMW Live Cockpit Professional, พวงมาลัยหนังแท้ M Sport, เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sport พร้อมระบบจำตำแหน่งเฉพาะฝั่งคนขับ, กาบบันไดและชุดแป้นวางเท้า M, เพดานหลังคาภายในสี Anthracite, ชุดไฟส่องสว่างภายในและภายนอกห้องโดยสาร (Ambient Light), ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ รวมถึงฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า

       ระบบสาระบันเทิง iDrive ของรถทั้ง 2 รุ่นรองรับระบบเชื่อมต่อ BMW ConnectedDrive รุ่น 330e จะได้รับฟังก์ชันสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวมือ, ระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon และระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สายเพิ่มเข้ามา

        อุปกรณ์ความปลอดภัยของทั้ง 2 รุ่นถือว่าไม่ต่างกันมาก ประกอบด้วย ถุงลมนิรภัย 8 จุด, ระบบ Teleservices, ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน, ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC), ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC), ระบบควบคุมแรงดันเบรกแบบแปรผัน (DBC), ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS), ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist), ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC), เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor), ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection), เซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง และกล้องแสดงภาพด้านหลัง (ในรุ่น 330e จะได้อัพเกรดเป็นกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง)

        สีตัวถังให้เลือก 4 สีเหมือนกันทั้ง 2 รุ่น ประกอบด้วย สีขาว Mineral White, สีดำ Black Sapphire, สีเทา Mineral Grey และสีน้ำเงิน Portimao Blue 

          BMW 320d M Sport และ 330e M Sport เปิดให้จับจองเป็นเจ้าของแล้ว สามารถดูรถตัวจริงได้ที่โชว์รูมบีเอ็มดับเบิลยูทั่วประเทศ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.bmw.co.th หรือ www.facebook.com/bmwthailand

Gallery

Exit mobile version